Inside Dara
‘เฌอเบลล์’ สร้างพลังด้านบวก พร้อมพัฒนาตัวเอง

เป็นนางเอกอยู่ในวงการมา 2 ปีแล้ว สำหรับสาว เฌอเบลล์-ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ แถมตอนนี้ยังมีละครรีเมคเรื่อง “ภาพอาถรรพณ์” ทางช่อง 5 ที่หลายคนจับตามองว่าสาวเฌอเบลล์จะพิสูจน์ฝีมือได้มากน้อยแค่ไหน เลยขอเคลียร์คิวละครนั่งคุยกับเฌอเบลล์ในการแสดงละครเรื่องนี้ว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวมักจะโดนวิจารณ์ฝีมือการแสดง รวมทั้งเรื่องความสวยตั้งแต่เข้าวงการจนถึงตอนนี้ เธอรับมือและมีแนวคิดกับสิ่งเหล่านี้ยังไงต้องติดตามกัน

การทำงานละคร “ภาพอาถรรพณ์” เป็นยังไงบ้างเห็นว่าหนักไม่เบา?

“เรื่องนี้หนูต้องเล่นสองยุคคืออดีตรับบทเป็น “แม่อร” และยุคปัจจุบันรับบทเป็น “อนงค์วดี” ที่มีปมในชีวิตสองชาติแตกต่างกันไป แม่อรจะไม่สู้คน เรียบร้อยอ่อนหวาน แต่อนงค์วดี จะกล้าเถียง กล้าว่าพระเอก คือพี่ป้อง-ณวัฒน์ สู้คน เป็นผู้ใหญ่ ก็เล่นยากเพราะเราเป็นเด็กติ๊งต๊อง คำพูดต้องคมและชัด ยากจริง ๆ ค่ะ เพราะเปลี่ยนคาแรกเตอร์ไปมา แต่เรื่องนี้เราระวังขึ้นก็ต้องปรับให้ได้ ตอนแรกนั่งถามทุกคน พอละครออนแอร์โอเคมั้ย แต่เขาบอกโอเคไม่เหมือนเรื่องอื่นว่าบทเราเล่นชัดเจน เราคุยกับอาจารย์ศัลยาที่เขียนบทว่าตัวละครในอดีตกับปัจจุบันไม่จำเป็นต้องเล่นเหมือนกัน แต่ยากตรงการกระทำจะแสดงออกยังไงก็ต้องทำการบ้านหนัก เรื่องนี้มีทั้งเอฟเฟกต์ ซีจี บางทีเราต้องเล่นกับตัวเองคนเดียว ต้องจินตนาการก็ยากมาก การถ่ายทำช่วงก่อนหน้านี้ลำบากมากเพราะฝนตกต้องยกกองแต่เดี๋ยวนี้ตกก็ตกไปผู้กำกับ พี่หนุ่ม-อรรถพร ก็เปลี่ยนบทเป็นฝนตกตาม เพราะถ่ายไปออกอากาศไป เราต้องเร่งถ่ายทำสุด ๆ ค่ะ”

กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง?

“เขาชอบมาคุยกับเราในอินสตาแกรม มีแฟน ๆ ชาวจีนด้วยนะคะ ขนาดเขาฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องยังหาดูย้อนหลังแล้วมาทักมาคุยกับเราว่าละครสนุกจัง เราเองก็ยังไปดูย้อนหลังเหมือนกัน บังคับเพื่อนดูด้วยนะคะ เพราะเราเรียนเอกภาพยนตร์ ที่ ม.รังสิต ให้เพื่อนมาดูการจัดแสง เอฟเฟกต์ เรียนรู้จากละครเรื่องนี้ได้เยอะ เพราะดูจริง ๆ จะไม่เหมือนละคร เหมือนหนัง คล้ายซีรีส์เมืองนอกเลยทั้งภาพและแสงค่ะ บางเรื่องเอาอดีตมาเล่าปัจจุบัน แต่เรื่องนี้ปัจจุบันเอาอดีตมาบอกเหตุผล ทำเกิดความเกลียดแค้นกัน”

รู้สึกเป็นยังไงกับฝีมือการแสดงของเรา?

