Inside Dara
"แพนเค้ก"ดวงใจ"แม่หน่อย" ดูแลดุจเทพธิดา-สมเป็นลูกที่ดี

เป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้วที่เข้าสู่เดือนแห่งวันแม่ สัปดาห์นี้นำเสนอคู่แม่ลูกผูกพัน พันกันชนิดเป็นเงาตามตัว เห็นคุณลูก "แพนเค้ก" เขมนิจ จามิกรณ์ ที่ไหน เป็นต้องเห็นคุณแม่ "หน่อย-นวลนง" ที่นั่น

แพนเค้กตอนเด็กเป็นยังไง

แม่หน่อย - "เลี้ยงยากมาก ร้องไม่มีสาเหตุ อยู่ไม่นิ่ง เปลี่ยนเปลทุกขนาดทุกแบบ ร้องเพลง เต้น ทุกอย่างแล้วเขาไม่นอนไม่นิ่ง เหนื่อยมาก มาเริ่มรู้สึกเลี้ยงสบายขึ้นตอนป.3-ป.4 เริ่มนิ่ง เริ่มพูดรู้เรื่องก็กลายเป็นเด็กแปลกนะ จากที่กระโดดโลดเต้นตลอดเวลา พอ 7-8 ขวบ เป็นเด็กเรียบง่าย ไม่หวือหวา ไม่คิดเลยว่าเขาจะ มาทำงานตรงนี้ ไม่มีวี่แวว แต่ก็พยายามหากิจกรรมพิเศษเสริมให้ทำตลอดเวลา พาไปเรียนว่ายน้ำ ดนตรี วาดรูป ให้รู้ไว้ งูๆ ปลาๆ ก็ไม่เป็นไร อนาคตอาจได้ใช้"

แพนเริ่มรู้สึกว่า แม่ให้แต่สิ่งดีช่วงไหน

แพนเค้ก - "ช่วงเข้ามาทำงานในวงการนี้ล่ะค่ะ มีแคสต์งานโมเดลลิ่งหลายๆ ที่ มักมีคนแนะนำให้ลองไปประกวดโน่นนี่ ได้ไม่ได้ไม่รู้ แพนเองชอบดูหนังดูละคร ถ่ายรูปจากทีวีจากหนังสือพิมพ์เก็บไว้ทุกวัน คือรู้แค่ว่าชอบเฉยๆ แต่ยังไม่มีความฝันว่าจะเป็นแบบนี้ ชอบดูหนังสือสวยๆ ชอบดูเขาเดินแฟชั่นโชว์ ชอบใส่รองเท้าส้นสูงเล่น ชอบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเล่นคนเดียว แต่จะไม่แสดงออกข้างนอก ไม่กล้า และไม่เคยร้องขอจะไปทำอะไรทั้งสิ้น"

แม่หน่อย - "พอเห็นลูกเป็นแบบนี้ก็คิดว่าเขาจะได้แสดงออกมายังไง ถ้าเราต้องการคนให้โอกาส แล้วใครจะให้โอกาสตรงนั้นเรา ถ้าไม่ใช่แม่ ผิดถูกคือเราแม่ลูก แม่เลยคิดว่าเราต้องยอมเสียเวลากับกำลังกายกำลังทรัพย์เพื่อให้โอกาสลูก เราถึงได้มองหาว่าลองทำอันนี้ดูไหม แล้วเราก็ต้องอยู่กับเขา ไปแคสต์งานเพื่อให้เขากล้าแสดงออก จากนั้นก็มีคนให้ลองไปประกวดนางแบบดู เราก็ต้องมาคุยมาทำความเข้าใจกับลูกว่าลูกจะได้อะไรจากการประกวด"

