Inside Dara
รักเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับ ‘เนย’

เป็นอีกหนึ่งสาวสวยที่หลายคนอยากจับจองหัวใจ สำหรับ เนย-วรัฐฐา อิมราพร แฝดคนน้องหนึ่งในสมาชิกวง “เนโกะ จัมพ์” แต่ ณ วันนี้เธอขอเปลือยหัวใจแบบหมดเปลือกว่าเธอมีเจ้าของเป็นหนุ่มนอกวงการแล้ว แถมยังเป็นรักแท้อีกต่างหาก นอกจากนี้เจ้าตัวยังเผยมุมมองความคิดที่ว่า ตอนนี้เธอเย็นลงและทำให้ทุกอย่างในชีวิตดีขึ้นมากด้วย

ตอนนี้มีศิลปินหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย กังวลเรื่องการแข่งขันมั้ย?

“เดี๋ยวนี้การเป็นศิลปินมันเป็นได้ง่ายมาก แต่หนูก็ไม่กลัวนะ ถ้ามีคนใหม่ที่เขามีดีกว่าเข้ามา เราก็ต้องยอมรับตรงนั้นไป ส่วนตัวเราก็ไม่ต้องไปแข่งอะไรกับใคร เราก็เป็นตัวเราและปรับไปตามสิ่งที่เปลี่ยนไป พยายามทำของเราให้ดีที่สุด ถ้าเราอยากอยู่ในวงการนาน เราก็อาจต้องปรับตัวให้มากขึ้น แต่สุดท้ายแข่งกับตัวเราเองมันดีกว่า คือการที่เราไปแข่งกับคนอื่น พอเขามีอะไรดีเราก็ต้องคอยไปตามเขาทุกเรื่อง สุดท้ายแล้วเราก็แค่ผู้ที่คอยตามเท่านั้น ดังนั้นเราควรทำอะไรใหม่ ๆ ให้คนอื่นมาตามเรา ดีกว่าเราไปไล่ตามคนอื่นค่ะ”

วงการบันเทิงมักคู่กับข่าวทั้งดีและไม่ดี วิธีเอาตัวรอดหรือรับมือในวงการบันเทิงในแบบของเนยคืออะไร

“จริง ๆ ตัวหนูเองไม่ค่อยเจอข่าวแย่ ๆ เท่าไหร่นะ แย่สุดก็จะเป็นเรื่องผู้ชาย ที่เป็นแบบคบคนนี้ ควงคนนี้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ถ้าหนูเจอข่าวไม่ดี การรับมือของหนูคือเราต้องเข้าใจในสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาก่อน ถ้าเข้าใจมันก็จะไม่กระทบในด้านจิตใจของเรา เวลาที่เจอข่าวไม่จริง บางคนก็จะเครียด ยิ่งเราออกมาตอบโต้ตีโพยตีพาย หนูเข้าใจนะว่ามันเป็นอารมณ์และหนูก็เคยเป็นแบบนั้น แต่เรายิ่งทำแบบนั้นมันก็ได้รับผลแย่ ดังนั้นพอเราเจอเรื่องร้าย ๆ เราก็ควรนิ่งและเข้าใจ รวมทั้งให้อภัยคนที่ไม่เข้าใจด้วย มันจะทำให้เราสบายใจขึ้น หนูเชื่อว่าทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง สุดท้ายเดี๋ยวคนก็ลืม เดี๋ยวเขาก็เข้าใจ ทุกอย่างจะออกมาเองโดยธรรมชาติ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องออกมาตอบโต้ เพราะการที่เราไปแอ๊คชั่น ณ ตอนนั้นที่ของยังร้อน ๆ อยู่ คนก็ยิ่งคิดไปได้ว่าเราอย่างนั้นอย่างนี้จริง แต่การที่เรานิ่ง ๆ ภาพเราก็จะยิ่งดูดีขึ้น หนูคิดว่ามันเป็นวิธีรับมือที่ดีที่สุดแล้วค่ะ แม้ว่าวันข้างหน้าความจริงมันไม่ออกมา ก็ไม่เป็นไร เพราะเราก็ได้ทำในสิ่งที่เราสบายใจแล้ว”

ถามถึงความสัมพันธ์กับแจม มีเรื่องราวประทับใจระหว่างกันเกิดขึ้นบ้างมั้ย?