“บางทีรู้สึกอยากเล่นให้ได้มากกว่านี้ เรายังเก่งไม่พอเลย แต่ตอนเล่นก็เต็มที่ แต่ก็ยังมีบางฉากที่มันมากกว่านี้ได้ อาจจะเพราะบางฉากเราตีความแตกทันทีไม่ได้ อีกอย่างเรากดดันนิดหน่อย เพราะเป็นละครรีเมค เป็นการกลับมาเล่นละครของพี่อ้อม-พิยดา ด้วย แล้วละครเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 4 ของเราถ้าไม่ดีอีก คนดูไม่ให้อภัยแล้ว (หัวเราะ) กลัวเขาบอกเราเล่นไม่สนุก เล่นไม่เก่งแล้วก็ไม่ดู เรากลัวแบบนี้มาก แต่เราก็พยายามเต็มที่จริง ๆ เดี๋ยวไว้เรื่องหน้าจะพยายามคิดการตีความหลาย ๆ แบบเราจะได้เข้าใจ แต่เรื่องภาพอาถรรพณ์เวอร์ชั่นนี้ ทำทุกอย่างด้วยคุณภาพและฝีมือ นอนดึก นอนเช้าก็ยอม เพราะอยากให้แฟน ๆ ได้ดูละครที่ดีจริง ๆ ค่ะ เราเองก็ยังไม่เก่งก็ยิ่งต้องขยัน มีวินัย อยู่บ้านเราซ้อมบทเอง เตรียมตัวเยอะ เรามีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้เราต้องเต็มที่ค่ะ”

เข้าวงการมา 2 ปี เรียนรู้อะไรจากวงการบันเทิงบ้าง?

“ช่วงแรกยังงง ๆ การแสดงคืออะไร (หัวเราะ) แต่ก็ค่อย ๆ ปรับมาเรื่อย ๆ จนปีที่สองเรามาเรียนเอกภาพยนตร์ด้วย เรียนและทำงานมาผสมผสานกันมันทำให้เราเข้าใจง่ายขึ้น ลงตัวมาก มีความสุข แล้วยังคิดว่าต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี มันจะต้องยิ่งดีขึ้นไปกว่านี้แน่นอน เราอยากเป็นแบบ พี่หนุ่ม-อรรถพร ที่เป็นทั้งผู้กำกับแล้วเป็นนักแสดงในคนคนเดียว ทุกครั้งที่ไปกองถ่ายเราก็แอบดูการทำงานของพี่เขาที่ทำทั้งสองอย่างออกมาได้ดีแอบฝันอยากเป็นผู้กำกับเหมือนกันค่ะ”

ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน?

“เราเป็นทั้งนักแสดงและเรียนเบื้องหลัง บางคนจะทำตัวว่าฉันเป็นนางเอกตลอดเวลา ถึงเวลาอยากกลับบ้านก็กลับเลยประมาณนี้ แต่เราทั้งทำงานและเรียนด้านนี้จะรู้ดีคนอยู่เบื้องหลังเราเขาทำงานหนักกว่ามาก เราเลยรู้เราจะพยายามทำทุกอย่างให้ง่ายขึ้น เราอยากพัฒนาการแสดงให้มากขึ้นทุกครั้ง แต่ขอเป็นตัวเองที่ยังคงเป็นคนทำงานอย่างตั้งใจ กินอะไรก็ได้อยู่ง่ายกินง่าย ตรงต่อเวลา ถ่ายละครดึกเช้าก็ได้ ไม่บ่น ในมุมมองคนอื่นอาจจะอยากเป็นนางเอกตลอดเวลา แต่ในมุมมองเราไม่ได้อยากเป็นนางเอกตลอดชีวิต แต่เราอยากรับบทอะไรก็ได้ที่จะเห็นพัฒนาฝีมือการแสดงของเรามากกว่าค่ะ”

มีหลงไปกับความเป็นวงการบันเทิงไหม?

