Inside Dara
15 ปี ในวงการของ "หนูนา" ไม่เคยลืมตัว

มาถึงโค้งสุดท้ายสำหรับละครฟอร์มยักษ์เรื่อง “คู่กรรม” วันนี้เลยขอนัดคุยกับอังศุมาลินเวอร์ชั่น 2013 อย่าง สาว หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ ที่เจ้าตัวเอ่ยปากว่าเป็นละครยาวเรื่องแรกในชีวิต พร้อมกับอัพเดทเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตของเธอตอนนี้

ละคร “คู่กรรม” ใกล้จบแล้ว?

“วีกหน้าก็จะอวสานแล้ว ฟีดแบ็กดีนะคะ คนให้ความสนใจกันเยอะ เวลาเจอใครก็จะเรียกว่า “อังศุมาลิน” เขาจะบอกว่าฉันเกลียดเธอมากเลย ทำไมทำตัวอย่างนี้เนี่ย เราก็พอใจนะ รู้สึกเหมือนสิ่งที่เราตั้งใจทำ มันประสบความสำเร็จและคนให้การตอบรับ ตอนแรก ๆ มีกดดันบ้าง แต่เราก็เปลี่ยนความกดดันให้เป็นข้อดี สำหรับเรื่องนี้ทุกซีนก็ยากหมดเลย เพราะว่าอังศุมาลินจะเป็นคนคิดเยอะ มีข้อขัดกับตัวเองตลอดเวลา ก็ต้องปรับเยอะค่ะ”

ก่อนหน้านี้เจอกระแสเปรียบเทียบเวอร์ชั่นละครกับภาพยนตร์ตลอด?

“ใช่ค่ะ หนูนาก็อยากดูหนังนะ คือมันตีความคนละแบบกัน ละครมันยาว หนังก็ตีความอีกแบบ แต่มันน่าสนใจทั้งคู่นะ”

แล้วตอนนี้มีผลงานอะไรอีก?

“มีเพลงประกอบละครเรื่องนี้ค่ะ ชื่อเพลง “ห้ามใจ” เป็นเพลงที่แทนความรู้สึกและคำพูดของอังศุมาลิน หนูนาก็ชอบมาก แล้วก็มีละครซิทคอม “ครัวซองทำนองรัก” ค่ะ กำลังถ่ายทำอยู่ เรื่องนี้จะเป็นคนละแนวเลย เป็นตลก ๆ ตึ่งโป๊ะ ๆ ตลอดเวลา”

เห็นหนูนาทำงานกับหลายค่ายมาก สัญญาจริง ๆ อยู่ที่ไหน?

“ตอนนี้อยู่กับ “จีเอ็มเอ็ม ทีวี” แต่กับ “บรอดคาซท์” เราทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ เด็ก ๆ ทางจีเอ็มเอ็มทีวีก็ยินดีอยู่แล้ว ถ้ามีบทอะไรที่เหมาะสม แล้วพี่ หน่อง-อรุโณชา ก็เป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักมาก เอ็นดูมาตลอด หรืออย่าง “เอ็กแซ็กท์” เราก็เคยทำงานด้วยกัน ได้ร่วมงานทั้งละครเวที และละครทีวี พี่บอย-ถกลเกียรติ ก็เอ็นดูเรา ให้งานชิ้นใหญ่นี้มา หรืออย่าง “จีทีเอช” เอง ก็น่ารักมาก ไม่ว่าหนูนาจะมีผลงานอะไร ถึงแม้ไม่ใช่ของจีทีเอช เขาจะมาให้กำลังใจตลอด ก็ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน”

อยู่วงการมา 15 ปีแล้ว?

“เราเข้าวงการตั้งแต่เดินต๊อกแต๊ก ยังไม่มีบทพูด เริ่มมาจากศูนย์เลย พูดประโยคเดียวก็เคย เล่นเป็นเด็ก ๆออกมา 1-2 ตอนก็เคย ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ตอนนี้อายุ 21 แล้ว ก็นานเหมือนกัน แต่เราไม่ได้มาคลุกคลีหรือว่ามีชื่อเสียง เราค่อย ๆ ก้าวไป ค่อย ๆ ไต่เต้าไปเรื่อย ๆ จนมาถึงน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ตอนนั้นเรียน ป.6 ตรงนี้อาจเพราะคุณแม่ส่งเสริมด้วย ตอนนั้นถือว่าเดินสายประกวดเลย จนคนถามว่ามาอีกแล้วเหรอ มาทำไม แต่คือเราก็ชอบ อยากจะแสดงความสามารถ ซึ่งที่ที่เราทำได้ก็คือเวทีประกวด ไปทุกที่เลย ไปหมดเลย”

มีอะไรในวงการที่อยากทำอีกไหม?

