Inside Dara
‘โบว์’ ธรรมชาติจริงใจ หวังก้าวไกลในอาชีพนักแสดง

ละะคร “โนห์รา” ที่เคยโด่งดังเมื่อ 14 ปีก่อน ถูกนำมารีเมคและลงจอทางช่อง 7 สี อีกครั้ง งานนี้ทำเอานางเอกของเรื่อง อย่าง โบว์-เมลดา สุศรี ออกปากว่ากดดันไม่น้อยทีเดียว เพราะนอกจากอารมณ์ทางการแสดงแล้ว ยังต้องถ่ายทอดศิลปะการร่ายรำทางภาคใต้ให้ออกมาสวยงามอีกด้วย “ดาวต่างมุม” เลยถือโอกาสนี้นัดสาวโบว์ มานั่งพูดคุยถึงผลงานเรื่องล่าสุดของเธอ ที่เป็นการกลับมาร่วมงานกับพระเอกคู่จิ้น ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี อีกด้วย

“โนห์รา” เพิ่งจะออกอากาศ เป็นอย่างไรบ้าง?

“ละครเรื่องโนห์รา เพิ่งออนแอร์ไปตอนแรกวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมาค่ะ เรื่องนี้จะเห็นคาแรกเตอร์ของโบว์แตกต่างไปจากเรื่องก่อน ๆ เลย จะเรียบร้อยมาก เป็นกุลสตรีจริง ๆ คือเราจะรักแม่มาก แต่เทียบกับเวอร์ชั่นก่อนที่ “โนห์รา” เป็นผู้หญิงไม่สู้คน เวอร์ชั่นนี้ก็จะทันสมัยขึ้น เพราะความจริงแล้วคนเราไม่ได้จำเป็นจะต้องยอมไปซะทุกเรื่อง บางครั้งเราก็มีเอาคืนบ้าง แต่ไม่ถึงกับจะต้องฆ่าแกงกันนะคะ”

เห็นต้องมีโชว์ศิลปะการร่ายรำด้วย?

“ในส่วนนี้ก็ยากมากค่ะ โบว์เรียนรำประมาณเดือนนึงเต็ม ๆ ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 3 ทุ่มของทุกวัน ซ้อมอย่างเดียวเลย จากคนตัวไม่อ่อน กลายเป็นตัวอ่อนไปแล้ว คือการเป็นศิลปินตอนเด็ก ๆ ของเราก็ช่วยได้ในเรื่องความจำ แต่เอาจริง ๆ ตอนอยู่วง คิส มี ไฟว์ โบว์ก็ลืมท่าเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่เราอาจจะได้ในแง่ของความอดทนกว่าคนอื่นที่เคยฝึกมาบ้างแล้ว แต่การรำเราต้องอดทนกว่าการเต้นมาก ๆ ค่ะ”

กดดันไหม ต้องมารับบทเดียวกับที่ นุ่น-วรนุช เคยเล่นไว้?

“กดดันมากค่ะ เพราะเวอร์ชั่นที่แล้ว พี่ ๆ ที่เขาเคยเล่นไว้เป็นตัวพ่อตัวแม่กันหมดเลย แล้วก็ทำไว้ดีมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ โบว์เคยเจอ พี่นุ่น-วรนุช ตอนไปถ่ายรายการ “ที่นี่หมอชิต” พี่เขาก็บอกโบว์ว่าสบาย ไม่ยากหรอก มีรำนิดเดียวเอง ส่วนใหญ่ก็จะรำท่าของภาคกลางเป็นหลัก ซึ่งเราก็คิดว่าท่ารำภาคกลางจะง่าย แต่พอเอาจริง ๆ ท่ารำภาคกลางยากกว่าภาคใต้อีก เพราะโบว์ไปเรียนรำโนห์ราของภาคใต้ก่อน ซึ่งครูเป็นคนละคนกับครูภาคกลาง ท่ารำก็จะไม่เหมือนกัน เลยค่อนข้างจูนยากค่ะ”

เรื่องนี้ได้กลับมาร่วมงานกับ ไมค์-ภัทรเดช ด้วย?

