Inside Dara
'ไอซ์-ปรีชญา'กับชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาว

ขึ้นแท่นนางเอกร้อยล้านมาแล้ว จากภาพยนตร์เรื่อง "ATM เออรัก เออเร่อ" มาครั้งนี้ นางเอกสาว "ไอซ์" ปรีชญา พงษ์ธนานิกร กำลังมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง "ไอฟาย...แต๊งกิ้ว...เลิฟยู้" ของค่ายหนังอารมณ์ดี จีทีเอช ซึ่งหลายคน ก็รอลุ้นว่าหนังเรื่องนี้จะทำรายได้ถล่มทลายอีกหรือไม่ วันนี้เลยขอคว้าตัวเธอมานั่งพูดคุยถึงการทำงานในเรื่องนี้ พร้อมกับเรื่องราวชีวิตที่เธอเจอมาหลากหลาย ว่าแล้วไปสัมผัสตัวตนของเธอกันเลย...

งานแสดงในตอนนี้
คาแรกเตอร์ในเรื่อง "ไอฟาย...แต๊งกิ้ว...เลิฟยู้" เป็นอย่างไร

เป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษ เป็นผู้หญิงสดใสร่าเริง จริงๆ ไม่มีลักษณะอะไรโดดเด่นมาก เหมือนเป็นตัวแทนผู้หญิงที่รักการสอนภาษาอังกฤษ ถามว่าต้องไปเรียนอะไรเพิ่มเติมมั้ย คือมีไปเรียนภาษาอังกฤษ ไปเทคคอร์สอยู่เดือนหนึ่ง เพื่อที่จะปรับแอ็กเซนท์เราให้ชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากตอนแรกเราอาจจะมีบางคำที่พูดไม่ชัด คือการเป็นติวเตอร์ต้องออกเสียงสำเนียงให้ชัดมาก ฉะนั้นเราต้องไปเรียน ถามว่ายากมั้ย มันยากนะ เพราะว่าไม่ใช่ภาษาของเรา เป็นภาษาที่สองของเรา ซึ่งเราไม่คุ้นเคย ไม่ได้พูดในชีวิตประจำวัน แต่พอมาเรียน ก็เริ่มดีขึ้น

ตัวละครตัวนี้ยากตรงไหน

ไอซ์คิดว่า มันท้าทายด้วยบทบาทของมันอยู่แล้ว เวลาที่เราแสดง ต้องมีการปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์เยอะอยู่เหมือนกัน ต้องเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ต้องพูดให้ชัด คือไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เราจะพูดได้เลย เราต้องไปเรียนเพิ่มด้วย คือพี่เมษ(เมษ ธราธร) เขาเห็นอะไรในตัวไอซ์ด้วย น่าจะทำได้ ให้เราลองดูนะ อาจจะยากหน่อย ถ้าทำได้มันก็ดี ได้พัฒนาตัวเองขึ้นไป เขาเหมือนมั่นใจในตัวเรา ตอนแรกไอซ์ไม่มั่นใจตัวเอง เราจะทำได้หรือเปล่า จะทำให้เขาแฮปปี้มั้ย กับสิ่งที่เราทำ เขาก็บอกให้ลองดู แต่พอผลออกมามันก็ดี

ในเรื่องต้องมีเต้นด้วย

ใช่ แต่ท่าเต้นก็เป็นท่าเต้นของคนไทยนี่แหละ ที่เต้นตามงานวัดนี่ล่ะ(หัวเราะ) จะเห็นเยอะ อย่างเวลาเต้นอยู่ท้ายรถ แต่ไม่ได้ไปเรียนหรืออะไรหรอก ฝึกกันเอง แรกๆ เขินนะ(หัวเราะ) อุ๊ย เราจะเต้นแบบนี้เหรอ เต้นยังไง เต้นแบบนี้มันถูกมั้ย จริงๆ ท่าเต้นแบบนี้ มันไม่มีถูกไม่มีผิดอยู่แล้ว คือเต้นเพราะแฮปปี้ เต้นมาจากลึกๆ ไม่ต้องจัดระเบียบ ท่าฉันต้องเป๊ะ มันเป็นท่าที่เราสนุกกับมัน มันก็จะออกมาเองเลย แรกๆ ไอซ์ก็งงๆ ว่าจะเริ่มเต้นยังไงดี แต่พอเต้นๆ ไป มันมีอินเนอร์ออกมาเอง(ยิ้ม)