“ไม่มีนะคะ เราไม่รู้สึกว่าเราคือนางเอก เราเห็นรุ่นพี่นางเอกที่สามารถเปลี่ยนมาเป็นตัวร้ายได้ เราจะยึดติดว่าเราเป็นนางเอกคนเดียวไม่ได้ เรามองเราเป็นนักแสดง เราจะเล่นยังไงให้เป็นคนคนนั้นให้คนที่ดูเราเชื่อว่าเราสวมบทบาทนั้นได้จริง ๆ แม้ว่าเราไม่ได้ฝันว่าอยากเข้าวงการตั้งแต่แรก แต่เราแค่ชอบทำหนัง เพราะคุณพ่อหนูเคยเป็นเจ้าของโรงหนัง เราผูกพันกับหนัง แต่แปลกที่โตขึ้นมาเล่นละคร (หัวเราะ) แต่ตอนนี้เราเรียนด้านภาพยนตร์ ก็ปรับใช้ได้เหมือนกัน แต่ก่อนเราพักเรียนไป เพราะเรียนด้านที่ไม่ชอบ มันไม่มีความสุข จนตอนนี้เจอสิ่งที่เรารักแล้วทุกอย่างลงตัวและทำได้ดี เลยฝากบอกเพื่อน ๆ น้อง ๆ ว่าต้องหาสิ่งที่ชอบให้เจอ ไม่ต้องรีบว่าฉันต้องเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเดียว หาตัวเองให้เจอแล้วจะทำออกมาได้ดีค่ะ”

รู้สึกกลัวน้อง ๆ คลื่นลูกใหม่ที่เข้ามาไหม เพราะแต่ละปีก็เข้ามาแข่งขันกันเยอะ?

“ใช่ค่ะ ทุกวันนี้มีน้อง ๆ เข้ามาในวงการเยอะมาก เป็นนางเอกอายุน้อย ๆ กันทั้งนั้น แต่เราไม่กลัวเลยนะ อะไรจะเกิดขึ้นก็ห้ามไม่ได้ แต่ ณ ตอนนี้ผู้ใหญ่ให้โอกาสเรา มีงานละครสม่ำ เสมอก็ถือว่าเรามาไกลกว่าคนอื่น ๆ แล้ว ฉะนั้นต่อให้จะมีน้องใหม่เข้ามาเบียดเรา เราไม่เสียใจหรือน้อยใจแน่นอน เพราะเราเองก็เชื่อในฝีมือการแสดงว่า ถ้าเราไม่หยุดพัฒนาผู้ใหญ่เห็น คนดูเห็น เราก็ยังคงไม่ไปไหนค่ะ”

ตัวตนจริงเป็นคนยังไง?

“เป็นคนลุยมาก เป็นเด็กต่างจังหวัดเติบโตที่ จ.ภูเก็ต ไม่เคยดูแลตัวเอง เป็นเด็กผมสั้น ทำอะไรเหมือนผู้ชาย เพราะคุณแม่เลี้ยงเราเหมือนฝรั่งให้เผชิญโลก เราเลยกลายเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา บางคนอาจไม่เข้าใจทำไมเราไม่หลบไม่เลี่ยง แต่เราถูกเลี้ยงมาให้เราไปเรียนต่อที่เมืองนอก แต่ชีวิตมันเปลี่ยนเข้าวงการมันต้องปรับตัวเยอะ ยอมรับว่าเพราะความตรงเลยมีปัญหา เวลาสัมภาษณ์พูดไม่ถูกเลยเหมือนเป็นคนพูดหมดทุกอย่าง เช่น เรื่องล่าสุดที่เป็นประเด็นคือเรื่องที่เราพูดว่ามีแฟน เราใช้คำผิดก็ต้องขอโทษเพื่อนเรา ผู้ใหญ่ ที่เราพูดแบบนั้นไป รู้เลยอยู่ตรงนี้ต้องระวังตัวให้มากถ้าพูดอะไรไปแล้วดูแรงก็คงไม่ดี เราตอบขำ ๆ สุดท้ายก็ต้องมานั่งตอบคำถามที่เราตอบไม่ดี ความหมายของเราแค่ไม่อยากปิดว่าเราก็มีคนคุย ๆ แบบเพื่อน แต่เขาตีความไปแล้วว่าเรามีแฟนทั้งที่อายุเรายังไม่เยอะ มันน่ากลัวที่ถูกมองไปแล้วแบบนั้น ต่อไปเลยคิดเยอะและระวังมากขึ้นค่ะ”

ถือว่าตัวเองมีภูมิคุ้มกันมั้ย เพราะคนในวงการต้องมีข่าวแรง ๆ ถึงจะดัง?