“อยากเป็นพิธีกรค่ะ อยากเป็นมาก เพราะหนูนาเป็นคนชอบพูดด้วยไงคะ เราเห็นว่าคนที่ทำงานพิธีกรเป็นคนที่เก่งมาก เป็นคนที่คุมสถานการณ์ทุกอย่างในงาน ก็เลยอยากจะลองดู ก็เคยไปชิมลางบ้าง เคยไปเป็นพิธีกรรับเชิญรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ตื่นเต้นมาก ก็สนุกมาก ก็ติดใจ พูดตรงนี้เลย ถ้ามีใครสนใจเรายินดีมากเลย”

สำหรับหนูนาคิดว่าต้องทำอะไรบ้าง เราถึงจะอยู่ในวงการได้นาน?

“ที่สำคัญเลยคือต้องเป็นคนอ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ ต้องเป็นคนรู้ตน รู้ตัวเองทำอะไรอยู่ ตัวเองเป็นใคร ไม่ใช่เป็นคนหลงตน ไม่ใช่หลงระเริงกับแสงสี ต้องพร้อมที่รับคำติแล้วก็พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด”

ยอมรับไหมว่าอยู่ในวงการทุกคนพร้อมที่จะเอาใจเรา?

“พอเราอยู่ในวงการทุกคนพร้อมที่จะเอาใจเรา เราต้องรู้ตัวเองว่าฉันคือใคร อย่าไปหลงกับคำที่คนอื่นสร้าง คุณแม่ก็สอนบ่อยว่าอย่าไปหลงคิดว่าตัวเองเป็นอย่างโน้นอย่างนี้นะ เราเป็นแค่เท่านี้เอง มีคนที่เก่งกว่าเราเยอะแยะ”

แต่ล่าสุดมีข่าวว่าหนูนาหยิ่ง?

“ใช่ ได้ยินบ่อย แต่เราไม่ใช่คนหยิ่งนะ จริง ๆ พูดเลย เราร่าเริงมาก แต่บางคนเขาไม่เข้าใจการทำงานของคนในวงการ คิดว่าคนโน้นหยิ่ง คนนี้หยิ่ง แต่คือบางทีเขาอาจจะติดพันการทำงาน หรือมีผู้ใหญ่รอเราอยู่ก็ต้องรีบเร่งไป เลยไม่ได้หยุดถ่ายรูปให้หรือทักทาย แต่ถ้าช่วงที่เรามีเวลา หนูนาเชื่อว่าศิลปินทุกคนก็คงอยากเทคแคร์ ทุกวันนี้แฟนคลับกับหนูนาเป็นเพื่อนกันไปแล้ว เขาอยู่ตั้งแต่เรายังไม่มีใคร มากัน 1-2 คน จนเยอะขึ้น ถามว่าเสียใจกับข่าวไหม ก็เฉย ๆ นะ คิดว่าทุกคนน่าจะรู้ว่าเราเป็นกันเองมาก”

แต่ละข่าวสอนอะไรเราบ้าง?

“เยอะค่ะ ที่ผ่านมาก็เป็นบทเรียนให้เรากลับมามองว่า เด็ก ๆ เราก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อาจจะทำอะไรผิดพลาด แบบยังมีวุฒิภาวะไม่พอ แต่ก็เป็นบทเรียนหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เราโตขึ้น ตอนนี้คุณแม่หัดให้เราทำอะไรหลาย ๆ อย่างเอง แต่คุณแม่ก็แอบงอนนะ เพราะเมื่อก่อนเขาจะดูแลทุกอย่าง พอเราเริ่มทำเอง เราก็รู้เลยว่าจริง ๆ เขาอยากทำ อยากช่วยแต่งตัว อยากให้เราเป็นเด็กตลอด”

การเรียนเป็นยังไงบ้าง?

“เราค่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ ค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ปี 2 คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการละคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วคือคณะที่หนูนาเรียนจะเน้นการปฏิบัติ ขาดไม่ได้เลย แต่อาจารย์จะคอยช่วย แต่ไม่ใช่ช่วยจนน่าเกลียด เราก็ต้องมาเรียนให้ครบนะ ต้องพยายามทำให้ได้ ก็แพลนไว้ว่าจะจบพร้อมเพื่อน เราก็ต้องขยันเพิ่ม ต้องลงซัมเมอร์ เกียรตินิยมอาจจะไม่ได้ เพราะเราต้องทำงานไปด้วย เวลาเรียนอาจจะไม่พอ อาจจะได้เกรด 3.00 นิด ๆ 2.8-2.9 คือเราโอเคนะ เราไม่ได้ห่วงเกรด แต่เราห่วงสิ่งที่ได้จากตอนที่เรียนมากกว่า ห่วงสังคม อยู่กับเพื่อน หลังจากเรียนจบก็อยากเรียนต่อเหมือนกัน แต่เดี๋ยวถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากันอีกที”

แบ่งเวลายังไงบ้าง?

