Inside Dara
ครั้งพระองค์พระราชสมภพ ณ นครบอสตัน สู่จัตุรัสภูมิพล สหรัฐอเมริกา

'Birthplace'...ในช่วงเช้าอากาศเริ่มเข้าฤดูหนาวของวันที่ 13 ตุลาคม 2559 นครบอสตัน เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา สถานที่พระราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประชาชนชาวไทย อาศัยอยู่ในนครบอสตันและรัฐใกล้เคียง ตื่นขึ้นมาพร้อมข่าวร้ายยากจะทำใจยอมรับ ช็อกกับความจริงตรงหน้า ซึ่งอาจจะรู้ช้ากว่าประชาชนในประเทศไทยถึง 24 ชม. ข่าวการสวรรคต ทรงจากไปไม่มีวันกลับ สร้างความเสียใจหาที่สุดไม่ได้ หลั่งน้ำตาร้องไห้ด้วยความปวดใจ

ย้อนมาเมื่อช่วงบ่าย เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที ของวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ณ ประเทศไทย พสกนิกรชาวไทยต้องเผชิญเหตุการณ์ช็อก ก่อนหน้าคนไทยที่อาศัยอยู่ทั่วทุกมุมโลก พระมหากษัตริย์ลำดับที่เก้าแห่งราชวงศ์จักรี สวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2557 ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น

แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ถึงวันพฤหัสบดี ที่ 13 ตุลาคม 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ครองราชสมบัติ 70 ปี

พสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศเมื่อทราบข่าว ได้เดินทางเข้ารอรับขบวนอัญเชิญพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่บริเวณโดยรอบโรงพยาบาลศิริราชแน่นขนัด เพื่อจับจองที่นั่งรอรับขบวนการเคลื่อนพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ในเวลา 13.00 น. ของวันที่ 14 ตุลาคม 2559 กันอย่างเนืองแน่นที่บริเวณโดยรอบของโรงพยาบาล หลังจากที่เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เข้าตั้งแต่เวลา 06.00 น.

สำหรับบรรยากาศอีกซีกโลกหนึ่ง ภายในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ (เมืองหลวงของรัฐคือนครบอสตัน) สหรัฐอเมริกา โรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น ตั้งอยู่ระหว่างสถาบัน MIT กับมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก สถานที่พระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น 12 ค่ำ ปีเถาะ นพศก จุลศักราช 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ซึ่งเหตุที่พระราชสมภพในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการอยู่ที่นั่น

ในวันนี้ (13 ตุลาคม 2559) เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น ได้สั่งให้มีการลดธงลงครึ่งเสา แสดงความความรพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือในหลวงรัชกาลที่ 9 ส่วนบริเวณ จัตุรัสภูมิพล หรือKing Bhumibol Adulyadej of Thailand Square แท่นศิลาจารึกที่ระลึกถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในโลกที่พระราชสมภพ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ประชาชนชาวไทยนำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความอาลัย และร่วมจุดเทียนแสดงความอาลัยกว่า 1,000 คน

"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" พระราชสมภพในราชสกุลมหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ โรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น (Mount Auburn) บนชั้นที่ 5 ของตัวอาคาร มีพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประดิษฐานอยู่บนฝาผนังด้านหนึ่ง แผ่นทองบรอนซ์จารึกเป็นภาษาอังกฤษ มีใจความแปลเป็นภาษาไทยว่า...

"โรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น ตั้งใจที่จะน้อมรำลึกถึงพระมหากษัตริย์พระองค์เดียว ที่พระราชสมภพบนแผ่นดินของประเทศสหรัฐอเมริกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย ซึ่งพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1927 โดยมี นพ. W.STEWART WHITTEMORE เป็นหมอผู้ทำคลอด"

นอกจากนี้ยังมีภาษาอังกฤษจารึก แปลเป็นใจความภาษาไทยว่า...