“ใช่ค่ะ ก็สนุกดี ไม่เครียด ไม่เหงา แล้วก็มีเพื่อนคุยด้วย แต่เวลาที่เราต้องเข้าฉากที่ต้องใช้อารมณ์จริงจัง ก็ยังมีเขิน ๆ อยู่ เพราะมันไม่ใช่ตัวเราเองเล่น แต่เป็นตัวละครก็เลยเขิน อย่าง พี่ไมค์ในเรื่องเขาจะต้องเล่นเป็นหนุ่มเพลย์บอยมาก ๆ เป็นเด็กนอก ความคิดเขาเลยจะไม่เหมือนเด็กไทย ก็จะมือไว ซึ่งถึงแม้จะเป็นพี่ไมค์ก็ยังเขินอยู่ดีแหละ แต่โบว์ว่าพี่ไมค์เขาน่าจะหนักกว่า เขาคงเหนื่อยนะ ที่ต้องมาเล่นเป็นผู้ชายเจ้าชู้ (ยิ้ม) แต่อันนี้เราก็จะไม่ตอบแทนเนอะ ไปฟังเขาพูดเองดีกว่า”

แล้วนอกจาก “โนห์รา” โบว์มีละครเรื่องอะไรอีกบ้าง?

“ก็มีคุณชายไก่โต้งค่ะ เล่นกับพี่ พอร์ช-ศรัณย์ คาแรกเตอร์เรื่องนี้กับโนห์รา เป็นอะไรที่แตกต่างกันชัดเจน ราวฟ้ากับเหวเลยค่ะ เรื่องนี้จะสนุก ๆ ส่วนถามว่าเป็นทางของโบว์ไหม โบว์ว่าจริง ๆ เล่นละครคอมเมดี้ยากกว่าดราม่าอีกนะคะ ว่าเราจะเล่นยังไงให้คนขำ คือเราอาจจะขำกันในฉากก็จริง แต่คนดูอาจจะไม่ขำไปกับเราก็ได้ เราเลยต้องคิดไกล ต้องมีรังสีส่งไปให้คนดูรู้สึกได้”

หลายคนจับตามองว่าโบว์เป็นลูกรัก และน่าจะเป็นนางเอกตัวแม่ของช่อง 7 ในอนาคต?

“ยังหรอกค่ะ โบว์ขอเป็นตัวลูกก่อน (ยิ้ม) เรารู้สึกว่าถ้าเป็นตัวแม่จริง ๆ พอสั่งปุ๊บต้องน้ำตาไหลได้ แต่โบว์ยังเป็นแค่นักแสดงคนหนึ่ง ส่วนเรื่องที่คนมองว่าเราได้บทดี ๆ โบว์ก็ไม่อยากให้มองว่าเราเป็นลูกรักด้วย เพราะเรามองว่าเป็นโอกาสให้เราก้าวไปเรื่อย ๆ มากกว่า โบว์ยังไม่ได้รู้สึกว่าเราแอ๊คติ้งดีขนาดนั้น บางคนคิดว่าการแอ๊คติ้งคือการแสดง แต่สำหรับโบว์มองว่าจะทำยังไงให้เราแสดงแล้วเป็นธรรมชาติ เหมือนที่เราพูดคุยกันปกติอยู่ตอนนี้ แล้วช่วงหลัง ๆ โบว์ได้มีโอกาสไปเรียนแอ๊คติ้งเพิ่มเติม เราก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาเราเล่นแข็งมาก เราเพิ่งรู้ว่าการแอ๊คติ้งที่ดีและจริงใจเป็นยังไง เวลาเราแสดงไม่ใช่แค่ว่าเรารู้สึก แต่ต้องส่งให้คนดูรู้สึกด้วย ถ้าคนดู ดูแล้วร้องไห้ได้เมื่อไหร่ นั่นแหละหมายถึงว่าเราสามารถส่งอารมณ์ถึงคนดูได้”

แฟนคลับคู่จิ้น ไมค์-โบว์ ยังหนาแน่น?

“ใช่ค่ะ มีหลายบ้านมาก เหมือนเราร่วมงานกับใครเขาก็เอ็นดู อย่างบ้าน ไมค์-โบว์ เวลาที่เรามีงานเดี่ยว แฟน ๆ เขาก็มาให้กำลังใจ เพราะเขาเป็นแฟนคลับของทั้งคู่ ไม่ว่าโบว์กับพี่ไมค์จะแยกกันไปไหนก็แล้วแต่ เขาก็จะตามไป ซึ่งก็สนุกดีค่ะ มีป้ายไฟใหญ่มาก แต่ของพี่ไมค์จะหนักกว่า เวลาทำอะไรเขาก็จะกรี๊ดกร๊าดตลอด”

เห็นแฟนคลับตั้งฉายาให้โบว์ด้วย?