“ยากเหมือนกันนะคะ เพราะว่าตอนนี้มีทั้งเรียนด้วย งานละครด้วย งานอื่น ๆ อีก เพราะว่าทุก ๆ อย่างอยู่ที่เวลาด้วย บางทีทำงานนี้อยู่แล้วต้องมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เราก็ต้องทำให้ดีที่สุดในทุก ๆ ด้าน แต่เราก็ยังใช้ชีวิตปกติ ยังไปเที่ยวกับเพื่อน แต่อาจจะไม่ได้บันเทิงเต็มร้อย หนูนาไม่คิดว่าชีวิตวัยรุ่นหายไปหรอก แต่เรามีชีวิตการทำงานเข้ามาไว เหมือนเราได้ประสบการณ์จากตรงอื่นเข้ามาด้วยมากกว่า”

แล้วความรักล่ะ มีหนุ่ม ๆ จีบไหม?

“ทุกวันนี้ไม่ได้เจอใคร เจอแต่พี่บี้-สุกฤษฎิ์ ตั้งแต่ก่อนจะขึ้นปี 2 ตอนนี้กำลังจะขึ้นปี 3 แล้ว ก็ยังเจอพี่บี้อยู่ ก่อนหน้านี้ก็เจอแต่พี่ เต๋อ-ฉันทวิชช์ เราเจอแต่คนหน้าซ้ำ ๆ เดิม ๆ แต่ไม่มีเวลาเหงา เพราะต้องทำอย่างอื่นเยอะมาก ถ้ามีเวลาขอนอนดีกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเราปิดนะคะ แต่เราไม่เจอใครจริง ๆ มากกว่า”

คุณแม่หวงลูกสาว?

“บ้านนี้หวงมากค่ะ ทั้งคุณแม่คุณพ่อหวงทั้งลูกสาว-ลูกชายเลย บ้านเราไม่ใช่คนที่จะต้องออกจากบ้านไปเที่ยวกับเพื่อนทุกวัน ฉันต้องไปนอกบ้าน คือเรามีความสุขกับการที่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ทำงาน ว่างก็ไม่เห็นต้องไปไหน ก็อยู่บ้าน”

แสดงว่าหนุ่ม ๆ เข้ามาต้องผ่านด่านคุณแม่เยอะเลย?

“เยอะเลย “เลิฟมี เลิฟมายมัม” รักเราแล้วก็ต้องรักแม่เราด้วย เข้าทางแม่สิ (หัวเราะ)”

สเปกสูงหรือเปล่า?

“ไม่นะ ปกติค่ะ ยังไม่เจอเลยจริง ๆ คือเราจะชอบคนที่ประทับใจด้วยครั้งแรก ชอบคนยิ้มสวย ตาสวย ชอบคนสูงเพราะเราตัวเล็ก ชอบคนขาวเพราะตัวเองผิวสีน้ำผึ้ง คือชอบสิ่งที่เราไม่มี แล้วก็ชอบคนร่าเริง สนุกสนาน ต่อล้อต่อเถียงได้ เข้าใจเราและเข้ากับครอบครัวเราได้ แต่ทุกวันนี้ยังบ้าดาราเกาหลีอยู่เลย ที่บ้านมีรูปดาราเกาหลีเต็มเลย หนูนาเป็นดาราที่บ้าดาราค่ะ หนูชอบ “คิม แจจุง” มาก แต่ไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย เคยได้เจอเขาทางทีวี (หัวเราะ) เราเคยไปตามตอนมาเมืองไทยด้วยนะ ไปยืนถือป้ายไฟ คือมีแก๊งแฟนคลับที่เรารู้จักก็ชวน ๆ กันไป นี่แหละคือประเด็นว่าทำไมถึงไม่มีแฟน (หัวเราะ)”

มีมุมไหนของหนูนาที่คนไม่ค่อยรู้ไหม?

“ไม่มีนะ เราเป็นคนเปิดเผย (หัวเราะ) เวลาคนถามก็จะเล่าเกินคำ ถาม แต่บางทีเรื่องส่วนตัวก็ไม่ได้เล่า ใครจะรู้ว่าบางทีเราก็เป็นคนเงียบ ๆ เป็นคนเซ้นซิทีฟมาก อ่อนไหว ขี้แง แล้วก็ซุ่มซ่ามมาก ทุกวันนี้ยังเดินล้ม อยู่เลย หน้าทิ่มเดินไม่ดูทาง ไม่ค่อยห่วงสวย จนแม่บอกว่าโตแล้ว บางวันไปมหาวิทยาลัยเพื่อนยังตกใจ เพราะหน้าสดมาก แต่จะตื่นมาแต่งหน้าก็เหนื่อยไม่ไหว”

สุดท้ายถามถึงคติที่ใช้ในการดำเนินชีวิตทุกวันนี้?

“ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ เพราะหนูเป็นคนมองปัจจุบันว่าวันนี้เป็นยังไง ๆ เมื่อก่อนมีคติคือ “รากฐานของตึกคืออิฐ รากฐานของชีวิตคือการศึกษา” ดูสวยเนอะ เหมือนเป็นอธิการบดี เมื่อก่อนใครถามก็จะตอบแบบนี้ ตลกดี แต่นั่นคือตอนเด็ก ๆ ไง”