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยือนสถานที่พระราชสมภพของพระองค์ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ.1960"

ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลดังกล่าวทราบดีว่า ประชาชนในประเทศไทยมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ผู้เปี่ยมล้นไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ในทุกวันจะมีประชาชนชาวไทยที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาแสดงความเคารพ พระบรมฉายาลักษณ์จนเป็นที่กล่าวขานถึงความรักที่ปวงชนชาวไทยมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

แพทย์และพยาบาลชาวอเมริกันในโรงพยาบาลแห่งนี้ ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่า ต่างรู้จักพระราชประวัติความเป็นมาของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องจากมีพระบรมฉายาลักษณ์แสดงอยู่ภายในโรงพยาบาลมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน อีกทั้งยังได้ทราบข้อมูลจากคนไทยในบอสตัน รวมถึงการร่วมกันทำพิธีต่างๆ เนื่องในวันสำคัญของไทยที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประชาชนคนไทยได้รวมตัวทำพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน

สำหรับจัตุรัสภูมิพล หรือ King Bhumibol Adulyadej of Thailand Square เป็นแท่นจารึกที่ระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ สถานที่เดียวกัน ก่อนหน้านี้เป็นเพียงป้ายไม้เล็กๆ สังเกตเห็นได้ยาก บางคนไม่รู้ว่ามีความสำคัญอย่างไร ชาวไทยที่อาศัยอยู่ในนครบอสตัน ได้จัดตั้งมูลนิธิ King of Thailand Birthplace Foundation รวบรวมเงินทุน บำรุงรักษาปรับปรุงจัตุรัสให้กว้างขวางสวยงามสมพระเกียรติ

นอกจากนี้ ข้อมูลจากคนไทยในบอสตัน ที่อาศัยอยู่เมืองนี้มาเป็นระยะเวลาหลาย 10 ปี บอกกับเราว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยมีโอกาสเสด็จฯ มาทอดพระเนตรจัตุรัสภูมิพลแห่งนี้ มีเพียง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ มาเปิดเมื่อสมัยยังเป็นแผ่นไม้หลายสิบปีก่อน กระทั่งได้บูรณะมาเป็น "ศิลาจัตุรัสภูมิพล" คุณพลอยไพลิน เจนเซน ได้มาเป็นประธานเปิดพิธี

หลังทราบข่าวพระองค์เสด็จสวรรคต ในวันที่ 13 ต.ค. 59 เวลา 19.00 น. (เวลาในบอสตัน) นายธีรเดช เวชธนากร นายกสมาคมไทยบอสตันคณะนักเรียนไทยในบอสตัน รวมถึงประชาชนคนไทย ที่อาศัยอยู่ในนครบอสตันและรัฐใกล้เคียง กว่า 1,000 คน ได้พร้อมใจกันเดินทางมายัง จัตุรัสภูมิพล หรือ King Bhumibol Adulyadej of Thailand Square เพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดี จุดเทียนแสดงความอาลัยกันอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางสายตาพลเมืองชาวอเมริกัน เฝ้าชื่นชมปรากฏการณ์ความรักยิ่งใหญ่ของคนไทยในต่างแดนที่มีต่อพระมหากษัติย์ผู้ทรงเป็นที่รัก

นายธีรเดช เวชธนากร นายกสมาคมไทยบอสตัน เล่าถึง ความสำคัญของโรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น ที่มีต่อคนไทยในนครบอสตัน ว่า คนไทยทุกคนที่มาเหยียบยังผืนแผ่นดินแห่งนี้ ทุกคนต่างทราบดีว่าเป็นแผ่นดินพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าจะเป็นคนไทยที่มาเที่ยว หรือมาอยู่อาศัยชั่วคราว รวมไปถึงนักศึกษาไทยจะต้องมุ่งหน้ามาถวายบังคมต่อพระบรมฉายาลักษณ์ ณ โรงพยาบาลแห่งนี้ พร้อมกับดูพระราชประวัติความเป็นมา วันพระราชสมภพ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก สร้างความภาคภูมิใจของชีวิต "ครั้งหนึ่งเคยได้มาเยือน สถานที่พระราชสมภพของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รัก"

