Inside Dara
ค้นหัวใจสาวนัยต์ตาพิฆาต เผยรสชาติความเป็น'พิ้งค์กี้'

กำลังวาดลวดลายอย่างเข้มข้น สำหรับละครผีหลากรสจากค่ายเอ็กแซกท์อย่าง "คุ้มนางครวญ" ที่ได้นักแสดงนำ "พิ้งค์กี้" สาวิกา ไชยเดช มารับบท "เจ้านางยอดหล้า" ผีสาวผู้อาฆาตและ คร่ำครวญในความรักในอดีต ซึ่งเรามีนัดกับพิ้งค์กี้ ที่เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ เพื่อมานั่งพูดคุยกันแบบทุกซอกทุกมุมของเธอคนนี้

ละครเรื่อง "คุ้มนางครวญ"
บทบาทในเรื่องกับการมารับบทเป็นผีเจ้ายอดหล้าเป็นอย่างไรบ้าง

บทนี้เป็นผีครั้งแรกเรียกว่า กี้ได้ทำงานกับบทหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งหวาน ร้าย ดราม่า เป็นผี สารพัดเลยที่ต้องเจอบทผีเจ้ายอดหล้า สำหรับกี้เรื่องนี้ จะเป็นผีที่สวยตอนหน้าเละจะไม่มีเพราะทางพี่ถา (สถาพร นาควิไล) ผู้กำกับจะใช้ซีจีแต่งเอา แต่คือมันยากตรงที่จะต้องเป็นผี และต้องเป็นเจ้านางในเวลาเดียวกัน จะเป็นผีที่มีความน่าเกรงขาม ดูมีพลังอำนาจ เวลาเล่นเราต้องเล่นให้พลังเยอะ อย่างเวลาจะต้องบีบคอใครสักคน เราก็ต้องทำให้คนเชื่อว่าเรามีพลังจริงๆ และนักแสดงที่กี้ต้องไปกระทำก็มีหลายคน รุ่นใหญ่ๆอย่างพี่หนุ่ม (สันติสุข พรหมศิริ) กี้จะต้องขออนุญาตก่อนทุกครั้งเลย แต่พอเวลาเล่นออกมา ทุกคนก็ส่งอารมณ์และพลังมาให้เราเล่นได้เต็มที่ทุกทีเลย

บรรยากาศในกองถ่ายละครเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง

กี้ว่ากองละครเรื่องนี้นักแสดงแต่ละคน เขาจะมีสไตล์เป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูงกันแทบทุกคน แบบมีโลกส่วนตัว นั่งตามมุมของแต่ละคนเลย อย่างหนูกับพี่โอ (อนุชิต สพันธุ์พงษ์)ก็จะชอบนั่งฟังเพลง โม(มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) ก็ชอบอ่านหนังสือไปเรื่อย ส่วนตูมตาม(ยุทธนา เปลื้องกลาง) เขาก็จะนั่งเล่นไปของเขา แต่เวลามีพี่มอริส เค เข้าฉากด้วย กองก็จะเสียงดังขึ้นมาทันทีเหมือนนกกระจอกแตกรัง ทุกคนก็จะเม้าท์กันสุดฤทธิ์ ส่วนการมาร่วมงานกับพี่ถา คือเขาเป็นผู้กำกับที่คิดอยู่ตลอดเวลา และเขาจะชอบเอาผลงานที่ตัดต่อเสร็จแล้วมาโชว์อยู่ตลอด ให้เราได้เห็นพัฒนาการของตัวเองตลอด และพี่ถามีเปิดโอกาสให้นักแสดงได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการแสดงหรือปรับเปลี่ยนได้เสมอ เพราะพี่ถาเขามีความเป็นนักแสดง และผู้กำกับด้วย เขาเลยเข้าถึงอารมณ์ลึกๆ ที่เข้าใจนักแสดงด้วยกัน และเป็นผู้กำกับที่รู้มุมว่าเราสวยมุมไหน คือจะไม่ปล่อยให้เราพลาดเลยเรื่องนี้