พอลูกได้ตำแหน่งไทยซูเปอร์โมเดล 2004 เคยคิดสเต็ปต่อไปไหม

แม่หน่อย - "มันมีสเต็ปของมัน เราเป็นคนเปิดรับโอกาส ไม่ได้กลัวว่าลูกจะทำอะไร จะไปเจอใคร แต่คิดว่าตราบใดที่เราไม่ทิ้งเขา เขาต้องทำมันผ่านไปได้ ซึ่งลูกไม่กลัวตรงนั้นเลย หรือลึกๆ อาจกลัว แต่เห็นว่าพ่อแม่อยู่ข้างๆ ตลอด ลูกก็เดินหน้าพร้อมเรา มันเลยมีโอกาสใหม่ๆ เรื่องราวใหม่ๆ เข้ามาเป็นสเต็ปๆ"

ซึ่งแม่ก็ยังตามติดตลอด

แม่หน่อย - "เพราะเดิมทีแม่คิดว่าแพนเป็นผู้หญิงที่เรามองไม่เจอว่าเขาจะไปทางไหน ไม่มีเป้าหมายอะไรเลย เราเลยพยายามช่วย แต่เรารู้ว่าเด็กคนนี้มีของดีอยู่ในตัว มีอะไรบางอย่างที่เขาต้องรอเวลาแค่นั้นเอง เราแค่ช่วยเอาตรงนั้นออกมา แม่ยังพูดกับแพนว่าไม่รู้ทำไมแม่ต้องดูแลแพนมากขนาดนี้ ประหนึ่งว่าเขาเป็นเทพธิดา ถ้าเขาพูดอะไรให้รู้สึกว่าเราห่างจากเขา เราต้องรีบกลับมาที่เขา ดูแลเขาในทุกอย่าง บอกไม่ถูก เขาเป็นผู้หญิงที่ต้องมีคนดูแลในแบบที่ดีจริงๆ เขาเป็นผู้หญิงที่ดี แม่เลยอยากดูแลเขาให้สมกับความเป็นคนดีของเขา"

รู้สึกอึดอัดใจไหมที่แม่อยู่ด้วย

แพนเค้ก - "ไม่เลย รู้สึกดี เป็นความอบอุ่น เพราะแม่เป็นคนฟรีสไตล์ ลูกอยากทำอะไรอยากไปไหนได้หมด คุณแม่เข้าใจเราในทุกเรื่อง แฮปปี้ที่แม่อยู่ด้วยค่ะ"

แม่หน่อย - "เราเหมือนเป็นจอมบงการ คนส่วนใหญ่คิดว่าแม่ต้องมาดูแลทุกเรื่อง"

พอมาดูแลมากๆ จะเกิดเสียงวิจารณ์

แม่หน่อย - "เพราะเราคือแม่ ลูกอยู่ในความปกครองของเรา ลูกคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา ฉะนั้นเรามีสิทธิ์จะตัดสินใจอะไรก็ได้ตามที่เราสองคนเห็นพ้อง ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คนอื่นอาจไม่เข้าใจคำว่าแม่ลูกได้ดีพอ เลยไม่รู้ว่าคำว่าแม่ลูกมันลึกซึ้งแค่ไหน ถ้าคนที่เข้าใจถึงคนที่รักลูกที่สุดในชีวิต จะเข้าใจว่าทำไมเราคิดแบบนี้ ทำไมเราถึงเลือกลูกก่อนเสมอ"

"แต่ก็มีเสียงมาอยู่ดีว่าแพนพลาดโน่นหลุดนี่เพราะแม่ ซึ่งมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่จะรู้ว่าอันนั้นคือความพลาดหรือความถูกต้อง แต่คนอื่นอาจเห็นว่าเป็นสิ่งที่พลาด ซึ่งก็คิดแทนเรา"

"ในความเป็นจริง ต่อให้แพนหรือแม่ทำอะไรพลาด เราไม่เคยทับถมกัน ไม่เคยโทษกัน เราคิดว่าทุกอย่างมันมีเรื่องราวของทุกๆ คน เราไม่เคยเสียใจกับอะไรก็ตามที่เราตัดสินใจทำ เพราะเราไตร่ตรองดีแล้ว คนอาจจะคิดต่าง แต่เราก็ไม่ผิดที่ไม่คิดแบบคนอื่น เราไม่น้อยใจเลยกับเสียงรอบข้าง เพราะเมื่อเราก้าวออกจากบ้าน เรื่องอื่นๆ ถือเป็นครรลองของระบบวงจรสังคม"