ทำงานกับ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เป็นอย่างไรบ้าง

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ที่เล่นกับพี่ซันนี่ จริงๆ เกือบจะมีโอกาสร่วมงานกันก่อนหน้านี้แล้ว ตอนซิทคอมเนื้อคู่ฯ แต่พอดีเจออุบัติเหตุรถชนซะก่อน แต่พอมาเจอกันในหนังครั้งแรกก็ดีนะ พี่ซันนี่ขี้แกล้งไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่จะตลกๆ ขำๆ ร่วมงานง่าย

เหมือนในโซเชียลให้เป็นคู่จิ้นกัน

ไม่แปลกนะ เพราะเราเข้าใจว่ามันเป็นกระแสจับเป็นคู่ จริงๆ เป็นพี่น้อง ขำๆ คือเราสนิทกันเร็วมากเหมือนกัน ตั้งแต่เริ่มถ่ายทำมาจนถึงตอนนี้ เหมือนคู่หูคู่ฮามากกว่า หลายคนบอกว่าเคมีตรงกันนะ เหมือนเล่นมุกด้วยกันได้

กดดันไหม เพราะเป็นนางเอกร้อยล้านมาจาก ATM เออรัก เออเร่อ

ไอซ์ทิ้งความกดดันไปตั้งแต่ถ่ายจบแล้ว เพราะตอนที่ถ่ายเรากดดันมาก เนื่องจากเราอยากให้มันออกมาดีที่สุด อยากทำออกมาให้พี่เมษเห็น และอยากให้คนดูแฮปปี้กับผลงานของไอซ์ ซึ่งตรงนั้นคือความกดดัน เราต้องกดดันตัวเอง เพื่อให้เราเล่นให้ดีที่สุด แต่ถามว่าพอหนังออกมาแล้ว ผลจะเป็นยังไงนั้น ไอซ์ว่าเราได้ทำเต็มที่ไปแล้ว เราปล่อยแหละ ส่วนกระแสตอบรับ จะเป็นยังไง หนังจะได้ร้อยล้านมั้ย ไอซ์ไม่ได้กดดัน แต่เรียกว่าลุ้นและตื่นเต้นมากกว่า เราอยากรู้ว่าคนดูรู้สึกยังไงกับหนัง กับการที่เราตั้งใจทำหนังออกมาให้ดี เขาดูแล้วชอบมั้ย เขาขำมั้ย

ผลงานลำดับต่อไป

ตอนนี้มีถ่ายซีรีส์อีกเรื่องหนึ่ง "น้ำตากามเทพ" เป็นเรื่องที่ถ่ายกับพี่ซันนี่ มีนักแสดง แพทตี้(อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) ผู้กำกับเป็นพี่ปิ๊ง(อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม) กำลังถ่ายทำกันอยู่ ก็ทำงานกับพี่ซันนี่อีกแล้ว ซึ่งคุ้นชินกันแล้ว ส่งรับมุกกันได้ดีแล้ว(ยิ้ม)

ชีวิตบนเส้นทางบันเทิง
กี่ปีแล้วกับวงการบันเทิง

น่าจะ 3 ปี ถามว่าเร็วมั้ย ไอซ์ว่าเร็วมากนะ คือพอนับจากเล่นหนังเอทีเอ็มฯ ผ่านไปมันเร็วมากเลยนะ กับระยะเวลา 3 ปี สำหรับไอซ์มันเร็วนะ ได้เรียนรู้อะไรเยอะมากเหมือนกัน หลายๆ เรื่อง รู้สึกโตขึ้น ได้ประสบการณ์เยอะขึ้น ได้ทำงานกับคนเยอะขึ้น แรกๆ ที่เราเข้ามา ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เข้ามายังไม่เข้าใจการทำงาน ยังปรับตัวไม่เป็น ตอนนี้เริ่มทำงานเริ่มชินแล้ว เข้าใจว่าทำงานต้องแบบนี้ๆ