“เขาจะเรียกโบว์ว่า “ไอ้แสบ” แต่จริง ๆ โบว์เป็นคนเรียบร้อยนะ เราไม่กระทำใครก่อน (หัวเราะ) แต่เอาจริง ๆ เราก็เป็นเด็กแสบแหละ พี่ ๆ ที่ช่องก็จะเรียกว่าแสบ เหมือนกัน อาจจะเพราะโบว์ไม่ได้ดูเป็นผู้หญิงมาก แมน ๆ ไม่ค่อยติดสวย เพราะสวยอยู่แล้ว (หัวเราะ) ส่วนพี่ไมค์เขาจะร้องว้าย ควรจะแท็กทีมแล้วดูดพลังกันนะ”

แล้วเรื่องเรียนโบว์เป็นอย่างไรบ้างตอนนี้?

“เรื่องเรียนตอนนี้โบว์ย้ายจากมหาวิทยาลัยรังสิต มาเรียนคณะสื่อสารมวลชน ที่มหา วิทยาลัยรามคำแหงค่ะ เพราะเราไม่มีเวลาเรียน แต่คือตอนมัธยมโบว์เรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหงอยู่แล้ว เราเลยคิดว่าถ้าเราย้ายมาที่นี่ เราน่าจะเข้าใจหลักสูตรและวิธีการเรียนมากกว่า แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็อ่านหนังสือเยอะมาก ช่วงนี้ใกล้สอบด้วย ก็ค่อนข้างหนัก เพราะมีบางวิชาที่เราไม่ได้เรียนตอนมัธยม อย่างพวกวิชาไบโอฯ เราก็งงไปเลย”

สำหรับโบว์คิดว่ามันเสียเวลาไหม ที่ต้องเริ่มต้นใหม่?

“ก็ไม่เสียหรอกค่ะ จริง ๆ ตัวโบว์เป็นคนชอบเรียนนะ แต่ว่าไม่ค่อยมีเวลาได้เรียน อย่างตอนมัธยมเราแทบไม่มีเวลาได้เรียนเลยนะ เพราะเราเป็นนักร้อง แล้วพอไปประกวดไทยซูเปอร์โมเดล ก็ต้องไปงานโชว์ตัวต่าง ๆ แต่พอเห็นเกรดที่ออกมาแล้วเราก็ชื่นใจ เพราะเกรดเราดีกว่าเด็กบางคนที่เขานั่งเรียนอยู่ในห้องด้วยซ้ำ แต่โบว์คิดว่ากับการที่เราทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วยนั้น เราโชคดีนะที่ได้ทำในสิ่งที่หลาย ๆ คนไม่มีโอกาสได้ทำ”

ถือว่าโบว์โตเร็วกว่าเด็กรุ่นเดียวกันนะ?

“ถ้าเทียบเรื่องความคิดก็อาจจะโตกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน แต่ถ้าเรื่องการแสดงออก โบว์ว่าตัวเองก็ยังเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป บางทีอาจจะเด็กกว่าด้วยมั้ง เพราะเด็กสมัยนี้โตเร็ว จนเรากลัว คือโตมากับการตักดิน ตักทรายเล่น เลยไม่เก็ทกับเด็กสมัยใหม่ที่ทันกับโลกมาก ๆ โบว์เห็นเด็กตัวนิดเดียวมา บอกแม่ ๆ กระเป๋าดิออร์สวยมากเลย ซึ่งถ้าย้อนไปวัยนั้นเรายังไม่รู้จักเลย”

อยู่วงการมาสักพักแล้ว ชีวิตนักแสดงสอนอะไรกับโบว์บ้าง?