ถ้ามันจะมีผลกระทบให้ดังน้อยลงล่ะ รู้สึกยังไง

แม่หน่อย - "เราไม่เคยคิดว่าเราดัง เลยไม่สนใจเรื่องตรงนั้น ทุกอย่างเกินความคาดหมาย เราไม่ได้มาจากที่สูง เราอยู่ในที่ราบปกติและยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้คิดว่าวันนี้ทำไมไม่ได้ทำงานชิ้นนี้ ทำไมไม่ได้เล่นละครหรืออะไรก็ตาม ทุกอย่างมีเหตุผล เรามีความสุขในแบบที่เป็นเสมอ"

"เราเป็นคนที่ไม่ชอบก็จะบอกไม่ชอบ บางคนจะรับคำพูดแบบนี้ไม่ได้ ชีวิตธรรมชาติของเราเป็นคนที่พร้อมปรับเปลี่ยนพร้อมเดินทางเลือกใหม่ๆ เพราะฉะนั้นถ้าเราอยู่ใกล้กับคนที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย คนอย่างนั้นก็จะอึดอัดเรา เราเป็นคนที่เร็วและก้าว ก้าวเร็ว แต่ในบางเรื่องเราก็พร้อมจะไม่เดินด้วย แต่เราไม่แทงคนข้างหลัง ซึ่งเรามีวิธีที่นุ่มนวลเพื่อไม่ให้กระทบใครทั้งนั้น ยอมเป็นคนที่ถูกคนอื่นมองไม่ดี ชีวิตเกิด แก่ เจ็บตาย เดี๋ยวก็ลืมกันไป เราจึงไม่ฝังใจกับเรื่องอะไร รอเรื่องใหม่ๆ เข้ามาดีกว่า"

ทำไมถึงไปช่วยงานกุศลเยอะมาก

แม่หน่อย - "เราให้ความสำคัญกับเรื่องเวลา พื้นฐานครอบครัวเราชอบทำอะไรที่ไม่รอเวลา ไม่ต้องรอว่าอายุเท่านี้มีฐานะแบบนี้แล้วค่อยทำ เราคิดแต่เพียงว่าถ้ามีโอกาสดีๆ ที่จะทำให้คนอื่น เราจะรีบทำทันที"

"อย่างงานที่จะไปทอดกฐินพระราชทานที่วัดพุทธวิหาร ประเทศ เนเธอร์แลนด์ กับพี่พี สะเดิด ซึ่งเรื่องที่เราได้มารู้จักกับพี่พีจนได้ร่วมทำบุญกัน ก็มีคนพูดกับแม่ว่าไม่น่าเปลี่ยนลุกส์น้องให้ลงไปแบบนั้น แม่รู้สึกเลยว่าคนที่พูดมองแต่ เรื่องผลประโยชน์ อยากให้วางลูกไว้ในตำแหน่งของการกอบโกย ซึ่งเราไม่ใช่ ทุกวันนี้เราได้มาเกินคาด ถ้านับจากนี้เราไม่ดังไปกว่านี้ก็ไม่เป็นไร เราอยู่เท่าที่เรามี ทำเท่าที่เราทำได้และมีโอกาส คนมองว่าเราบ้าออก งานอีเวนต์ แต่เปล่าเลย คุณจะรู้ไหมว่าบางทีเราไปทั้งวัน แต่ไม่ได้เงินซักบาท เสียเงินด้วยซ้ำ ทั้งแต่งหน้า ทำผม เสื้อผ้า ค่าน้ำมัน จ่ายเองหมด ซึ่งคนมักตีค่าเรื่องราวที่เราออกไปทำเป็นเงิน มันไม่ใช่เสมอไป แต่ถึงคนจะคิดแบบนั้น เราก็ไม่หยุดทำ เพราะถ้ามานั่งคิดและบั่นทอนจากเรื่องแบบนี้ เราจะไม่มีโอกาสเป็นกำลังใจให้ใครอีกเลย เราอยู่ในสถานะที่ทำได้โดยไม่เดือดร้อน เมื่อได้รับเลือก เราจึงภูมิใจและต้องรีบทำ คิดว่าจะทำแบบนี้ต่อไปจนทำไม่ไหว หรือไม่มีใครให้เราทำ"