“มันไม่ค่อยมีอะไรที่เป็นเหตุการณ์เท่าไหร่ เพราะแจมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเรื่องให้หนูเล่า (ยิ้ม) แต่สิ่งที่ประทับใจคือแจมเป็นคนใจดีมาก ใจดีกับทุกคน ไม่เคยโมโหอะไรเลย เป็นคนยอม อย่างบางทีวันนี้หนูไม่อยากใส่ชุดนี้เลย เรายังไม่ทันพูดนะ แต่แจมเริ่มเห็นอาการเรา เขาก็จะเดี๋ยวเขาใส่ชุดนี้ก็ได้ทั้งที่แจมเองก็ไม่ชอบ คือมันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาทำให้เรามาเรื่อย ๆ ค่ะ”

เหมือนแจมเป็นคนใจเย็น แล้วเนยเป็นคนใจร้อนกว่า?

“ใช่ค่ะ หนูเป็นคนใจร้อนมาก เป็นคนที่ตัดสินใจเร็วกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามา ใครทำแย่ ๆ ใส่เรา เราจะคิดเลยว่าแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่ยุติธรรม เลยกลายเป็นสร้างนิสัยความใจร้อนให้ตัวเอง แต่ตอนนี้หนูพยายามปรับใจให้เย็นลงแล้วนะ แม้ว่าบางเรื่องมันจะไม่ถูกก็จริง แต่เราก็ไม่ควรวู่วาม คนจะมองว่าไม่ดี คือหนูเริ่มปรับตัวเมื่อปีที่แล้วเองค่ะ ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองใจเย็นลงเยอะเลย คือที่ผ่านมาหนูไม่ค่อยแฮปปี้กับการทำงาน เรื่องเรียน เรื่องชีวิต แม้ทุกคนจะบอกเราว่ามันดีแล้ว ทุกอย่างลงตัว แต่หนูก็ยังเครียดมาก จนมาวันหนึ่งหนูก็มานอนคิดว่าทำไมฉันถึงเครียด ไม่มีความสุขเลย ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างมันก็โอเค และเรามาคิดได้ว่าบางทีเราไปเพ่งแต่อะไรที่มันเป็นด้านลบมากไปรึเปล่า และมาพิจารณาได้ว่าตัวเองก็ใจร้อนเกินไปในบางเรื่อง ยิ่งเราใจร้อนเรื่องแย่ ๆ ก็จะยิ่งเข้ามา แต่ก่อนหนูไม่ได้สังเกต และหนูก็เป็นคนแบบต่อต้านการมองโลกในแง่ดีด้วย เพราะคิดว่าทำแล้วไม่เห็นจะได้อะไรเลย จนมาถึงวันที่เราเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว เป็นช่วงที่หนักมากสำหรับชีวิต เป็นจุดที่แย่ เลยมานั่งทบทวนกับตัวเอง จนได้คำตอบว่าบางเรื่องก็ไม่ควรจะเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าตอนนั้นเราไม่อารมณ์ร้อนขนาดนั้น ถ้าเราเปลี่ยนจากการโวยวายเป็นโอเคค่ะ ไม่เป็นไร หนูเข้าใจ ทุกอย่างก็จบ มันอาจจะไม่ได้ดั่งใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันก็วิน ๆ ทั้งสองฝ่าย เราจะไปทำให้ทุกอย่างเพอร์เฟกต์ตามภาพที่เราหวัง ก็เป็นไปไม่ได้ หนูเคยมีคำถามนะว่าจะให้มองในแง่ดีได้ยังไง ในเมื่อทุกอย่างมันแย่มากขนาดนี้ มองหาข้อดีไม่เจอเลย แต่หนังสือที่หนูอ่านก็สอนว่าในเมื่อเราหาข้อดีมันไม่ได้ ก็ยิ่งต้องหาให้เจอ ยังไงมันก็ต้องมี มันอยู่ที่เราคิด คือการมองในแง่ดี ไม่มีใครทำได้เลยหรอก มันต้องฝึกเพื่อพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่ฝึกเพื่อเอาชนะสิ่งที่เป็นปัญหา แต่ต้องทำเพื่อเอาชนะตัวเอง และการมองในแง่ดี ไม่ใช่ว่าเราพูดไปอย่างนั้นนะ มันต้องออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ แล้วจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยน พอคิดอย่างนี้แล้วชีวิตหนูก็ดีขึ้นจริง ๆ ทั้งเรื่องการงาน ชีวิต ความสุขส่วนตัว”

เรื่องความใจเย็น มันรวมถึงเรื่องความรักด้วยมั้ย?