“วงการนี้ก็สอนอะไรโบว์เยอะค่ะ ว่าอย่าให้คนเต็มร้อย เพราะบางทีเราได้กลับมาแค่ 50 หรือ 30 ก็มี โดนมาหลายที ก็เลยเข้าใจคำว่าวงการมายา แต่เราไม่ได้มายานะ เราเป็นคนให้คนเต็มร้อย เวลาพูดคุยกับใครก็เปิดเต็มที่ เป็นห่วงใครก็ห่วงจริง ๆ เราเป็นนักแสดงไม่ใช่ดารา สำหรับนักแสดงการแสดงคืองานของเขา แต่ดาราบางทีในชีวิตจริงเขาก็แสดงเพื่อต้องการให้คนเห็นว่าเขาเป็นยังไง”

มีวิธีวางตัวในวงการยังไง?

“โบว์ก็วางตัวปกติเลย ใครพร้อมจะเปิดกับเรา เราก็พร้อมจะเปิด ใครที่เขาปิดมาเราก็แค่ไม่ยุ่ง โบว์ว่าเดี๋ยวนี้อากาศร้อนมั้ง คนเลยเปลี่ยนไปเยอะ บางทีเราก็ต้องข้ามไปเนอะ”

แล้วเรื่องหัวใจล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?

“จะเรียกว่าดีก็ดี แต่เราก็ยังอยากอยู่คนเดียว แล้วก็ไม่ได้รีบ คือถ้าใครเข้ามาเราก็เปิดรับ ตอนนี้ก็มีเข้ามาบ้าง แต่ไม่ได้เรียกว่าเป็นแฟนนะ ยังไม่ได้ถึงสถานะที่จะมาเป็นแฟนกัน คือเหมือนเป็นเพื่อนคุยกันทางโทรศัพท์กันมากกว่า”

คนที่จะมาเป็นแฟนโบว์ได้ ต้องเป็นผู้ชายยังไง?

“เขาต้องเป็นห่วง ดูแล เทคแคร์ เอาใจใส่ แล้วก็เข้าใจเรา มาเป็นกลอนเลยเนอะ (หัวเราะ) ก็คงต้องเป็นประมาณนี้แหละ คือโบว์ไม่ชอบผู้ชายจู้จี้ จุกจิกนะ เพราะเราเป็นลูกคนเดียวไง สมมุติถ้าต้องมาเจอลูกคนเล็กอย่างพี่ไมค์เนี่ยจะหงุดหงิดมาก เพราะสั่งอยู่ตลอดเวลา อยากได้อะไรต้องได้ เพราะฉะนั้นเวลาเราเจอลูกคนโตเราจะสบายใจกว่า ไม่รู้จะบอกยังไงเหมือนกัน แต่หลัก ๆ เราชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องคิดอะไรมาก คือโบว์เป็นคนชอบเทคแคร์ดูแลคนอื่นนะ แต่ก็อยากให้คนอื่นเขาดูแลเราบ้าง ไม่ใช่ให้เราดูแลอยู่ฝ่ายเดียว”

อย่างล่าสุดก็มีข่าวว่าไมค์-โบว์ ไม่สนิทกันเหมือนเดิม?

“จริง ๆ ก็แค่พี่เขาไปร่วมงานกับคนอื่น แล้วเราก็ไม่ได้มีงานคู่ด้วยกันแล้ว ก็คงต้องมีห่าง ๆ กันบ้าง อย่างในเรื่องโนห์ราเราก็เข้าฉากด้วยกันน้อย โบว์จะเจอกับนักแสดงคนอื่น ๆ มากกว่า จะเจอกันช่วงหลัง ๆ แล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดกันนะ ไปนั่งมองกันมากกว่า หลัง ๆ นั่งมองไม่ไหวเห็นพี่ไมค์แอบหลับก็มี เพราะเราถ่ายดึก ตี 1 ตี 2 แล้ว ส่วนที่เราไม่ได้เฮฮาปาจิงโกะกันแบบเมื่อก่อน โบว์ว่าอาจเพราะเราโตขึ้นด้วย แต่ก็สนิทกันเหมือนเดิมแหละ ช่วงก่อนหน้านี้ที่ลงรูปคู่ในอินสตาแกรมให้แฟน ๆ ได้ฟินกันบ่อย ๆ ก็เพราะเรามีละครด้วยเลยอยากจะจัดหนัก อย่างตอนนี้มีละครคู่กันอีก เราก็ค่อย ๆ ทยอยลง ฉากที่อยากให้คนติดตาม ให้คนสนใจมากกว่า แต่ถ้าใช้ชีวิตปกติส่วนใหญ่โบว์ก็จะถ่ายรูปตัวเองอยู่ในรถมากกว่าเพราะแสงสวย”

ข่าวว่าผู้ใหญ่สั่งห้ามลงรูปคู่?