กระแสตอบรับของคนรอบข้างพูดถึงละครเรื่องนี้ยังไง

กี้เช็คกระแสตลอดเลยนะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง จะมีคนพูดเยอะว่าเรื่องนี้กี้แต่งตัวสวย และหลายคนบอกว่าได้เห็นกี้ในรูปแบบที่หลากหลาย และต้องขอบคุณทีมงานที่จัดแสงให้ละครเรื่องนี้มีมุมกล้องที่แปลกตาออกไป บวกกับคอสตูมที่แน่นและสวยจริงๆ

เส้นทางโกอินเตอร์
กับหนังอินเดียเรื่องล่าสุดเป็นอย่างไรบ้าง ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน

ก่อนหน้านี้หนูไปเดินสายโปรโมท หนังตั้งแต่ 10 โมงถึงเที่ยงคืน เป็นช่วงที่เหนื่อยมาก ออกช่องต่างๆ ที่อินเดียเยอะมาก 20 กว่าช่องได้ พูดภาษาอังกฤษตอบโต้อยู่ทั้งวัน ก็เพลียมากๆ เลย แต่สิ่งที่ทำให้กี้มีกำลังใจทำ คือจะบอกว่าตอนนี้หนังเรื่องอีโม กูรัม อีการา วาชู ที่หนูได้ไปร่วมงานด้วย กระแสดีมากๆ แล้วที่ตื่นเต้นมากกว่านั้นคือ รายได้ของหนังตอนนี้ทะลุร้อยล้านรูปี (ราว 52 ล้านบาท) ไปแล้ว คือกี้จะบอกว่าเกินคาดจริงๆ เพราะในช่วงเวลาเดียวกัน มีหนังอินเดียเข้าชนกันกว่า 8 เรื่อง แล้วเหมือนหนังกี้ มันเป็นหนังทางเลือก ไม่ได้หวือหวาและดูได้ทั้งครอบครัว อีกเหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเมืองที่กี้ไปโปรโมทหนังเรื่องนี้ เป็นเมืองที่มีโรงหนังเยอะที่สุดในอินเดียด้วย หนังเรื่องนี้เลยทำรายได้สูง

ส่วนมาคนอินเดียให้ความสนใจพิ้งค์กี้ในฐานะนักแสดงไทยอย่างไร

คือที่นั่นเขาจะไม่คิดว่าเราเป็นคนไทยนะ เพราะตัวกี้ลักษณะหน้าตากลืนไปกับคนที่นั่น แต่เขาจะให้เกียรติเราตรงที่ว่า เราทำงานในวงการที่ไทยตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขาให้เราบอกเล่าประสบการณ์การทำงานระหว่างวงการบันเทิงที่ไทยและวงการบันเทิงที่อินเดีย แล้วเขายกให้เราเป็นซูเปอร์สตาร์จากเมืองไทยที่ไปทำงานที่นั่น ตัวหนูเองก็บอกเขานะว่าหนูยังไม่ถึงระดับนั้น เป็นแค่สตาร์เท่านั้น

วางแผนอนาคตกับงานในวงการบันเทิงที่อินเดียไว้อย่างไรบ้าง

จริงๆที่โน่น เขาก็มีทาบทามเข้ามาพอสมควรแล้ว แต่ด้วยความที่กี้เป็นนักแสดงไทย บ้านอยู่เมืองไทย อย่างไรแล้วงานที่เมืองไทยจะต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก และคราวนี้กี้ก็จะต้องเลือกชิ้นงานที่กำลังจะเข้ามาอีก เพราะกี้ถือว่าการทำงานเรื่องต่อไปของกี้ ความยากมันก็จะต้องเพิ่มขึ้นอีก เรื่องต่อไป ที่จะต้องเล่นถือว่าเป็นหนังอินเดียเรื่องที่ 3 ของกี้ ซึ่งกี้เริ่มมาจาก กอลลีวู้ด เรื่องที่ 2 คือระดับ ตอลลีวู้ด ซึ่งเรื่องต่อไป กี้ก็ควรที่จะก้าวขึ้นไปในระดับบอลลีวู้ดต่อ ซึ่งมันคือบันไดขั้นสูงสุดของที่นั่น แล้วไม่ใช่ว่าพอได้เล่นแล้ว คนอินเดียจะยอมรับในตัวเราเลยมันก็ไม่ใช่ ถึงแม้เราจะเป็นคนต่างชาติที่ไปทำงานที่นั่นก็ตามจนกว่าผลงานที่เราทำจะได้รับการยอมรับจากคนอินเดีย

บนถนนสายมายา
กับชีวิตเส้นทางบันเทิงที่ผ่านมา เป็นอย่างไรบ้าง

กี้อยู่วงการนี้ มาประมาณ 20 ปีแล้ว ผลงานเรื่องแรกของกี้คือ ละครเรื่อง ไฟในดวงตา หนูว่าการเดินทางในวงการของหนูมันนานมาก มันไม่ใช่แบบเข้ามาเป็นดารา เล่นละครเรื่อง 2 เรื่องก็ดังได้ แต่กี้เข้ามาในวงการตั้งแต่เด็กแล้ว ช่วงนั้นทำงานโชว์ตัวไม่ได้หยุดเลย แล้วพอตอนโตขึ้นมา กี้ก็หายไปกับการเรียนพักหนึ่ง เป็นช่วงที่จำได้ว่าสภาพเด็กหญิงพิ้งค์กี้ดูไม่ได้เละมาก พอถึงช่วงที่กำลังจะโตก็ได้มาเล่นบทน้องนางเอกบ้าง เหมือนกี้วนเวียนอยู่ในวงการมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาบทบาทที่กี้ได้รับมันไม่ได้โดดเด่นดังเปรี้ยงเลย ภาพของกี้มันเพิ่งมาเปลี่ยนเมื่อประมาณ 2 - 3 ปีที่ผ่านมาด้วยเพราะความที่เราโตขึ้น

ในช่วงที่เจอกับปัญหาที่ทำให้ท้อ ใช้วิธีการอะไรจัดการชีวิตตัวเอง

ชีวิตตอนที่ท้อ มันเหมือนในละครเรื่องเมืองมายา เลยนะ แบบว่าเป็นดาราแล้วเรื่องราวมันก็จะเกิดขึ้นในวงการหลายสิ่งหลายอย่าง คือกี้เหมือนเจอเรื่องมาเยอะมีทุกรูปแบบ ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงยุคปัจจุบัน คือตัวกี้ยืนอยู่ในช่วงที่มีการพลัดเปลี่ยนของวงการบันเทิงหลายรุ่น ซึ่งเราก็เก็บประสบการณ์ที่ผ่านมาใช้เป็นบทเรียนสอนตัวเรา กี้มองว่าเราเอง ต้องมองดูคนรอบๆข้าง และคิดว่าตัวเองเท่าเทียมกัน และมีหน้าที่ของตัวเอง มองทุกอย่างง่ายๆไม่คิดมาก และ ยิ่งพูดน้อยที่สุดยิ่งดีที่สุด เลือกให้การกระทำบ่งชี้คุณภาพของเราจะดีกว่า

การรักษาพื้นที่ความเป็นดาราในวงการบันเทิงในปัจจุบันอย่างไร

กี้ว่ามันยากมากเลยนะ เพราะทุกวันนี้มันจะต้องมีทีมงานหลายส่วน คอยดูแลกว่าจะปั้นศิลปินคนหนึ่งออกมาได้ แต่สำหรับกี้มีแม่เพียงคนเดียว ที่เป็นทุกอย่างสำหรับกี้ คือทุกวันนี้การแข่งขันมันสูงขึ้น กี้ว่ากี้มีผลงานเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าเราคู่ควรกับวงการนี้อีกนานแค่ไหน กี้ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นนักแสดงเบอร์หนึ่ง หรือจะต้องเป็นตัวแม่ของวงการอันนี้กี้ไม่เคยคิด เพราะกี้อยู่ในวงการมานานตั้งแต่เด็ก ได้เจอบทหลายบท กี้ฟินและพอใจกับที่ยืนตรงนี้มากพอแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่ว่ากี้จะยืนอยู่จุดนี้อีกนานเท่าไหร่ แต่คงไม่ถึงขั้นรับบทแม่นะ เพราะถ้ามีบทแม่เข้ามา คิดว่ากี้ไปแน่ๆ ซึ่งตอนนี้กี้ใกล้จะ 30 แล้ว ด้วยมันเลยต้องมีอะไรที่ต้องให้คิดเยอะนิดหนึ่ง

เปิดประตูหัวใจสาวมั่น
มุมมองความรักในแบบส่วนตัวเป็นแบบไหน

สำหรับกี้ ยังศรัทธาในความรักอยู่ แต่กี้จะไม่พยายามไขว่คว้ามัน เพราะกี้คิดว่าตัวเราก็มีดี สวยเลิศอยู่นะ เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ไม่ต้องเครียด ถ้าเครียดถ้าเหนื่อยก็นอนพักไปซะ ตื่นมาก็ทำงานหาอะไรทำ ให้ชีวิตตัวเองดูมีคุณค่า จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดเรื่องความรักซ้ำๆเดิมต่อไปอีก ชีวิตเรายังคงจะต้องเจออะไรอีกมากมาย ปีนี้กี้อายุ 27 เอง เหลือเวลาให้ตามหาคนๆนั้นอีกเยอะ

อัพเดทสถานะหัวใจสักหน่อย บวกกับข่าวคราวของพระเอกหนุ่มอินเดีย

ตอนนี้จะบอกว่าแห้งเหี่ยวไปซะทีเดียวมันก็ไม่ใช่ มันก็มีคนเข้ามาจีบอยู่เรื่อยๆ มีบ้าง แต่มันยังไม่มีใครที่ใช่เลยสักคน ไปทำงานที่อินเดียก็คงไม่มีใครกล้าหรอก คนที่นี่ก็เหมือนกัน นอกจากจะเป็นดารา หรือมีเพื่อนมาแนะนำให้รู้จัก แต่ตอนนี้คือตัวใครตัวมัน คือกี้ว่าตอนโสดงานต่างๆเข้ามารุมกี้มากเลยนะ ยุ่งแบบไม่มีเวลาจะไปทำอะไรเลย กี้ได้แต่บอกตัวเองทุกวัน ว่ากี้รอคนที่พระเจ้าจะส่งมาให้กี้ ซึ่งจะพูดตลอดเพราะยิ่งเราวิ่งเข้าหา มันก็มักจะวิ่งไกลออกจากตัวเราไป คิดซะว่าหาอะไรทำอย่างอื่นทำไปก่อน เดี๋ยวความรักมันก็จะวิ่งเข้ามาหาเราเองอยู่ดี ที่ผ่านมามีข่าวกับสุมันต์อันนั้น เคยชี้แจงไปแล้ว ว่าเราเองทำงานร่วมกัน และเป็นเพื่อนกัน มีน้อยนะที่คนไทยคนหนึ่งอย่างกี้จะได้มาทำงานที่อินเดีย แล้วมีเพื่อนเป็นพระเอกชื่อดัง อย่างนี้หาไม่ได้จริงๆ นะ(หัวเราะ)

ผู้ชายแบบไหนจึงจะชนะใจพิ้งค์กี้ได้สำเร็จ

ไม่มีสเปกที่ตายตัวเลย แต่กี้ชอบคนที่เป็นผู้ใหญ่ มีความเป็นผู้นำสูงและคนที่เข้ามาในชีวิตกี้จะต้องเป็นคนที่ทำให้ไม่รู้สึกถึงความจำเจ ชอบความตื่นเต้นมีความหลากหลายเหมือนกี้ เพราะมองว่าให้เป็นเหมือนกับหนังสือที่เราต้องอ่านไปทีละหน้าอย่างตื่นเต้นแบบนั้นแหละโดนใจสุดๆ ความรักมันก็เหมือนเกมส์แหละทำให้ง่ายก็ง่าย แต่คนที่ไม่อยากเจอเลยคือคนที่เห็นแก่ตัวไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