"อนันดา" เผย 10 กว่าปีไม่เคยได้พักใจ เลิกคนเก่าคบคนใหม่ทันที แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดเลิกทุกราย พึ่งค้นพบผิดที่กูนี่แหละ ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก ก็เลยไปต่อไม่ได้ ขอเวลาพักใจปรับปรุงตัวไม่อยากให้ใครมาเสียเวลาด้วย
ถือว่าเป็นหนุ่มติสท์อีกคนหนึ่งเลยสำหรับ "อนันดา เอเวอริงแฮม" ที่เหมือนว่าตอนนี้จะกำลังซุ่มคบอยู่กับสาวฝรั่งคนหนึ่ง แต่เมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์ เจ้าตัวก็ยังตอบว่าไม่ใช่แฟน แค่เริ่มเดทกันเท่านั้น แถมตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมเปิดใจกับรักครั้งใหม่สักเท่าไหร่ เรื่องแต่งงานมีลูกแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เล่ย
"ไม่ได้เปิดตัวอะไรเลย แค่บอกว่าเราออกเดท เขา(แฟน)ก็ไม่ได้สนใจข่าวไทยอยู่แล้ว เขาอ่านภาษาไทยไม่ออก ถ้ารู้จักผม ก็จะรู้อยู่แล้ว ว่าผมไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ คือตอนนี้อย่านับว่ามีแฟนเลยดีกว่า อาจจะแค่แบบเริ่มกลับมาเดท เพราะเราก็ห่างจากเรื่องพวกนี้มาพักใหญ่ แล้วมันก็เป็นความตั้งใจของผมด้วยที่รู้สึกว่า เราไม่เคยได้พักใจเลย ใน 10 กว่าปีที่ผ่านมา เราก็เลยจะพยายามทำตัวนิ่งๆ สักแป๊บหนึ่ง"
"จริงๆ มีแฟนมาตลอด 10 กว่าปี(หัวเราะ) เพิ่งจะมาโสดช่วงนี้แหละ ตอนนั้นก็ไม่ใช่ว่าพร้อมหรอก เราก็แค่เปิดอกเปิดใจคุยกันบ้าง เราแค่รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คือคบกับใครมันเหมือนเป็นวัฎจักรเก็บตลอด เราจะไปถึงปีที่ 3-4 แล้วทุกอย่างก็จบเหมือนเดิม เราก็เลยรู้สึกว่าสิ่งที่ต้องปรับปรุงคือตัวผม ก็เลยแทนที่จะรีบมีแฟนเราก็พยายามมองตัวเองให้เคลียร์ก่อน ว่าจริงๆ แล้วเราควรคบกับใครหรือเปล่าช่วงนี้"
ไม่เข็ดกับความรัก แต่แอบสงสารคนที่คบด้วย เพราะตัวเองเอาแน่นอนอะไรไม่ค่อยได้ หายไปเมื่อไหร่ก็ได้
"ไม่ใช่ว่าเข็ดหรอก บางทีเราแค่รู้สึกว่า เราเป็นมนุษย์ล่องลอย เราไม่เคยนึกว่าเราจะมีแฟนจะแต่งงานหรือจะมีลูก ก็สงสารคนที่คบกับผม เราหายไปเมื่อไหร่ก็ได้ เลยมีการเบรค ถามตัวเองว่าจริงๆ แล้วเราควรหรือเปล่า เราเสียเวลาคนอื่นอยู่หรือเปล่า"
"คือผมเคยคิดว่าถ้าคนต่อไปที่คบจริงจัง ผมก็อยากจะให้เป็นคู่ชีวิต อาจจะไม่ได้นึกถึงเรื่องแต่งงาน แต่นึกถึงคนที่จะอยู่กับเราได้ยาว"
อะไรที่ทำให้บอกได้ว่าคนนี้ใช่แล้ว หรือตัวเราพร้อมที่จะจริงจังกับคนนี้"มันเป็นแค่ความรู้สึก ก็เลยขึ้นอยู่กับตัวเราเองมากกว่าอันนี้คือเหตุผลที่ผมบอกว่า ผมขอหยุดและใช้เวลาที่จะวิเคราะห์ตัวเองแต่ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ว่าเราเข้าใจตัวเองแล้วเพราะเราก็เป็นคนเพี้ยนๆ คนหนึ่ง ที่รักอิสระของตัวเองเกินเหตุอะไรแบบนี้ ถามว่ากับคนปัจจุบัน เรียกแฟนหรือยัง ก็ยังไม่ใช่ เรียกว่าเป็นคนที่คุยกันอยู่"
