Inside Dara
9 ศิลปิน 9 ความทรงจำสุดล้ำค่า

หัวใจคนไทยทุกดวงรวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อส่งใจสู่ฟ้าอาลัยพ่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ 9 บรรดาศิลปินดารา–นักร้องที่เคยมีโอกาสถวายงาน ร่วมย้อนรำลึกถึงวันแห่งความทรงจำที่จะไม่มีวันลืมเลือนชั่วชีวิต

ตำนานของ “ราชาเพลงเพื่อชีวิต” ที่ชื่อ แอ๊ด คาราบาว จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้รับแรงบันดาลใจจากในหลวง รัชกาลที่ 9 เรื่องต้องย้อนไปเมื่อครั้งยังเด็ก ซึ่ง แอ๊ด-ยืนยง โอภากุล เล่าว่า “ตั้งแต่คุณพ่อของผม ท่านมีอาชีพเป็นนักร้อง และเคยแสดงถวายในงานเปิดโครงการพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำโพธิ์พญา จ.สุพรรณบุรี เมื่อปี 2498 โดยคุณพ่อได้รับพระราชทานเหรียญ 50 สตางค์เป็นที่ระลึก ซึ่งครอบครัวก็ได้เก็บไว้จนทุกวันนี้ ทำให้ผมมีความชื่นชอบในอาชีพนักร้อง จนมีการฝึกฝนพัฒนามาถึงปัจจุบัน ส่วนความภูมิใจสูงสุดในชีวิตผม ครั้งแรกเมื่อปี 2555 ผมได้มีโอกาสร้องเพลงเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติต่อหน้าพระพักตร์ ที่โรงพยาบาลศิริราช และครั้งที่สองผมได้ร้องเพลงปิดทองหลังพระ ที่แต่งถวายพระองค์ท่าน และได้ร้องเพลงต่อหน้าพระพักตร์ในงานร่วมฉลองการครองราชย์ 65 ปี พระองค์มีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิต”

ซุปเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่ง เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ เป็นศิลปินนักร้องที่ได้ถวายงานร้องเพลงหน้าพระพักตร์หลายต่อหลายครั้ง ซึ่ง พี่เบิร์ด เล่าว่า “ทุกครั้งที่ได้เฝ้าใกล้ชิด พี่เบิร์ดก็จะอยู่แทบพระบาท ซึ่งท่านก็จะรับสั่งถามว่าคราวนี้ร้องเพลงอะไร พี่เบิร์ดก็ร้องเพลงดีที่หนึ่ง ให้เป็นนักร้องที่ดีที่หนึ่ง ถ้าเป็นเกษตรกรก็ดีที่หนึ่ง พี่เบิร์ดเคยมีโอกาสได้ถวายรับใช้พระองค์ท่านใกล้ที่สุดแต่ไม่เคยรู้สึกว่าได้อยู่ใกล้พระมหากษัตริย์เลย แต่เหมือนอยู่ใกล้พ่อที่ใจดีกับเราเหลือเกิน สายพระเนตรที่มองมายังพวกเรามีแต่ความเมตตา พระองค์ท่านทรงรู้ว่าพี่เบิร์ดตื่นเต้น ถามด้วยว่าเราน่ะตื่นเต้นใช่ไหม ทรงเรียกชื่อพี่เบิร์ดด้วย นั่นเป็นสิ่งที่พี่เบิร์ดภูมิใจมาก ท่านเอาพระทัยมาใส่เรา ท่านเรียกชื่อเรา ท่านบอกให้เราหลับตาสิจะได้นึกถึงท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมแล้วครับ”

นับเป็นพระมหากรุณาหาที่สุดมิได้สำหรับ ตู่-นันทิดา แก้วบัวสาย ซึ่งมีโอกาสถวายงานตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปีเท่านั้น ซึ่ง ตู่ เล่าว่า “เมื่ออายุ 17 ปี หลังเพิ่งได้รับรางวัลการประกวดร้องเพลงจากฮ่องกง ตอนนั้นทางกองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีรับสั่งให้นันทิดาต่อเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งหมด 7 เพลงด้วยกัน เพื่อร้องถวายในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และวันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวง รัชกาลที่ 9 วันที่ 5 ธันวาคม จากนั้นตู่ยังได้ถวายงานเรื่อยมา รวมถึงวันครบรอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ พระราชวังไกลกังวล เราก็แค่เป็นแค่พสกนิกรคนหนึ่ง ความตื่นเต้นมีทุกครั้งที่ร้องเพลงเฉพาะพระพักตร์ ซึ่งเราโชคดีเหลือเกินและต้องเล่าให้ลูกหลานฟังนี่คือพระมหากรุณาธิคุณสูงสุดในชีวิต”

ในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ครั้งนั้น ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ กับ หน่อย-บุษกร วงศ์พัวพันธ์ ได้มีโอกาสร่วมแสดงละครเทิดพระเกียรติเรื่อง “เงาะป่า” เฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระราชอาคันตุกะ ป้อง เล่าว่า “แต่งชุดโบราณโชว์ให้แขกบ้านแขกเมืองดู ได้มีโอกาสเข้าไปในวังส่วนที่บางคนอาจไม่ได้เข้าไป ก็ดีใจและประทับใจ ความ รู้สึกตอนนั้นคือเกร็งมากครับ แค่พระองค์หันพระพักตร์มาเราก็ประหม่าแล้ว เป็นความปลาบปลื้ม ก็คงเป็นความรู้สึกเหมือนกับคนไทยทุกคนถ้าหากมีโอกาสได้ทำงานรับใช้พระองค์ท่านเช่นนี้ครับ”

ด้าน หน่อย-บุษกร เผยว่า “ตอนนั้นเป็นพระราชอาคันตุกะเดินทางมาร่วมเฉลิมฉลองในหลวง รัชกาลที่9 ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี แล้วหน่อยเป็นหนึ่งในนักแสดงในเรื่องเงาะป่า หน่อยรู้สึกดีใจจังเลย ปลื้มปีติมากๆ รับใช้พระองค์ท่านอย่างใกล้ชิดมาก” และอีกครั้ง หน่อย ยังมีโอกาสถวายงานในวันครบรอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังไกลกังวล หัวหิน ซึ่ง หน่อย บอกว่าเป็นภาพที่จะจำไว้มิรู้ลืมทีเดียว “หน่อยมีโอกาสได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงรักกันมาก พระองค์ท่านจับพระหัตถ์กันตลอดเวลา และในวันที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานน้ำสังข์หน่อยกับคุณเคนที่พระราชวังดุสิต ในช่วงแรกสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชทานพรว่า ให้คู่สมรสพบความสุขความเจริญ เป็นพรโดยรวมก่อน แล้วในตอนท้ายพระองค์ท่านก็รับสั่งว่า ขอให้ครองรักกันไปนานๆ เหมือนเรากับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

มีความทรงจำอันล้ำค่าที่สุดในชีวิตของ จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา อยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่ง จุ๋ย เล่าให้ฟังว่า “ตั้งแต่จุ๋ยเข้าวงการมา จุ๋ยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เข้าไปถวายงานในพระบรมมหาราชวัง โดยเดินแบบผ้าไหมให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ หน้าตาจุ๋ยเป็นไทยๆ อยู่แล้วต้องใส่ชุดไทยพระราชนิยม และตอนเดินแบบก็มีพระราชอาคันตุกะมาเยี่ยมเมืองไทยด้วย ตอนนั้นจุ๋ยได้ทำอยู่หลายปีเหมือนกัน จึงทำให้มีโอกาสได้เห็นในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นความประทับใจส่วนตัวที่อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตเราได้ทำอะไรแบบนี้เพื่อพระองค์ท่านบ้างบาง ทีย้อนนึกไปก็รู้สึก จุกๆ พูดไม่ออก เป็นความทรงจำที่มีค่าที่สุดในชีวิต เพราะจุ๋ยได้ส่งเสด็จฯและอยู่แทบพระบาทตรงนั้น สมัยนั้นไม่มีโซเชียลหรือกล้องที่จะสามารถเก็บภาพไว้ได้ มีเพียงความทรงจำที่ยังคงอยู่ในหัวสมองและอยู่ในหัวใจของเราเป็นเวลากว่าสิบปี เป็นความทรงจำที่ทรงคุณค่าที่สุด จำได้ว่าตอนนั้นมี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ อเมริกา และวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เดินทางมา เป็นอะไรที่สุดของชีวิตจุ๋ยแล้ว มันบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆค่ะ”

กัปตัน-ภูธเนศ หงษ์มานพ เป็นนักแสดงอีกคนหนึ่งที่มีโอกาสแสดงละครเทิดพระเกียรติต่อหน้าพระพักตร์ “ผมเคยมีโอกาสได้ถวายงานหน้าพระที่นั่ง ตั้งแต่เมื่อปี 2547 ครับ แล้วก็เคยถวายงานอีกครั้งตอนในปี 2550 ความรู้สึกของผมยังจำได้แม่นเลยครับ ไม่มีวันลืม ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนักแสดงคนหนึ่งจะมีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่าน ชีวิตนี้ผมได้กราบพระบาทพระองค์ท่าน ซึ่งนั่นทำให้ผมคิดว่า ตั้งแต่วันนั้นถึงผมจะตายผมก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว พระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่ห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมาก ขนาดนักแสดงซึ่งเป็นตัวประกอบเล็กๆได้มีโอกาสเข้าไปถวายงาน พระองค์ท่านยังตรัสถามเลยว่า ทานข้าวหรือยัง พอผมได้ยินผมก็เลยรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก”

ขณะที่พิธีกรมากฝีมือ หนิง-ศรัยฉัตร จีระแพทย์ ก็เคยได้รับเลือกให้ทำหน้าที่พิธีกรการแสดงคอนเสิร์ตของวงดนตรี Thailand Philharmonic Orchestra ในงาน “ศิริราชคอนเสิร์ต เทิดไท้องค์อัครศิลปิน” ซึ่งในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จไปทอดพระเนตร หนิง เผยว่า “ตอนที่พระองค์เสด็จมาถึงงานแล้วเพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลงขนลุกไปหมดเลย แล้วหัวใจเต้นแรงมากชนิดที่เข้าใจแล้วว่าหัวใจจะกระดอนออกจากอกเป็นอย่างไร แต่พอพระองค์ท่านประทับแล้วทุกอย่างเริ่มเข้าตามคิว เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างช่วยทำให้เราผ่อนคลายและสงบจนสามารถดำเนินงานไปได้ตลอด แล้วก็มีการบอกกล่าวไว้ก่อนว่าหากพระองค์ท่านจะเสด็จกลับก่อนงานเลิกคือมีช่วงพักถูกมั้ยคะ ขอให้เราทำหน้าที่ต่อไปจนครบ 19 เพลง ตลอดเวลาทำงานเราก็แอบลุ้นอยากให้พระองค์ท่านอยู่จนจบ ซึ่งพระองค์ท่านก็อยู่จนจบจริงๆ เป็นงานแรกและงานเดียวในชีวิตที่เราทำงานแล้วไม่อยากให้จบ นี่คือที่สุดในชีวิตของหนิงแล้ว เราพูดกับใครหลายคนเลยนะว่า ในชีวิตนี้ถ้าเราจะไม่มีงานไม่มีใครจ้างเราทำงานอีกต่อไป เราก็ไม่เสียใจ เพราะเราได้เคยทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตแล้วค่ะ”

ย้อนรำลึกถึงช่วงที่ยังเป็นนักเรียนนาฏศิลป์ตัวเล็กๆ แต่นางเอก 7 สี นาว-ทิสานาฎ ศรศึก มีโอกาสได้ถวายงานหน้าพระพักตร์ “ช่วงที่ยังเป็นนักเรียนนาฏศิลป์ เคยมีโอกาสถวายงาน ได้รับคัดเลือกให้เข้าไปแสดงโขนต่อหน้าพระพักตร์ในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งเราเป็นส่วนเล็กๆ แต่เรารู้สึกมีบุญที่ได้เห็นพระองค์ท่านมาทอดพระเนตร เป็นวันที่เราจะไม่ลืมเลย นาวจะขอทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ขอเป็นคนดีและเป็นส่วนหนึ่งสืบสานศิลปวัฒนธรรมของไทยให้อยู่ยงต่อไป ครั้งหนึ่งนาวเคยเป็นครูฝึกสอน นาวก็จะบอกนักเรียนเสมอว่า นาฏศิลป์ไทยเป็นเอกลักษณ์ของประเทศชาติที่พระองค์ท่านยังทรงอนุรักษ์ เราเป็นคนไทยเป็นลูกของท่านทำไมเราถึงจะทอดทิ้งสิ่งเหล่านี้ไป”.