“จริง ๆ ไม่มีใครห้ามนะ เหมือนผู้ใหญ่เขารู้ว่าโบว์รู้ว่าความเหมาะสมคืออะไร อะไรที่ควรจะลงหรือไม่ควรจะลงเรารู้อยู่แล้ว จะมีแค่บอกว่าให้ระวัง ๆ อะไรที่ควรที่เหมาะก็ทำอย่างนั้นแล้วกัน”

การที่มีข่าวกับไมค์ทำให้หนุ่ม ๆ ไม่กล้าจีบหรือเปล่า?

“ไม่หรอกค่ะ ถ้าคนที่เขาจะเข้ามา จริง ๆ เขาก็น่าจะถามว่าเรามีใครหรือยัง แล้วเราก็จะบอกว่าไม่มีค่ะ (ยิ้ม) โบว์ว่าคนที่เขาจะเข้ามา เขาคงรู้แหละว่าอะไรเป็นอะไร”

อย่างล่าสุดเห็นโบว์เพิ่งถูกโยงประเด็นกับ ต่อ-ธนภพ ด้วย?

“อ๋อ...ใช่ค่ะ คือวันนั้นโบว์ไปเดินแบบในงานหนึ่งกับต่อ โบว์เพิ่งลงเครื่องจากญี่ปุ่น เราก็ไปซ้อมเต้น “ซิง ยัวร์ เฟซ ออฟ”เราก็เป็นคนเลือดจางอยู่แล้ว เป็นคนเลือดน้อย ก็จะเป็นลมง่าย เพราะเรายังไม่ ได้นอน พออยู่หลังเวทีเราก็รู้สึกว่าเราหน้ามืด ก็เลยขอลูกอม ขอยาดมจากทีมงาน ก็ไม่มีใครมี พี่ทีมงานเขาเห็นต่อดมยาดมอยู่ก็เลยขอมาให้วันนั้น เราอยากขอบคุณจริง ๆ ก็เลยเอารูปเขาลงอินสตาแกรม แต่ก็คิดไว้แล้วว่าต้องมีคนคิดว่า แหม...อยากดมยาดมต่อแน่ ๆ เลย แต่เดี๋ยวนะที่บ้านก็ซื้อได้ไหมยาดมแบบนี้ (หัวเราะ) จากนั้นพอเป็นข่าวโบว์ก็ฝาก เหนิง-กัญญาวีร์ ที่เล่นฮอร์โมนไปบอกว่า ฝากขอโทษแกด้วยที่ยืมยาดม ยังไงแฟนพี่ต่อก็อย่าว่ากันนะคะ หนูเป็นเด็กกวนค่ะ ไม่ได้มุ่ง มาทางนี้”

ไปไหนมาไหนตัวติดกับคุณแม่ตลอด ถ้าหนุ่ม ๆ เข้ามาต้องผ่านด่านคุณแม่ด้วยหรือเปล่า?

“ไม่หรอกค่ะ เรื่องหนุ่ม ๆ คุณแม่โบว์เขาก็เปิดนะ ไม่ใช่คนปิด หรือคอยบอกว่าคนที่เข้ามาจะต้องเป็นแบบนี้ ๆ คือถ้าโบว์โอเค แม่ก็โอเค แต่ถ้าแม่เห็นว่าคนนี้เริ่มไม่โอเค แม่ก็จะบอกว่าเห็นหรือเปล่าว่าเขาเป็นแบบนี้ โบว์ก็จะบอกว่าเราก็เห็นนะ เพียงแค่เราไม่ได้บอกหรือไม่ได้พูด รอให้แน่ใจกว่านี้ก่อนแล้วค่อยจัดการ (ยิ้ม)”

….เราเชื่อว่าใครที่ได้รู้จักตัวตนของโบว์ จะหลงรักในความเป็นธรรมชาติและจริงใจของสาวน้อยอายุ 19 ปีคนนี้.“