“เป็นคนมองสองมุม เข้าใจถ้ามีข่าวไม่ดีคนต้องอยากติดตามอยากรู้เป็นเรื่องปกติ ทุกอย่างอยู่ที่การวางตัวของเราว่าเราอยากดังแบบไหน ถ้าอยากดังถ่ายเซ็กซี่มาก ๆ หรือปล่อยข่าวเกี่ยวกับผู้ชายก็ดังได้ แต่เราอยากอยู่เรื่อย ๆ โอเคกับจุดที่คนมองว่าเราดูเงียบ ๆ แต่เรามีงานละครมาตลอดแบบนี้แฮปปี้แล้วนะคะ ถึงจะไม่ได้มีอีเวนต์หรือข่าวหวือหวาทุกวันก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการกระทำของเรา ซึ่งบางอย่างเราเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้ค่ะ”

ถือว่าเป็นนางเอกที่มีงานละครเรื่อย ๆ จนคนมองว่าเป็นลูกรักพี่ บอย-ถกลเกียรติ รู้สึกยังไง?

“จริงเหรอคะ (หัวเราะ) หนูต้องขอบคุณพี่บอยที่ให้โอกาสในการแสดง คนในค่ายเอ็กแซ็กท์เราก็เยอะนะคะ แต่หนูอยู่มา 2 ปี หนูเป็นคนหนึ่งที่มีละครให้เล่นเรื่อย ๆ เสมอ สำหรับเด็กคนหนึ่งที่มาจากไหนไม่รู้ได้รับโอกาสขนาดนี้ถือเป็นที่สุดแล้ว ถ้าเราเล่นได้โอเคพี่ ๆ เขาก็จะมอบหมายงานให้เรื่อย ๆ เป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าเราก็มีฝีมือ มีความสามารถจริง ๆ ก็ต้องขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนมากค่ะ”

ช่วงที่เจอกระแสวิจารณ์ในอินเทอร์เน็ตเรื่องไหนที่บั่นทอนกำลังใจเราที่สุด?

เรื่องที่ว่าเราไม่สวย จมูกโต ปากเจ่อ เยอะแยะเลยค่ะ ทุกวันนี้ยังมีคนติอยู่นะ (หัวเราะ) เราเข้าไปอ่านนะคะในอินเทอร์เน็ต อะไรที่พยายามแก้ได้เราก็จะแก้พยายามดูแลผิว ผม รูปร่าง ดูแลทุกอย่างจากคนลุย ๆ แต่บางครั้งก็คิดหน้าตาเราไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ (หัวเราะ) สวยไกลได้ขนาดนี้ดีใจแล้วค่ะ อันไหนเราไปทำมาเราก็บอกอย่างฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกมาก็บอก แต่พอมันออกมาไม่โอเค จมูกมันบวมเราก็เสียใจนะคะ นี่คือเรื่องเดียวที่เสียใจเวลาคนวิจารณ์ เพราะเราพลาดจริง ๆ ตอนนี้รอให้สลายอย่างเดียวไม่ทำอะไรแล้ว ก็ยุบไปเยอะ แต่ที่เขาเขียน ๆ กัน หนูก็ไม่โกรธแค่เสียใจนิดนึงที่เขียนว่าเป็นนางเอกไม่สวย จมูกโต เรารู้เราพลาดไปแล้วก็รู้สึกแย่ แต่ก็ให้กำลังใจตัวเอง พัฒนาฝีมือเข้าสู้คำวิจารณ์ดีกว่า ไม่เก็บมาเครียด ปล่อยวางตามหลักพระพุทธศาสนารู้ตัวเองทำอะไรแค่นั้นพอแล้วค่ะ”

เข้ามาวงการมาก็ไม่มีข่าวที่แย่หรือไม่ดี คนก็ชื่นชมว่าดูแลตัวเองได้ดี?