"ทุกวันที่ 5 ธันวาคม ในทุกๆ ปี คนไทยในบอสตัน ได้รวมตัวกันจัดพิธีถวายพระพร เฉลิมพระเกียรติวันพระราชสมภพ ณ จัตุรัสภูมิพล หน้าโรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น ถึงแม้ว่าพวกเราจะอยู่ไกลบ้านไกลเมืองไทย แต่เราก็มีสถานที่ที่เป็นตัวแทนของท่าน โดยจะมีทางเจ้าหน้าที่สมาคมไทยบอสตันเป็นผู้จัดเตรียมพิธี มีพานดอกไม้สวยงามสมพระเกียรติ ประชาชนเข้าร่วมงานโดยพร้อมเพรียงทุกปี รวมไปถึงเทศกาลสำคัญๆ ของไทย พวกเราไม่ลืมที่จะเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้" นายกสมาคมไทยบอสตัน กล่าว

นายธีรเดช เวชธนากร กล่าวต่อว่า หลังทราบข่าวว่าท่านสวรรคต คนไทยทุกคนในบอสตันแทบล้มทั้งยืน มือไม้อ่อนหมดแรงไปตามๆ กัน หลั่งน้ำตาออกมาไม่ขาดสาย เสียใจจนพูดไม่ออก รู้เพียงว่าพวกเราเสียพระราชาที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว หลังจากตั้งสติได้ พากันแสดงพลังสามัคคี-ความรัก เดินทางมาร่วมไว้อาลัย นับ 1,000 คน เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกคนพร้อมใจกันจุดเทียนและยืนสงบนิ่งแสดงความจงรักภักดีต่อหน้าพลเมืองชาวอเมริกัน

"พวกเรานึกถึงคุณงามความดีที่ท่านได้ทรงทำให้กับประเทศไทย ทำให้บ้านเมืองของเรา เสด็จฯ ไปยังถิ่นทุรกันดาร ทุ่มเทเพื่อปวงประชาด้วยความเหน็ดเหนื่อยมาตลอดชีวิตของท่าน จวบจนวันที่ท่านสวรรคต พวกเราร้องไห้ด้วยความภาคภูมิใจที่เกิดมาเป็นข้ารองพระบาท เกิดมาเป็นประชาชนคนไทย มีสัญชาติไทย พูดภาษาไทย และมีพระมหากษัตริย์ไทยที่คนทั่วโลกแสดงความชื่นชม" นายธีรเดช เวชธนากร กล่าว

นายธีรเดช กล่าวด้วยว่า คนไทยในบอสตันหลายคน มีกิจการเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะกิจการเจ้าของร้านอาหารที่ได้รายได้พอสมควรในแต่ละวัน โดยวันนี้เมื่อทราบข่าว ไม่มีใครอยากจะเปิดร้านขายของต่อ หลายคนปิดร้านตั้งแต่ช่วงเย็น พาพนักงานในร้านซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันเดินทางมาแสดงความอาลัย เชื่อว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะอยู่ในใจคนไทยทุกคน เป็นเรื่องเล่าความดีงามจากรุ่นสู่รุ่น เป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ต้องจารึกไว้ตราบนานเท่านาน

"ทางสมาคมไทยบอสตัน ยืนยันจะแสดงความจงรักภักดีแบบสืบต่อแล้ว และจะรักษาดูแล จัตุรัสภูมิพล (King Bhumibol Adulyadej of Thailand Square) สัญลักษณ์ที่สร้างจากความจงรักภักดี ตั้งอยู่ในเมืองที่พระองค์พระราชสมภพ ให้มีสภาพสวยงาม สมพระเกียรติ ส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่นให้ลูกหลานคนไทยในเมืองบอสตันใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจตลอดกัลปาวสาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายธีรเดช เวชธนากร นายกสมาคมไทยบอสตัน" นายธีรเดช กล่าวทิ้งท้าย