“ด้วยค่ะ หนูเป็นคนที่ทุกข์มากกับเรื่องของความรัก เรียกว่าความรักเป็นนัมเบอร์วันเลย ความรักเราเป็นอะไรขึ้นก็จะกระทบทุกเรื่อง ทุกอย่างพังหมด คือหนูอกหักทุกครั้งมันก็แย่มาก ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักที่ดี คบใครไม่ค่อยจะยืด ไม่ทะเลาะกันเอง หรือพอมาเจอคนดี ๆ ก็ต้องมาเลิกเพราะสิ่งแวดล้อมภายนอก บางทีหนูว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุด อย่างเรื่องงาน เรื่องการเรียน เรื่องเงิน เราสามารถคอนโทรลได้ ถ้าเราตั้งใจทำจริง ๆ แต่เรื่องความรักมันเป็นเรื่องจิตใจของอีกคน ที่เราไม่สามารถควบคุมได้เลย แต่การที่หนูพยายามเปลี่ยนตัวเองให้มองโลกในแง่บวก มันก็ช่วยเรื่องรักได้บ้าง จากที่เคยเศร้ามาก โลกมืด แต่พอเราเปลี่ยนตัวเอง มันอาจจะเศร้าอยู่ เพราะคนอกหักจะแฮปปี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เป็นไปไม่ได้ แต่มันเหมือนเราสามารถอยู่กับความเศร้าได้ ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างพังค่ะ”

แต่กับแฟนหนุ่มนอกวงการคนนี้ ก็เห็นเราแฮปปี้ดี?

“แฮปปี้ค่ะ แต่หนูว่ามันอยู่ที่จังหวะด้วย คือเราเจอคนนี้ตอนที่เราใจเย็นลง เลยไม่ค่อยมาเครียดเท่าไหร่ เมื่อก่อนหนูคงเครียดนะว่าจะทำยังไงดี เราไม่มีเวลาให้กันเลย เขาเป็นคนนอกวงการไม่เข้าใจงานเรา ก็กลายเป็นคิดมาก และทุกข์เข้าไปอีก แต่พอมาตอนนี้มุมมองเราเปลี่ยนไปแล้ว เลยไม่ค่อยกังวลเรื่องพวกนี้ และหากว่าเราต้องเจอเรื่องร้าย ๆ และสุดท้ายเราไปกันไม่รอด แต่หนูยังแฮปปี้กับเวลาที่เสียไปในการตัดสินใจที่จะคบหากันในตอนนี้แล้วหนูมีความสุข มันแฮปปี้มากตรงที่เราใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการที่คบกับเขา บางคนอาจจะบอกว่าให้เผื่อใจบ้าง แต่สำหรับตัวหนูการที่เรามัวแต่เผื่อใจหรือกังวลว่าเขาจะมีใครมั้ย มันเหมือนอยู่ดี ๆ เราสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ด้วยซํ้าว่ามันจะเกิดขึ้นจริงรึเปล่า เราจินตนาการเองแล้วก็เครียด พอเครียดมันก็ไปกระทบกับแฟนเรา และถ้าเขาไม่ได้ทำแบบนั้น เขาก็จะคิดแล้วว่าอยู่กับเราแล้วเขาไม่มีความสุขเลย ทำให้สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด ดังนั้นเราใช้ชีวิตให้มันแฮปปี้ แม้ว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่าเราไม่น่าทำอย่างนั้นหรือคิดอย่างนี้เลย ถ้ามันจะไปไม่รอดจริง ๆ ในส่วนตัวหนูยอมรับได้นะคะ เราก็เป็นพี่น้องไปละกัน เพราะเราก็ทำเต็มที่แล้ว อย่างน้อยเราก็ได้เพื่อนดี ๆ คนหนึ่งเข้ามาในชีวิต”

การมีเขาเข้ามาในชีวิต มันยิ่งทำให้เราใจเย็นลง คิดถึงคนอื่นมากขึ้น?