“ดีใจนะคะที่คนมองแบบนี้ ไม่มีใครมาว่าเราได้ว่าเข้าวง การมาก็มีแต่ข่าวที่ไม่ดี หรือดังได้ไม่ใช่เพราะการแสดง แต่เป็นเพราะนางเอกคนนี้มีข่าวฉาว เราทำอะไรนึกถึงคุณแม่ตลอดตัวเราใครจะว่ายังไงเราไม่สนใจ แต่ถ้าแม่ต้องมาฟังคนอื่นพูดเราในแง่ไม่ดี หรืออนาคตเรามีลูกลูกมาเห็นข่าวก็ไม่ดี เราคิดไกลมาก ๆ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นเป็นนางเอกเงียบ ๆ แบบนี้หนูแฮปปี้แล้วค่ะ (ยิ้ม)”

อย่างเรื่องความรักเป็นยังไงบ้าง อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไปว่ามีคนคุยแล้ว?

“จะบอกว่าไม่มีคนคุยเลยก็ดูแปลกใช่มั้ยคะ เราไม่ได้ปิดแต่เรื่อย ๆ มีคนสนิทและพูดคุย ไม่ถึงกับเป็นแฟนหรือคบกัน เรายังมีจุดมุ่งหมายในวัย 21 ปี ของเรายังอยากทำหนัง หนูเป็นคนเต็มที่กับทุกอย่างเลยกลัวว่าถ้ามีแฟนขึ้นมาจริง ๆ จะไปเต็มที่เรื่องนั้นแล้วก็ทำให้งานเราและการเรียนกระทบหรือเปล่า คนที่คุยตอนนี้ก็สนิทบนพื้นฐานของเพื่อน ให้กำลังใจกัน เพราะเราเคยทำงานด้วยกันก็ดูแลกันและกันมาเลยสนิทกันเป็นพิเศษ แบบนี้ก็แฮปปี้ไม่โฟกัสจะเป็นแฟน ส่วนมากคนที่เปิดตัวว่ามีแฟนก็กระทบงานมันไม่ดี ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามวัยขอเรียนจบก่อนถึงจะใช้คำว่าแฟนกับใครสักคน ไม่ใช่ปากแข็ง ไม่อยากโกหก แต่มันยังเป็นแฟนไม่ได้จริง ๆ ขอทำหน้าที่เรียนและทำงานที่จะส่งผลในอนาคตก่อน ไม่ยอมให้เรื่องผู้ชายมาทำให้ทุกอย่างแย่ลงไม่เอาเด็ดขาด หนูไม่แฮปปี้แน่นอนถ้ามีข่าวเลิกกันกับใครสักคน”

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่คอยติดตามเราตลอดบ้าง?

“ก็อยากจะฝากแฟน ๆ ดูละครหนูเรื่อย ๆ นะคะ ไม่ว่าจะเป็น “ภาพอาถรรพณ์” ที่ออกอากาศตอนนี้ ช่อง 5 หรืออนาคตอีกกี่ปี มีผลงานอะไรก็ตามอาจจะเป็นหนังก็ได้อยากให้ติดตามกันไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะติหรือชมเราอยากได้ยินทุกความคิดเห็นเต็มที่เพราะอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ยกเว้นเรื่องหน้าตาแก้ไม่ได้จริง ๆ (หัวเราะ) ส่วนแฟนคลับหนูที่ติดตามกันมาตั้งแต่ละครเรื่องแรกจนทุกวันนี้ก็ขอบคุณจริง ๆ ที่ยังไม่ไปไหน หนูสัญญาจะพัฒนาการแสดงให้ดีที่สุดไม่ทำให้ผิดหวัง ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจนะคะ (ยิ้ม)”

พูดคุยกับสาวเฌอเบลล์จบปุ๊บ ก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการพัฒนาฝีมือการแสดงเสมอ ๆ เลยไม่แปลกใจเพราะอะไรเธอถึงมีงานละครต่อเนื่อง สวย เก่ง แบบนี้ขอให้แฮปปี้ทั้งงานและความรักนะจ๊ะ.