"ผมไม่เคยคิดว่าจะแต่งงานเลยนั่นคือปัญหาหนึ่งของผมไง ผมชอบเข้าวัฏจักรเดิม เวลาที่คบใครแล้วสุดท้ายมันกลับมาเข้าวัฏจักรเดิมเพราะเราไม่เคยคิดว่าเราจะไปเกินจุดนี้เพราะคบไปถึงระยะเวลา 3 ถึง 4 ปี มันเริ่มมีคำถามขึ้นมาว่าเราจะไปไหนกันต่อหรือเปล่า แล้วตัวเรากลับมีคำตอบขึ้นมาว่า ยังไม่อยากจะไปไหน ก็เลยทำให้จบที่เดิมเกือบทุกครั้ง"
"ก็อาจเป็นไปได้ว่าผมกลัวการมีชีวิตคู่ เหมือนที่ผมบอกว่าทุกอย่างมันต้องมีการคิดและวิเคราะห์ว่าลึกลึกแล้วมันเป็นเพราะอะไร เมื่อก่อนเราชอบคิดว่า เป็นเพราะเราไปด้วยกันไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วเป็นที่ตัวกูนี่แหละที่ไปต่อไม่ได้เพราะฉะนั้นเราต้องถามตัวเองว่า จริงๆ แล้วเราต้องการอะไร ถามว่ามีโอกาสที่จะแต่งงานหรือเปล่า ผมคิดว่าทุกอย่างในโลกมันเป็นไปได้ แต่ตั้งแต่ที่ผมเด็ก จนโต ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแต่งงานเลยผมไม่ได้แอนตี้การแต่งงานนะ แต่ผมไม่เคยมีภาพอย่างนั้นในหัวเลยเราไม่ได้ให้ความสำคัญตรงนั้นเลย"
"step ต่อไปของผม ถ้าผมจะจริงจังกับใคร ผมอยากให้เป็นคนที่อยู่กับผมไปตลอดชีวิตได้ ส่วนในอนาคตมันจะกลายเป็นการแต่งงานหรือจะกลายเป็นครอบครัวหรือไม่ ผมไม่รู้เรื่องนั้นต้องดูต่อไป เพราะการที่เราคบกัน มันไม่ใช่แค่ผมกับเขาเราต้องคำนึงถึงคนอื่นด้วย ตอนนี้เราก็ไปอย่างช้าๆ เพราะว่าเมื่อก่อน เวลาที่เราเลิกกับใคร เราใช้เวลาไม่นาน ในการไปเริ่มต้นใหม่กับใคร และผมเป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 10 ปีเราเลยพยายามจะเบรคตัวเองบ้าง"
บอกไม่อยากมีลูกเพราะประชากรล้นโลกแล้ว อาจจะรับเด็กที่ด้อยโอกาสมาเลี้ยงแทน"คนมันก็ล้นโลกแล้ว ถ้าจะมีลูกผมเคยคิดว่าผมอยากจะรับเด็กมาเลี้ยงมากกว่า ถามว่าทำไมถึงไม่อยากจะมีลูกเป็นของตัวเอง คือทุกวันนี้ประชากรโลก มี 7 พันกว่าล้านคนแล้ว แค่นี้โลกเราก็จะรับไม่ไหวอยู่แล้ว และมีเด็กตั้งมากมายที่เขายังขาดโอกาสอยู่ถ้าเราสามารถจะดูแลเขาได้ตรงนี้ เราก็อยากทำนะ และอีกอย่างผมไม่ได้คิดว่าทายาทของผมจะต้องเป็น dna ของผม และ dna ของผมมันไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรือวิเศษมากมาย ผมไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลย คือ ณ วันนี้ผมยังไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงาน หรือเรื่องการมีลูกเลยนะ"
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012