“ไม่รู้เหมือนกันนะ คือเรารู้จักกันมานาน แต่เริ่มคบกันจริงจังแค่สองเดือนเอง ยังไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ หนูยังเป็นหนู เขาก็ยังเป็นเขา ทุกอย่างยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม เราเริ่มต้นด้วยการเป็นตัวเองทั้งคู่ จริง ๆ การที่เรามีพี่เขาเป็นแฟนทุกวันนี้มันไม่ได้แตกต่างจากตอนที่เรายังเป็นแค่เพื่อนเลยนะ การทำงานเหมือนเดิม ความสุขเหมือนเดิม แต่แตกต่างกันแค่เจอกันบ่อยขึ้นและก็มีคำว่า “แฟน” เข้ามา จริง ๆ ตอนแรกไม่ได้เรียกว่า “แฟน” ด้วยซํ้า ตอนนั้นหนูอกหักอยู่ เขาก็อกหักเหมือนกัน ก็คุย ๆ กันไป เราเป็นแฟนกันเมื่อไหร่ ยังไม่รู้เลย (ยิ้ม) มันเหมือนเราแฮปปี้ที่จะอยู่กับใครมากกว่า ไม่ใช่กำหนดว่าตอนนี้ฉันคบเธอแล้วนะ เธอต้องทำอย่างนี้สิ ไปคาดหวังว่าเธอเป็นแฟนฉันแล้ว เธอต้องทำแบบนั้นนะ มันไม่ใช่ คือเรามีความสุขที่จะอยู่กับใคร เราก็อยู่แบบนั้นไป มันสบายใจกว่า บังเอิญว่าหนูมีแฟนหลายแบบที่แตกต่างกัน เลยเจอปัญหา ที่แตกต่างมาเรื่อย ๆ จนมาเจอคนนี้ในจังหวะที่พอเหมาะ หนูยังไม่คิดเลยว่าจะชอบเขา ตอนที่หนูอกหักยังไปนั่งเพ้อถึงแฟนเก่าให้เขาฟังอยู่เลย มันก็แปลกมาก การที่เราไม่ได้คาดหวังตอนแรกก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน คือถ้าเราพยายามหาความสุขให้ตัวเอง แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะเข้ามาเอง รวมทั้งเรื่องความรักด้วย อีกอย่างถ้าเป็นตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นคบใครสักคน มันดีที่สุดแล้วค่ะ บางคนบอกว่าฉันเป็นตัวเองนะ แต่พอเขาเปลี่ยนไป จริง ๆ เราเข้าใจผิดไปเองรึเปล่าว่าเราไม่ได้เปลี่ยนไปทั้งที่ความจริงเราเป็นคนเปลี่ยน เพราะด้วยความที่เราเอาคำว่าแฟน สามี หรืออะไรก็แล้วแต่มาครอบ แล้วมโนไปตามภาพที่สังคมมองว่าคนเป็นแฟนกันต้องเทคแคร์กันแบบนี้ ต้องโทรฯ หากันทุกวัน คือมันก็ไม่จำเป็น บางคนซีเรียสมากกับการที่บอกว่าอีกชั่วโมงเดี๋ยวโทรฯ หานะ แต่ไม่โทรฯ ปุ๊บก็โกรธ คิดมากว่าอยู่กับใคร กลายเป็นเรื่องทั้งที่แต่ก่อนที่เราชอบกัน เราไม่ได้เอาคำนี้มาควบคุมไว้ ทำไมเราเข้าใจว่าเขาอาจจะยุ่งอยู่ เราก็ไม่ซีเรียสและแฮปปี้ จนกระทั่งเราเอาคำเหล่านั้นมาครอบ หนูเลยคิดว่าต่อไปนี้หนูไม่อยากไปจำกัดหรือคาดหวังอะไรมากมาย เอาแค่เราเป็นตัวเรา เขาเป็นตัวเขาเต็มที่เลย แล้วถ้าเรารับไม่ได้ในสิ่งที่เขาเป็นจริง ๆ เราค่อยถอยออกมาดีกว่าที่เราไปสร้างให้เขาเป็นไปตามใจเรา สุดท้ายหนูคิดว่าถ้าเราดีจริง ๆ ไม่มีผู้ชายบนโลกคนไหนหรอกที่ชอบผู้หญิงแย่ ๆ เขาต้องอยากอยู่กับคนที่ดี แต่มันก็มีหลายปัจจัย คำว่าดีแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน บางคนบอกว่าคนนี้ดี มันดีสำหรับคนอื่นแต่อาจไม่ดีสำหรับเรา ก็อยู่ที่เราจะเลือกแบบไหนค่ะ”

ประสบการณ์ความรักที่ผ่านมา ได้ใช้เพื่อเป็นบทเรียนให้รักครั้งนี้บ้างมั้ย?

