Inside Dara
เจมส์ พิสูจน์รัก ครูก้อย ต้องฝ่าฟัน พร้อมเผยเหตุเลิก เอ๊ะ หลังคบ 12 ปี

เป็นอีกหนึ่งคู่เลิฟหวานที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ หลายอย่างสำหรับ เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ และ ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์ ซึ่งทั้งคู่เผยผ่านรายการ “คลับ ฟรายเดย์ โชว์” ทางช่อง GMM25 ให้ฟังกว่าที่ความรักจะหวานจนกระทั่งแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแบบนี้ต้องเจออุปสรรคหลายอย่าง ทั้งเรื่องที่พ่อแม่ฝ่ายครูก้อยไม่ปลื้ม ระยะทางความรักที่ห่างไกล ตลอดจนข่าวคราวความเจ้าชู้ของเจมส์ที่บั่นทอนความรู้สึกของครูก้อยจนกลายเป็นชนวนทะเลาะใหญ่โตมาแล้ว

ซึ่ง เจมส์ เผยว่า พบกับครูก้อยครั้งแรกที่ล็อบบี้โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ตอนที่เจอครั้งแรกคือฝ่ายหญิงมาขอถ่ายรูป ซึ่งจริงๆ แล้วตนไม่ค่อยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตสักเท่าไร แต่พอเจอครูก้อยแล้วรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง ตอนนั้นตนก็รู้สึกว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเราอาจจะเสียโอกาสเลยก็ได้ก็เลยตัดสินใจขอไลน์ไป โดยอ้างไปว่าจะขอรูปที่ถ่ายด้วย ซึ่งพอได้ไลน์ไปตนก็พยายามส่งข้อความไปทุกวันอยู่เกือบ 2 เดือนแต่ครูก้อยไม่อ่านไลน์เลย จนกระทั่งตัดสินใจใช้คำถามเปลี่ยนชีวิตว่ามีแฟนรึยัง ซึ่งครูก้อยก็ตอบไปว่าโสด พอได้เริ่มคุยกันจึงได้รู้ว่ามีสไตล์ค่อนข้างคล้ายกันและไปกันได้ แต่ก็มีเรื่องที่ต้องปรับตัวพอสมควร ซึ่งครูก้อยไม่ถึงกับรู้สึกอึดอัดอะไร

ด้านครูก้อยเองเผยว่าตอนที่ไปขอถ่ายรูป ตนเป็นแฟนคลับของฝ่ายชาย แค่ได้ถ่ายรูปคู่ก็พอแล้ว ไม่ได้คิดจะสานต่ออะไร และจริงๆ ตอนนั้นที่ไม่ได้ตอบไลน์เพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายเจ้าชู้ ยิ่งพอฝ่ายชายให้เบอร์โทรมาทางไลน์เลยยิ่งมองว่าเป็นคนเจ้าชู้ ทำให้ตนมีกำแพงสูงมาก และที่ผ่านมาตนมองฝ่ายชายในด้านบวกตลอด เลยรู้สึกว่าบล็อกตัวเองดีกว่า พออีกฝ่ายถามว่ามีแฟนรึยัง ตอนนั้นตนก็ปรึกษาเพื่อนว่าจะทำยังไงดี เพราะจริงๆ ตนก็เพิ่งเลิกกับแฟนเก่ามาสักพักและรู้สึกเสียใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจตอบไป ซึ่งพอเริ่มคุยกัน มีอยู่วันนึงฝ่ายชายก็ชวนตนไปทานข้าว แต่ตนบอกว่าดูก่อนและสุดท้ายก็ไม่ได้ไป นอกจากนี้พอปรึกษากับครอบครัวและเพื่อนต่างก็ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดใจ

นอกจากนี้เจมส์เผยถึงสาเหตุที่เลิกรากับเอ๊ะ ศศิกานต์ อดีตแฟนสาว หลังคบหาดูใจมานานกว่า 12 ปี เป็นเพราะพอคบมา 5-6 ปีแล้วแต่คำว่า I ค่อนข้างจะใหญ่มากกว่าคำว่า You ส่วนคำว่า We เล็กนิดเดียว เหมือนต่างคนต่างไม่ยอมกัน พอคบกันมาถึง 12 ปี ต่างคนต่างเริ่มหันมามองหน้ากันแล้วถามว่าตอนนี้ตัวเองทำอะไรกันอยู่ และเห็นตรงกันว่าถ้าปล่อยให้ต่างคนต่างมีอิสระและเจอคนใหม่น่าจะดีกว่า จึงตกลงจบกันด้วยดีและเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม

เจมส์กล่าวต่อไปว่าเคยมีเหตุการณ์ทะเลาะกับครูก้อยแรงมากหลังจากที่ตนไปร่วมรายการหนึ่งและพิธีกรซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเจมส์พูดทำนองว่าถ้าพูดถึงเจมส์ เรืองศักดิ์ ไม่ต้องพูดถึงเพราะรู้ๆ กันอยู่ ประกอบกับก่อนหน้านี้ครูก้อยก็เข้าไปอ่านกระทู้ต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตซึ่งมีคอมเมนต์ทำนองว่าตนเจ้าชู้ เลยทำให้ยิ่งคิดมากและเอาเรื่องนี้มาถามตน ซึ่งปกติครูก้อยจะดูเรียบร้อย แต่พอโมโหจะนิ่งๆ พูดเหมือนใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง แต่ถ้าโกรธมากจะแรงมาก มีแผดเสียงบ้าง ส่วนตนเป็นคนมีเหตุผลมากกว่า แต่ถ้าหากดราม่าเมื่อไหร่จะคูณความแรงมากกว่าครูก้อย 5 เท่า ซึ่งต้องเป็นเรื่องที่สุดจริงๆ แต่ตนจะไม่ทำร้ายร่างกายผู้หญิง ซึ่งในเหตุการณ์นั้นตอนนั้นตนไลน์หาครูก้อยไปว่าทำไมไม่ไว้ใจเลยแม้แต่นิดเดียว เลือดเย็น อำมหิต ฯลฯ ตนทุ่มเทมาขนาดนี้ทำไมถึงได้รับการตอบแทนแบบนี้

