Inside Dara
เปิดใจ 'แกงส้ม' ทำงานหนักใช้หนี้-แฟนคลับแอนตี้หวานใจ 'ดาร์ลิ่ง'

เป็นอีกหนึ่งรองแชมป์เดอะสตาร์ที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งเพลงและละคร สำหรับ แกงส้ม ธนทัต ชัยอรรถ แต่ก็ยังไม่วายโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าต้นสังกัด ไม่ผลักดันให้ แกงส้ม ไปได้ไกลในสายเพลง ทั้งที่เขาเป็นคนมีของ! กลับเน้นปั้นเป็นพระเอกละครซะมากกว่า รวมถึงประเด็นลุยงานหนักใช้หนี้สินให้ครอบครัว และกระแสแฟนคลับแอนตี้หวานใจ ดาร์ลิ่ง อารดา อารยวุฒิ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสได้จับเข่าคุยสัมภาษณ์พิเศษกับผลผลิตจากเวทีเดอะสตาร์ 8 คนนี้ บอกเลยว่ามุมการรับมือใช้ชีวิตของเขาคนนี้ไม่ธรรมดา

เข้ามาตรงนี้เพราะรักการทำเพลงแต่สุดท้ายกลับได้ทำเพลงไม่เต็มที่ เน้นไปทางละครมากกว่า แกงส้ม โอเคมั้ย

"ผมถือว่าทุกอย่างเป็นโอกาสที่เข้ามา เราต้องลองทำทุกอย่าง อะไรที่ไม่เคยทำลองแล้วชอบมั้ยหรือไม่ชอบก็ว่ากันอีกที ทุกวันนี้งานเพลงผมก็ไม่ได้ทิ้ง ยังทำงานเพลงเก็บไว้กับเพื่อนๆ ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าเราขาดการที่ได้ทำเพลงไป ที่ทุกวันนี้งานหนักเพราะว่าเราเองนี่ละต้องเข้าไปทำเพลงกับเพื่อนๆ เรียกน้องๆ ที่เรารวมกลุ่มกันไว้มาแต่งเพลง ทำเพลง ทำเดโม่กัน ผมถือว่าการทำสิ่งเหล่านี้คือการอัพสกิลของเรา ผมว่าหยุดไม่ได้เราต้องทำไปเรื่อยๆ ส่วนอัลบั้มเต็มอาจจะยากนิดนึง เอาจริงๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนทำอัลบั้ม ด้วยหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเศรษฐกิจ ค่อยๆ ทำออกมาเป็นซิงเกิ้ลดีกว่า"

เหนื่อยมั้ย ถามจริงๆ

"มันมึนๆ มากกว่าเพราะหลายอย่าง ผมออกกำลังกายน้อยมาก นอนน้อยมาก เวลากินก็แล้วแต่ประปราย ไม่เป็นเวลา ต้องพยายามดูแลตัวเองไม่ให้ป่วยกินพวกวิตามิน เพราะตารางเวลานี่บังคับไม่ได้จริงๆ งานมาเราก็ทำเต็มที่ แต่โอเคนะครับยังไหวอยู่ เราเป็นวัยทำงาน ได้โอกาสเข้ามาอยู่ตรงนี้เราก็ทำเต็มที่ น้อยคนนะที่มีโอกาส กว่าจะฝ่าฝันเข้ามาได้ เพราะฉะนั้นต้องทำสุดฝีมือ ผมเต็มที่มากกับการอยู่ในวงการนี้มา 3 ปีเต็ม"

บาลานซ์ชีวิตให้ดีทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
อยู่มา 3 ปี มุมมองของแกงส้มต่อวงการบันเทิงเปลี่ยนไปมั้ย

"ผมเริ่มปรับตัวกับมันได้ง่ายขึ้น แต่วงการบันเทิงสำหรับเรา ผมไม่ได้ถึงมองว่าเราต้องทุ่มทั้งชีวิตเพื่ออยู่ในวงการนี้ แต่ผมมองว่ามันคืองานๆ หนึ่งที่มีเข้ามา ทำให้ได้มีโอกาสทำตามฝัน ได้มอบความสุขให้กับแฟนๆ ที่ชื่นชอบเรา ผมขอทำให้ดีที่สุดเพื่อให้แฟนๆ มีความสุขเต็มที่