อยู่วงการมาเจอทั้งเรื่องดีๆ และเรื่องข่าวคราวต่างๆ

แรกๆ ไอซ์ไม่ชินเลย คืออย่างแรกปรับตัวงงๆ อยู่ ว่าอะไรยังไง แต่เราก็ทำตัวปกตินะ เราไม่ได้ทำตัวว่าเราเป็นนักแสดงแล้วนะ ทำตัวปกติ ไปไหนมาไหนกับเพื่อน ไม่ต้องระวังตัวเอง ไม่คิดว่าฉันพิเศษกว่าคนอื่น หรือคนจะมาจับตามองเรา เลยทำตัวปกติ ไปกินข้าว มันเลยกลายเป็นประเด็น เป็นข่าวขึ้นมา บางข่าวไม่รู้มาจากไหนเลย บางทีเรางงๆ ว่ามีข่าวแบบนี้ด้วยเหรอ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย เราอยู่เฉยๆ แต่เขาสามารถ ทำให้ออกมาเป็นข่าวได้ ตอนแรกเรายังตกใจช็อกอยู่ แต่ตอนนี้ปรับตัวได้มากขึ้น

ชีวิตเปลี่ยนไปไหม

ไม่นะ สำหรับตัวไอซ์ ไม่ได้รู้สึกเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก แค่อาจจะเป็นมุมมองของคนที่มองมาที่ไอซ์มากกว่า เราเป็นนักแสดงเป็นดารา แต่สำหรับไอซ์ตัวเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย

มีคำว่า "นางเอกร้อยล้าน" ค้ำคออยู่ยิ่งกดดันหรือต้องระวังตัวมากขึ้นไหม

ไม่เชิงกับกดดันนะ แต่ก็ระวังตัวในหลายๆ อย่าง ที่เราจะทำออกไป คือเราไม่ได้แคร์ภาพลักษณ์ตัวเองนะ เราแคร์คนอื่น แต่สิ่งที่เราทำออกไปคนอื่นเห็น เราเลยต้องรู้ว่าต้องทำตัวแบบไหนมากกว่า

แต่ชื่อเสียงไม่ได้ดังเปรี้ยงสักที

มีคนเคยถามเหมือนกัน ทำไมยังไม่ดัง คือไอซ์มองว่าทำในสิ่งที่เราชอบทำ ทำในสิ่งที่เรารัก แล้วก็แคร์แค่ว่าผลงานที่ออกมาเป็นยังไง ดีหรือเปล่า เราพอใจมั้ย แล้วงานที่ออกมา คนที่ได้ดูเขาชอบมั้ย ไม่ได้แคร์ว่าจะต้องดัง ฉันอยากดัง อันนี้ไม่ใช่มุมมองของไอซ์นะ แต่คิดว่าทำแล้วเราและคนอื่นแฮปปี้มีความสุขด้วยหรือเปล่าแค่นั้นเอง

มีแนวคิดในการทำงานตรงนี้ไหม

ไอซ์พยายามมองอะไรให้มันบวก หมายถึงชีวิตโดยรวมนะ อย่างตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุรถชนมา ทำให้ไอซ์คิดว่า ชีวิตเรามีค่าเหลือเกิน เพราะมันแค่วินาทีเดียวจะตายหรือไม่ตาย มันเลยทำให้เราเปลี่ยนไปอีกคนเลยนะ ตอนแรกอาจจะขับรถเร็วใจร้อน เพื่อนทุกคนจะรู้ว่าไอซ์ขับรถเร็วมาก พอรถชนปุ๊บ ไอซ์ขับรถช้าลงเลยนะ เราได้เห็นอะไรมากขึ้น การไม่ป่วย คือลาภอันประเสริฐจริงๆ นะ ป่วยนิดป่วยหน่อย คือมันทรมานนะ ไอซ์เลยคิดว่า มัวแต่จิตสั่งตัวเองให้มันแย่ ให้มันทุกข์ทำไม เลยคิดว่าคิดบวกดีกว่ามั้ย

ไม่เคยเห็นถ่ายเซ็กซี่

จริงๆ มีติดต่อมานะ มีมานานแล้ว ตั้งแต่แรกๆ อ้วนๆ (หัวเราะ) ไอซ์ว่ายังไม่ถึงวัยเรามั้ง ไอซ์ไม่ได้มองว่าตัวเองเซ็กซี่ เลยยังไม่พร้อมที่จะถ่าย มันยังไม่ถึงเวลาของมัน ไม่ได้โฟกัสเรื่องต้องถ่ายชุดว่ายน้ำ เหมือนเวลาไอซ์เลือกรับงาน เราจะดูว่าเราทำได้มั้ย คือถ้าต้องมาโพสท่าเซ็กซี่ ไอซ์ว่าไม่ใช่เรานะ(หัวเราะ)

วางแผนเส้นทางชีวิตตรงนี้อย่างไรบ้าง

ไม่ได้วางแผนอะไรหรอก แต่จะทำงานตรงนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง มันจะต่อยอดยาวนานขนาดไหน เราก็ไม่รู้ แค่รู้สึกว่าเราได้รับโอกาสเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแล้ว เราต้องคว้าไว้ และทำให้ดีที่สุด

กับข่าวค(ร)าว
เจอข่าวมือที่สามตลอดให้มากระทบ

ไอซ์มองอีกแบบหนึ่งนะ เราคงจะทำให้ทุกคนมาชอบเราหรือรักเราหมดไม่ได้ เราได้รับมุมมองว่าเป็นมือที่สามหรือเปล่า ทำไมเขามองแบบนี้ เข้าใจมากกว่า มันเป็นแค่ข่าวเป็นประเด็น ถ้ามันแค่ข่าวมันก็แค่ข่าว ถามว่าซีเรียสมั้ย ไอซ์ขำนะ ไม่ได้ซีเรียส เรารู้อยู่แล้วว่าอะไรจริงไม่จริง อย่างล่าสุดโดนกับพี่เต๋อ(ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) แต่พี่พีค(ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ) ก็รู้ว่าไม่ใช่นะ เราเป็นพี่น้องกัน ทำไมถึงมีข่าว กับพี่เต๋อแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันด้วยซ้ำ สนิทกันแค่ตอนถ่ายหนังเอทีเอ็มฯ แค่นั้นเอง ไม่เป็นไร ไม่เครียด เพราะมันไม่จริง

โดนเม้าท์อีกว่าสวยขึ้น เพราะไปทำศัลยกรรม

หนูอ้วนขึ้น ผอมลงก็มีคนทักตลอด คือคนเราเหมือนว่าแก่ขึ้นในทุกๆ วันนะ หนูเข้าใจแหละว่าเขาไม่เจอเราตลอดเวลา ไอซ์ก็ไม่ได้ออกทีวีบ่อย จนเขาชิน คุ้นตา เขาเลยมองว่า ไปทำอะไรมาหน้าเปลี่ยน แค่อ้วนขึ้น แต่ช่วงนี้ผอมลงแล้วนะ ไอซ์เป็นคนน้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ อยู่แล้ว แล้วไม่ใช่ว่าไอซ์จะเปลี่ยนลุคด้วยนะ แต่มันอ้วน ผอม บางทีอ้วนขึ้นเอง เราไม่เก็บเรื่องเหล่านี้มาคิด ถ้ามันไม่ใช่คือไม่ใช่

เจอข่าวท้อบ้างไหม

เคยนะ ช่วงแรกๆ มันแรงมากนะ มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นข่าวมือที่สามพี่อั้ม(พัชราภา ไชยเชื้อ) ช็อกเหมือนกัน แต่คุยกับพี่ๆ นักแสดงที่เรารู้จัก เราถามเขาว่านี่มันปกติหรือเปล่า เขาก็บอกว่ามันธรรมดา เราก็ค่อยๆ ปรับทีละนิด