ครูก้อยเสริมว่าพอฝ่ายชายโกรธแล้วก็หายไปเป็น 10 วันและไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งตนพยายามส่งข้อความไปทางไลน์ก็ไม่อ่าน โทรไปก็โดนบล็อก จนตนคิดว่าถ้าอีกวันไม่อ่านไลน์จะบุกไปถึงคอนโดของเจมส์เพื่อตามไปเคลียร์ ทั้งที่ตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่าคอนโดฝ่ายชายอยู่ที่ไหน แต่สุดท้ายฝ่ายชายก็ไลน์กลับมาและโทรมาขอโทษพอดีเลยคืนดีกัน นอกจากนี้ครูก้อยเผยว่าติดต่อฝ่ายชายทางโทรศัพท์ค่อนข้างยากเพราะฝ่ายชายถ่ายละครตลอด ทำให้ตนก็กลับมาคิดว่าแล้วชีวิตของตนจะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดเหรอ เลยคิดว่าจะขอเลิกกันและเก็บความรู้สึกดีๆ ไว้ดีกว่า เพราะคิดว่าไม่สามารถจะไปต่อถึงความเป็นครอบครัวได้ แต่พอคุยเรื่องนี้แล้วเจมส์จึงขอโอกาสมาเจอคุณแม่ของครูก้อย

ด้านเจมส์เองเผยว่าตอนนั้นเริ่มคิดว่าถ้าตนยังใช้ชีวิตแบบหนุ่มเจ้าสำราญก็คงมีความสุขแบบนึง แต่การที่จะมีรักเดียวและมีครอบครัวและลูกเป็นความสุขที่มากกว่า จึงตัดสินใจขอฝ่ายหญิงมาเจอคุณแม่ ซึ่งสร้างความหนักใจให้ครูก้อยเพราะแม่ตนไม่สนับสนุนที่ตนคบกับเจมส์ และมีน้องสาวเพียงคนเดียวที่รับรู้ว่าตนคบกับเจมส์อยู่ ส่วนคุณพ่อไม่รู้ และเมื่อครูก้อยพาเจมส์มาเจอกับคุณแม่และน้องสาว คุณแม่ก็พูดกับเจมส์ตรงๆ ว่าอย่าคบกันเลยเพราะเหมือนคบกับเงา คือรู้ว่าเจมส์ทำอะไรอยู่แต่ก็ไม่สามารถจะเจอได้ตลอดเพราะด้วยการทำงานที่อยู่ต่างที่กัน และหวั่นว่าเจมส์คงจะมีสาวคนอื่นๆ อีก แต่ฝ่ายเจมส์เองก็ขอโอกาสกับคุณแม่ของตนเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ

ส่วนการไปเจอคุณพ่อของครูก้อย ครูก้อยเล่าว่าตอนนั้นถือโอกาสพาฝ่ายชายมาเจอกันในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณพ่อ ตอนแรกค่อนข้างหนักใจเพราะพ่อของตนเคยดูละคร “สุสานคนเป็น” ของฝ่ายชายแล้วไม่ชอบตัวละครที่เจมส์เล่นเพราะดูเป็นคนเจ้าชู้ แต่กลับกลายเป็นว่าพอพาฝ่ายชายไปเจอกับคุณพ่อ คุณพ่อดูจะถูกชะตากับเจมส์มาก แถมยังคุยกันถูกคอ กลายเป็นว่าใจดีมากกว่าคุณแม่เสียอีก เรียกว่าผ่านด่านพ่อแม่ฝ่ายหญิงได้ภายหลังคบกันมาได้ 1 ปี

กับเรื่องการขอแต่งงาน เจมส์เผยว่าตอนนั้นจำได้ว่าตนพาครูก้อยไปทานข้าวที่สุขุมวิท 26 และทั้งร้านมีแค่ตนกับครูก้อย ตอนนั้นตนรู้สึกแปลกๆ น้ำตาไหล และตนก็ถามครูก้อยว่ายังมีอะไรต้องปรับจูนไหม ถ้าไม่มีแล้ว แต่งงานกันนะ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้มีแพลนจะทำเซอร์ไพรส์อะไรเลย ด้านครูก้อยเองก็แปลกใจเพราะทุกอย่างค่อนข้างเร็วและฝ่ายชายเพิ่งมาเจอพ่อแม่ของตนเมื่อ 2 เดือนที่แล้วเอง แต่สุดท้ายตนก็ตอบตกลงเพราะใจตนเองโอเคกับฝ่ายชายตั้งนานแล้ว

แต่พอหลังแต่งงานแล้วก็ยังคงมีดราม่าอีก เช่น ครูก้อยชอบอ้อน บางทีขับรถอยู่ก็มาเกาะแขนเจมส์ แต่พอฝ่ายชายบอกว่ารอให้ถึงบ้านก่อนไหม ครูก้อยก็คิดไปว่าฝ่ายชายไม่เหมือนเดิมเลยโมโห แต่ครั้งนี้เจมส์ก็โมโหอยู่ประมาณ 3 นาทีก็ได้สติและขอโทษ ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์ด้านลบเท่าไรแล้ว ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเร็วไปที่จะแต่งงาน จริงๆ ตนและครูก้อยก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทุกวันนี้ตนกับครูก้อยมีความสุขดีและทุกอย่างลงตัวแล้ว.