“ก็ช่วยนะคะ มันก็มา รวม ๆ กันเป็นประสบการณ์ ทำให้เราเข้าใจที่จะประคับประคองให้ความรักยืนยาว แต่รักครั้งนี้มันจะประสบความสำเร็จมั้ย เราก็ยังตอบไม่ได้ มันก็คาดหวังบ้างนะ อยากมีคนที่อยู่กับเราในบั้นปลาย แต่เอาจริง ๆ หนูแค่หวังในปัจจุบันมากกว่าว่าเราทำของเราให้ดีในเวลาที่เรายังอยู่ด้วย เรื่องอนาคตหนูพยายามไม่หวังล่วงหน้าว่าเขาจะเป็นคนที่ต้องแต่งงานกับเรา หรือเขาต้องเป็นแบบนี้ตลอดไป คนเรามันเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลา แม้ตัวเรายังเปลี่ยนเลย จะไปคาดหวังให้คน ๆ หนึ่งเป็นแบบนี้ตลอดไปได้ยังไง มันไม่ใช่หุ่นยนต์ที่เราเซตได้ เราเปลี่ยนจากคาดหวังในตัวเขาเป็นเราปรับตัวไปกับเขาเรื่อย ๆ ดีกว่า เราอยู่กันด้วยความเข้าใจ มันเป็นอะไรที่ง่าย ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนยังไง ถ้าเรายังรับได้และแฮปปี้ที่จะอยู่แบบนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องเครียดเรื่องความรักค่ะ”

เชื่อพรหมลิขิตบ้างมั้ย?

“สำหรับพรหมลิขิตตามที่หนูเข้าใจคือการที่เราบังเอิญเจอกันแล้วมันใช่ ความจริงเราก็ไม่ได้เชื่อขนาดนั้น แต่ก็ไม่ถึงกับไม่เชื่อ โอกาสที่คน ๆ หนึ่งจะเจอแบบพรหมลิขิตมันมีบ่อยนะในชีวิต หนูว่าหนูก็เจอหลายครั้งอยู่ อาจจะเหมือนมันเจอแล้วก็จริง แต่มันเวิร์กรึเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง คือกว่าเราจะตายก็มีอีกหลายครั้งที่เราจะเจอคนที่คิดว่าใช่ต่อไปเรื่อย ๆ หนูว่ามันอยู่ที่เรามากกว่า ว่าเราจะทำให้มันเป็นยังไง หนูเชื่อว่ามันเป็นจังหวะที่ดีมากกว่าค่ะ”

ท้ายสุดนิยามรักแท้ในแบบของเนยให้ฟังหน่อย?

“เรารักโดยที่เราไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน สิ่งตอบแทนในที่นี้ไม่ใช่เรื่องของสิ่งของหรือเงินทอง แต่หนูหมายถึงว่าเราไม่ได้หวังความรู้สึกเขามาตอบแทน บางทีแค่คิดว่าเรารักเขามั้ยล่ะ เราไม่จำเป็นต้องคาดหวังให้เขามารักเราตอบ เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นมันก็ทุกข์มาก ตอนที่หนูอกหักหรือเสียใจมาก ๆ แต่หนูก็ยังแฮปปี้ที่ไม่มีใครนะ เพราะว่าหนูยังรักเขาอยู่แม้เราจะเลิกกันแล้วก็ตาม แต่หนูก็มีความสุขที่ได้อยู่ในฐานะอื่น ทำไมเราต้องหวังให้เขามาเป็นแฟนด้วยถ้ามันไม่ใช่สำหรับเขา ถามว่ากับคนที่คบนี้ใกล้เคียงรักแท้ของเรามั้ย หนูคิดว่าก็ใช่เลยแหละ หนูก็ยังตอบไม่ได้ว่ารักเขาขนาดไหน เพราะว่าเพิ่งคบกัน แต่ตอนนี้มันก็เริ่มมากขึ้นในระดับที่โอเค แต่ยังไงก็ยังต้องดูต่อไปเรื่อย ๆ ดีกว่าค่ะ”

เสร็จสิ้นสัมภาษณ์เราก็ได้เห็นมุมมองดี ๆ จากสาวน้อยคนนี้ จริง ๆ และก็เชื่อเหลือเกินว่าการที่เธอใจเย็นลงแบบนี้ จะทำให้เธอแฮปปี้ทั้งการงานและความรักตลอดไปแน่นอน.