มองอนาคตให้ลูกสาวอย่างไรบ้าง

แม่หน่อย - "ผู้หญิง ถ้าเขามีโอกาสจะมีครอบครัว เราจะช่วยกันดูแลว่าจะเป็นอย่างไร แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ยังคงอยู่กับเราเหมือนเดิม ซึ่งถ้าถึงเวลาไปมีครอบครัวจริงๆ เขาต้องเริ่มสร้างครอบครัวเขา เราก็จะถอยห่างออกมาและประคับประคองกันอยู่ห่างๆ ครอบครัวเราไม่มีรูปแบบ เราฟรีสไตล์ และเราคิดว่าอย่ารอ ถ้าเราคิดว่าพร้อม"

แพนคิดอยากจะแต่งงานหรือยัง

แพนเค้ก - "ยังไม่คิดตอนนี้ ขอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกวันนี้มีความสุขแบบนี้ ถึงรูปแบบเปลี่ยนไป แต่ก็ยังมีแม่อยู่"

มีคนเคยบอกว่า ความรักเป็นเรื่อง ของคน 2 คน แต่นี่เหมือนความรักเป็นเรื่องของคน 3 คน คือมีแม่อยู่ด้วย

แพนเค้ก - "ความรักก็ยังเป็นเรื่องของคน 2 คนค่ะ แต่ของเราจะพิเศษเพราะเราโตมา ในครอบครัวที่เป็นแบบนี้ รักในความเป็นครอบครัวเลยเป็นแบบนี้ ซึ่งเราก็มีความสุขดี"

มีคำสรุปหรือเปล่ากับ "แม่หน่อย" คนนี้

แพนเค้ก - "แม่เป็นคนเก่งมากๆ มีน้ำใจมาก เผื่อแผ่และนึกถึงคนอื่นเสมอ แรกๆ เราจะคิดว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น แต่พอมาถึงเวลานี้เข้าใจในสิ่งที่แม่ทำแล้ว อะไรที่ให้ความสุขกับคนได้ แม่จะคิดและไม่เพิกเฉย ไม่ดูดายที่จะทำ ทำให้แพนได้นิสัยแบบนี้จากแม่"

"แม่เป็นคนคิดนอกกรอบ อะไรที่ทำไม่ได้หรือไม่เคยทำ แม่จะให้ลอง ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร สิ่งต่างๆ ที่แม่บังคับให้เรียนให้ทำตั้งแต่เด็กที่เราไม่อยากทำ ปรากฏตอนนี้เป็นคุณประโยชน์มาก แพนนำมาใช้ได้ในอาชีพทุกอย่าง ดีใจที่ได้เริ่มทำมา รวมไปถึงสิ่งที่แม่ปลูกฝังตั้งแต่เด็กที่ทำให้ครอบครัวมีความสุขค่ะ"

แล้วแม่ล่ะ มีคำสรุปกับลูกสาวอย่างไร

แม่หน่อย - "ในความรู้สึกของแม่ ลูกคนนี้เป็นผู้หญิงที่ดีมาก คิดดีไม่ทำร้ายใคร ประเสริฐในความเป็นลูกสำหรับเรา แต่ไม่ใช่ประเสริฐในทุกเรื่อง มันต้องมีผิดมีพลาดบ้าง แต่สำหรับแม่ถือว่าโอเค ทุกอย่างก็เลยต้องทำคืนกัน"

"แม่ต้องทำให้ลูก ดูแลลูกตราบที่จะมีใครสักคนมาดูแลให้ดีต่อจากเรา ส่วนแพนก็รักแม่ เขาจึงต้องทำเพื่อแม่ เชื่อฟังแม่ เราทำให้สมกับที่เราไว้วางใจซึ่งกันและกันค่ะ"