หัวใจสีชมพู
ตอนนี้ความรักกับ "ธรรศ" นักธุรกิจหนุ่มในวงการอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้เหมือนเดิม คนเดิมอยู่(ยิ้ม) มีเวลาเจอกันบ้าง ตอนนี้คุยกันมา 2-3 ปีแล้ว โอเคนะ ด้วยความที่เราทำงานตรงนี้ เขาก็มีห่วงบ้าง แต่ไม่ถึงกับโอ้โหห้าม เขาเข้าใจ อย่างไปไหนมาไหนไอซ์ก็ไปปกตินะ ไม่ได้ปิด เปิดเผยมาก แต่ทำไมไม่เห็นไม่รู้(หัวเราะ) เดินห้างกันบ่อยมาก ดูหนัง แต่อาจจะเป็นเพราะไม่ได้แต่งหน้า เขาเองก็ชินกับหน้าโล้นของเรา สวยไม่สวยไม่รู้ แต่เขารับได้นะ(หัวเราะ)

เจอข่าวมือที่สาม "เต๋อ-พีค" เขาว่าอะไรไหม

เขาขำนะ เพราะทุกเรื่องเราจะเปิดเผยนะ ทำงานเราไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้ว ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นยังไง คุณพ่อคุณแม่ก็รู้ เขาก็ขำ คือที่บ้านจะคุยกันอยู่แล้วรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง เขายังพูดว่าทำไมจับมาให้เป็นประเด็นล่ะ เราก็บอกแม่ว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะไอซ์เข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งคิด

วางชีวิตเรื่องความรักไหมว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่

ไม่นะ ไอซ์มองว่าทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน ประสบการณ์สอนตัวเอง ทุกอย่างมันพลิกได้เปลี่ยนได้แค่เสี้ยววินาที เลยไม่ได้วางแผนให้ตายตัว แต่ให้เป็นแนวทางให้มันเดินต่อไปของมันเอง เช่นเรื่องรัก เรื่องแต่งงาน ไม่วางว่าจะแต่งงานอายุเท่านั้นเท่านี้ มีลูกเท่านี้กับคนนี้ แค่รู้ว่าตอนนี้กับคนนี้ใช่ แล้วก็คบไป แต่อนาคตเราไม่รู้

อะไรที่ทำให้ยอมเปิดตัวแฟน

ถามกันเยอะ แล้วไอซ์ก็โดนโยงเยอะ โดนว่าเป็นมือที่สามคนนั้น คนนี้ เราเลยเปิดตัวของเราซะเลย ว่าเรามีคนของเรานะ พอเปิดก็ยังมีข่าวมือที่สามอีก บางทีก็งงนะ

มุมมองความรักเปลี่ยนไปไหม

เปลี่ยนนะ เรารู้อะไรมากขึ้น โตขึ้น ตอนเด็กๆ คิดแค่ว่าฉันต้องแต่งงานกับเธอ ยังคิดว่ารักอะไรก็สวยงามหมด แต่ตอนนี้เหมือนมีความคิดที่โตขึ้น มีมุมมองความรักหลายๆ แบบ หลายๆ มุม อย่างเรื่องคุณพ่อคุณแม่เราก็โอเคกับเขานะ เพราะเราเปิดเผยมากๆ


แหม...เห็นความน่ารักของเธอแบบนี้แล้ว อย่าลืมติดตามผลงานของสาวไอซ์ในภาพยนตร์นะจ๊ะ
เธอคือ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร
ชื่อเล่น ไอซ์
ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก ATM เออรัก เออเร่อ
ผลงานที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่อง รัก 7 ปี ดี 7 หน (รับเชิญ) หมวดโอภาส เดอะซีรีส์ ปี 2
ผลงานปัจจุบัน ไอฟาย...แต๊งกิ้ว...เลิฟยู้