แต่ผมเองก็ยังเป็นผม ผมใช้ชีวิตแบบเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ผมมองว่าตัวเองเป็นเด็กคนหนึ่งที่ทำงาน ไม่ต้องมองว่าเราเป็นดาราอยู่ในวงการบันเทิง มองว่าเราทำงานที่เป็นงานแบบคนอื่น เป็นการทำงานแล้วได้ตังค์ให้พ่อให้แม่ใช้หนี้ ช่วยลดภาระที่บ้าน ผมมองแค่นี้พอ ไม่ได้บอกตัวเองว่า โห! อยู่แล้วต้องดังนะ ต้องเป็นซุปตาร์ ต้องเป็นที่หนึ่ง จะกระแสตกไม่ได้นะเดี๋ยวจะมีคนอื่นมาเบียด เรื่องพวกนี้ผมไม่ได้เอาตัวเองไปยึดติดเลย เราวางตัวว่าเราก็แค่คนๆ หนึ่ง ที่มีงานทำ อนาคตจะเป็นยังไงเราไม่รู้ เพราะฉะนั้นทำงานทุกงานให้ดี ทุกงานที่เราทำผมถือว่ามันคือความทรงจำ ดังนั้นเราต้องทำให้ดี ถ้าอยากมีความทรงจำที่ดีๆ"

แกงส้ม รับผิดชอบภาระที่บ้านทุกอย่าง?

"เราโตแล้ว เพราะฉะนั้นปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเราต้องมีความรับผิดชอบ เราจะมาเป็นเด็กๆ ตลอดเวลาไม่ได้หรอก นี่ไม่ได้หมายถึงว่าผมเป็นคนเครียดหรืออะไรนะ แต่ถ้าเป็นพาร์ทที่เราจริงจังเราก็ต้องจริงจัง แต่ถ้าเป็นพาร์ทที่เราสนุกเราก็ต้องสนุก"

หนักไปมั้ย สำหรับเด็กอายุ 22 อย่างเรา

"คนอื่นมองมาอาจจะว่าหนัก เฮ้ยเด็กนี้ทำได้ไง แต่ผมว่าจริงๆ แล้วทุกคนทำได้แหละ ถ้ามีโอกาสเข้ามา จริงๆ มันอยู่ที่เราตั้งเป้าหมายว่าชีวิตเราต้องการอะไร คำว่าประสบความสำเร็จของคุณคืออะไร แต่ละคนตั้งเป้าคำว่าประสบความสำเร็จของตัวเองไม่เหมือนกัน สำหรับผมตั้งเป้าว่าผมขอมีชีวิตที่มีความสุข พ่อแม่ผมยิ้มได้ มีความสุขผมก็โอเคแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมต้องทำตัวเองให้ดังตลอดเวลา คำว่าสำเร็จของเราไม่ได้อยู่ที่เงินทอง ไม่ได้อยู่ที่ชื่อเสียง แต่มันอยู่ที่เมื่อเราถามตัวเองว่าเรามีความสุขมั้ย คำตอบต้องคือสุขแล้ว"

ดู แกงส้ม เป็นคนซีเรียสกับชีวิตหรือเปล่าเนี่ย

"ไม่ครับ ผมน่ะตั้งเป้ากับชีวิตไว้ว่าเราต้องสนุกและสุขเต็มที่ อ้อ! แต่สิ่งหนึ่งที่โตขึ้นและดีขึ้นเลยนะตั้งแต่เข้าวงการมา คือผมเลิกเที่ยวกลางคืนเลยแต่ก่อนผมเที่ยว แต่พอได้มาทำงานจริงจังผมรู้เลยว่าเอาเวลาเที่ยวกลางคืนไปทำอย่างอื่นดีกว่า มีประโยชน์กว่าเยอะ คือส่วนตัวผมนะผมรู้สึกว่าเที่ยวกลางคืนมันเหนื่อย เอาเวลาไปทำเพลง ไปพักผ่อน อะไรที่มันมีความสุขดีกว่า การเที่ยวกลางคืนสำหรับผมมันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง"

