Inside Dara
ระดับ บอดี้สแลม ขาดทุนได้อย่างไร?

ตลอดระยะเวลา 12 ปี ‘บอดี้สแลม’ ได้สร้างปรากฎการณ์ที่น่าทึ่งในวงการดนตรีไทยหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น...ยอดจำหน่ายเทปเกินล้านตลับในอัลบั้ม Believe และ Save My Life...ยอดผู้ชมคอนเสิร์ตกว่า 65,000 คน ใน BODYSLAM LIVE IN คราม และล่าสุด เรือเล็กควรออกจากฝั่ง ซิงเกิลเปิดตัวจาก “dharmajati” อัลบั้มใหม่ ยอดวิวทะลุ 2 ล้าน ภายในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง...

นอกจากจะเป็นคำโฆษณาแล้ว คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่าย่อหน้าข้างต้นนั่นเองคือเหตุผลสำคัญของการเกิดขึ้นของทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่ 32 ทัวร์ 30 จังหวัดทั่วประเทศภายใต้ชื่อ "ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ" โดยวงดนตรีชื่อดังอย่าง "บอดี้แสลม" ที่กำหนดไว้ตั้งแต่ช่วงระหว่างวันที่ 12 ตุลาคม 2557 - 1 ก.พ. 2558

อย่างไรก็ตาม หลังเดินทางมาไม่ถึงครึ่งทาง ล่าสุดเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 8 พ.ย.2557 ตอนเสิร์ตดังกล่าวก็ได้ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับเรื่องราวที่กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจตามมามากมาย

โดยเฉพาะเหตุผลของการยกเลิกคอนเสิร์ตซึ่งระบุว่ามาจากการ "ขาดทุน" ตามคำบอกเล่าของนักจัดคนดัง "เต็ด ยุทธนา บุญอ้อม" ที่ยืนยันว่าต้องหยุดเดี๋ยวนี้ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสื่อ "ไทยรัฐออนไลน์" ว่า..."ไปต่อไม่ไหว (หัวเราะ) งบประมาณโปรเจกต์เริ่มต้น งบประมาณเกินตัว เนื่องจากตัวโปรดักชั่น เงินลงทุนสูงมากครับ ถึงขายบัตรหมดทุกรอบก็ได้แค่เท่าทุน เสี่ยงตั้งแต่เริ่มต้น ยังมีหลายเรื่องเหลือเกิน บัตรไม่ได้เป็นตามเป้า ห่างเป้ามาก มีทางเดียวต้องแคนเซิล"

"มีงานที่ขาดทุนมากมาย งบประมาณคอนเสิร์ตบอดี้สแลมครั้งนี้ ต้นทุนรวมทุกอย่างแล้ว 120 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่สูงเกินไป ที่เราจะทำอะไรเล่นๆ ได้ คือเราคาดผิดไปหมด เรื่องเช่นราคาบัตร น่าจะโอเครับกันได้ ถูกกว่านี้ไม่ได้ ไม่งั้นก็ไม่ได้โปรดักชั่นแบบนี้ หรือเรื่องสปอนเซอร์ก็คาดผิด ไม่มีอะไรตามเป้าสักอย่างเดียว ห่างเป้าเยอะมาก..."

"ขาดทุนแน่นอน น่าจะเกิน 20 ล้านเกือบ 30 ล้าน แต่ยังไม่หยุด ถ้ายังทำต่อไป คงจะวิ่งไปครึ่งร้อยล้าน มันไม่มีใครอนุมัติให้ผมทำแน่นอน มันยังต้องคำนวณค่าใช้จ่ายอีกเยอะเลยที่จะตามมาอีก ไหนจะค่าคืนบัตร หรือค่าต่างๆ นานา..."

ตามรายละเอียดคอนเสิร์ต "ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ" จำกัดจำนวนผู้ชมรอบละ 6,000 คน ในบัตรราคาเดียวที่ 1,500 บาท หากคิดตัวเลขกลมๆ ตรงนี้ ในแต่ละรอบผู้จัดจะมีรายได้จากการขายตั๋วรอบละ 9 ล้านบาท และถ้าคิดจากรอบการแสดงทั้งหมด 32 รอบก็จะเป็นตัวเลขทั้งหมดที่ 288 ล้านบาท

หักลบจากเงินลงทุนตามคำบอกเล่าของ "ป๋าเต็ด" ที่ 120 ล้านบาท กำไรทั้งหมดจะอยู่ที่ 168 ล้านบาท

หลายคนอาจจะมองว่าบัตรราคา 1,500 บาทในต่างจัดหวัดนั้นถือเป็นตัวเลขที่สูงในระดับหนึ่ง แต่ถ้ามองฐานแฟนเพลงของบอดี้สแลมโดยคิดจากตัวเลขที่สูงถึง 4 ล้านวิวในแฟนเพจของพวกเขา ตรงนี้จากการแสดงจำนวน 32 รอบ เฉลี่ยแต่ละรอบก็จะมีแฟนเพลงจำนวน 125,000 วิว ขณะที่ในแต่ละรอบต้องการคนดูเพียง 6,000 คนเท่านั้นก็ต้องถือว่าเป็นอะไรที่น่าเสี่ยงไม่น้อย

ดูเหมือนว่าทางผู้จัดเองก็จะมั่นใจกับการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้เอามากๆ สังเกตได้จากการวางเงื่อนไขในการสั่ง/จองบัตรที่ระบุว่าหากซื้อบัตรทางออนไลน์ (www.thaiticketmajor.com) จะสามารถเลือกซื้อได้ครั้งละ 1 จังหวัด จังหวัดละไม่เกิน 6 ใบ และการซื้อผ่านเคาท์เตอร์จะซื้อบัตรได้ไม่เกินคนละ 10 ใบ ซึ่งทั้งหมดนั้นก็เพื่อป้องการเรื่องของการซื้อตุนเกร็งกำไรของบรรดา "ตั๋วผี" ทั้งหลายนั่นเอง

แน่นอนทั้งหมดเป็นเรื่องของตัวเลขที่มิอาจจะเกิดขึ้นได้ในความเป็นจริง เพราะเพียงแค่ในการเปิดขายวันแรกวันที่ 31 ตุลาคม ผู้จัดก็ได้ประกาศลดราคาตั๋วลงมาอยู่ที่ 900 บาทแล้ว (โดยมีเงื่อนไขเฉพาะในการซื้อวันนั้นเพียงวันเดียว)

ราคากลางนี้ซึ่งน่าจะเป็นราคากลางราคาจริงในการขายบัตร หากคำนวณเป็นรายได้ต่อรอบก็จะคิดเป็นเงิน 5,400,000 บาท หักต้นทุนที่ตกอยู่ที่รอบละ 3,750,000 บาท (งบ 120 ล้านบาทหารด้วยจำนวนรอบ 32 รอบ) ก็ยังคงมีกำไรอยู่ที่รอบละ 1,650,000 บาท

แต่คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต

ว่ากันจริงๆ ลางร้ายของ "ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ" เริ่มปรากฏออกมาให้เห็นนับตั้งแต่การทัวร์คอนเสิร์ตเริ่มต้นขึ้นแล้ว เพราะจาก 11 รอบการแสดงก่อนที่จะปิดฉากลงที่โคราชเมื่อคืนวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมานั้นปรากฏว่ามีเพียง 2 จังหวัดคือที่กรุงเทพฯ กับ ชลบุรี เท่านั้นที่ตั๋วเดินคล่อง ขายหมด แต่กับจังหวัดอื่นๆ เรียกว่าต้องเข็นแล้วเข็นอีก

นอกจากนี้จากการตรวจสอบของทีมข่าวพบว่าบัตรคอนเสิร์ตที่จะมีขึ้นในอีกหลายๆ จังหวัดนั้นขายตั๋วได้ไม่ถึงครึ่งเสียด้วยซ้ำไป

มีความพยายามที่หลากหลายในการที่จะเข็นให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ไปสู่ฝั่งฝัน ไล่ไปตั้งแต่แรงจูงใจด้วยการซื้อบัตรราคา 1,500 บาทรับเสื้อที่ระลึกฟรี 1 ตัว/โปรโมชั่นห้าให้ (ซื้อบัตรราคา 1,500 บาท 5 ใบ ให้ฟรี 1 ใบ)/คูปองส่วนลด 300 บาท จากอัลบั้ม ดัม – มะ – ชา – ติ ใช้ลดราคาบัตรจาก 1,500 บาท เหลือ 1,200 บาท รวมถึงบัตรราคาพิเศษ 999 บาท และสุดท้ายด้วยการจับมือกับ 3 สปอนเซอร์หลักลดราคาตั๋วลงมาเหลือเพียง 399 บาท ทว่าท้ายสุดคอนเสิร์ตก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้

การปิดฉากของ "ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ" ชนิดที่หลายคนไม่เคยคาดคิดมาก่อนได้สะท้อนภาพความเป็นจริงหลายต่อหลายอย่าง ทั้งเรื่องของวงการเพลงในบ้านเรา พฤติกรรมของคนฟังเพลง หรือแม้กระทั่งเรื่องของเศรษฐกิจ และแน่นอนว่ามันจะเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของใครอีกหลายคนที่เดินอยู่บนถนนสายนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม การที่จะฟันธงว่าวงดนตรีวงนี้เดินทางมาถึงจุดตกต่ำหรือว่าขาลงแล้วกรณีนี้คงจะเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปอย่างแน่นอน

อย่างน้อยๆ ก็คงจะต้องรอดูสถานการณ์หลังคอนเสิร์ตใหญ่ของพวกเขาที่จะมีขึ้นเพื่อชดเชย "ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ" ที่พังทลายลงไปดูก่อน