แล้วเรื่องเรียนถึงไหนแล้ว

"ลง ม.รามคำแหง เรียนรัฐศาสตร์ไว้ครับ แล้วก็เรียนซาวด์เอนจิเนียร์ในสถาบันที่สอนเรื่องนี้โดยเฉพาะควบคู่กันไป ผมมองว่ารามฯก็ได้ปริญญา ส่วนซาวด์เอนจิเนียร์เราได้ความรู้ในสิ่งที่เรารัก อาจไม่ได้วุฒิเท่าที่รามฯ แต่เรามีความสุขที่ได้เรียน"

แปลว่า แกงส้ม มองงานเบื้องหลังไว้แล้ว

"ใช่ครับ พูดตรงๆ ผมมองงานเบื้องหลังไว้แล้ว เพราะผมไม่รู้ว่างานเบื้องหน้าในยุคผมจะทันมั้ยสำหรับแนวเพลงที่ผมชอบและอยากทำ ทุกวันนี้ผมจึงพยายามทำงานกับน้องๆ รุ่นใหม่ที่ชอบเพลงสไตล์เดียวกับผมไว้เยอะๆ เพราะหวังไว้ว่าวันหนึ่งผมจะส่งพวกเขาขึ้นไปได้ แม้ยุคเราอาจไม่ทัน แต่ได้เห็นเพลงที่เราเคยทำได้ออกมาก็โอเคแล้ว"

ถามถึงความรักกับน้องดาร์ลิ่ง

"ดีครับ ดูกันไปนานๆ เพราะผมรู้สึกว่าไม่ได้ต้องรีบร้อนหรือเร่งอะไร เขาและเราทำงานหนักทั้งคู่ ให้เวลาเป็นตัวบอกในหลายๆ อย่าง ก็แบบที่ผมบอกผมใช้ชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ทุกคนต้องมีพาร์ททุกพาร์ทในชีวิตครบ ผมเองมีทุกพาร์ท พาร์ทความรักก็เช่นกัน ผมก็แค่บาลานซ์ให้ดีในการใช้ชีวิต"

แฟนคลับเยอะ แต่ แกงส้ม ไม่เหมือนคนอื่นเลือกโอเพ่นไม่ปิดเรื่องความรัก

"ก็ใช่ แต่ผมก็ไม่ได้ถึงขั้นเปิด มานั่งโชว์ว่าโอ้โห นั่น นู่น นี่ อะไรขนาดนั้น ผมก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้มานั่งบอกทุกอย่าง เราก็แค่ใช้ชีวิต งานก็ทำเต็มที่ ทุกอย่างไม่เกี่ยวกัน พาร์ทนึงเราก็ทำงานให้แฟนคลับให้พวกเขาได้มีความสุขเต็มที่ ในพาร์ทชีวิตส่วนตัว เราก็มีความสุขเต็มที่ของเรา"

แฟนคลับแฮปปี้มั้ยเนี่ยเปิดตัวแฟน

"เอาจริงๆ ก็คงไม่ได้ถึงขั้นแฮปปี้ดี๊ด๊า แต่เขาก็เลือกที่จะเข้าใจ แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่เราทำความเข้าใจกับเขา แรกๆ อาจจะไม่โอเคมาก แต่ด้วยเวลาผ่านไป เวลาจะเป็นตัวบอกทุกอย่าง แรกๆ อาจจะมีไม่ชอบบ้าง แต่เมื่อเวลาพิสูจน์อะไรหลายๆ อย่างแล้ว ช่วงนี้ก็เพลาๆ ลง"

กับดาร์ลิ่งคบกันมากี่ปีแล้ว

"2 ปีกว่าๆ ครับ"

นานอยู่นะ แปลว่าเข้าใจกันมากๆ

"ใช่ครับเหมือนเราโตกันแล้วด้วย เราใช้ความเข้าใจกันมากกว่าจะมานั่งงอแงใส่กัน คือเรื่องแบบนี้ผมว่าการจะมีใครสักคนมันต้องไม่ทำให้ผมเหนื่อยกว่าเดิม ถ้ามันเหนื่อยก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมี".