Inside Dara
ไม่เคยเอาผู้หญิงมาล้อเล่น หนุ่ม ศรราม ยก นิโคล เป็นยิ่งกว่าแฟน

หนุ่ม ศรราม ยก นิโคล เป็นคนพิเศษกว่าแฟน ประทับใจฝ่ายหญิงเป็นคนเก่ง เลี้ยงลูกคนเดียว รับผิดชอบหลายอย่าง เผยคบใครก็จริงจังคิดถึงเรื่องแต่งงาน ซึ่งตนเป็นคนขอฝ่ายหญิงคบก่อน กับครอบครัวฝ่ายหญิงตนก็รัก

ชมทิกเกอร์เป็นเด็กน่ารัก ส่วนครอบครัวตนก็ไม่ปิดกั้นอะไร มีได้ไปเจอกันบ้าง กับเรื่องที่หลายคนสงสัยว่าทำไมครั้งนี้ถึงพูดเรื่องความรัก จริงๆ ตนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีความลับ แต่ก็อยากให้เกียรติครอบครัวและมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง...

สร้างความฮือฮาไม่น้อยเมื่อพระเอกนักร้องดัง หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ ออกมาประกาศชัดเจนว่ากำลังศึกษาดูใจกับนักร้องสาว นิกกี้ นิโคล เทริโอ เพราะดูเหมือนที่ผ่านมาดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องความรักสักเท่าไหร่ ได้เจอ หนุ่ม มาร่วมงาน Grand Opening The Sis Clinic สาขาศูนย์การค้า Passione Shopping Destination Rayong จ.ระยอง เลยถามถึงเรื่องดังกล่าวทันที

ถามถึงความสัมพันธ์กับนิโคล?

"ก็เป็นอย่างที่ให้สัมภาษณ์ไปแล้วนะครับ ถามว่ารู้จักกันมา 20 กว่าปีทำไมถึงตกลงปลงใจ ก็เป็นเพื่อนกันมานานมากนะครับ เวลาเจอกันทุกครั้งก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทักทายกัน มีความปรารถนาดีต่อกัน จนเกิดเหตุการณ์อย่างที่ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นแบบไหน เลยมีโอกาสได้พูดคุยกันมากขึ้น เรียนรู้กันมากขึ้นครับ"

ระยะเวลาในการทำความรู้จักจนกลายเป็นคนพิเศษ?

"นานมาก กี้เนี่ยเขาออกเทปไล่ๆ มากับผมนะ น่าจะประมาณใกล้ๆ กัน กี้น่าจะออกหลังผมนิดนึง แต่เพลงเขาฮิตมากกว่าเพลงผมครับ เขาก็เป็นรุ่นพี่ที่เอแบคด้วย รุ่นเดียวกับแหม่ม เป็นรุ่นพี่ผมปีนึง รู้สึกว่าเขาจะเรียนแค่ปีเดียวแล้วไปเรียนต่อที่อเมริกาและกลับมาทำงานครับ"

อะไรที่ทำให้กี้เป็นคนพิเศษได้?

"ผมเจอเขาตอนหลัง แต่ตอนที่ไม่ได้เจอกัน ผมทราบข่าวเพื่อนคนนี้เสมอ แล้วเป็นข่าวที่ไม่ได้ตั้งใจจะติดตาม เป็นเสียงบอกจากคนรู้จักว่าใครเป็นยังไงบ้าง เหมือนกับเพื่อนในวงการด้วยกันครับ

พอมาเจอเขางวดนี้ ผมรู้สึกว่าเขามีความไนซ์เหมือนกัน แต่เขามีความแข็งแรง ชื่นชอบที่เขาเลี้ยงลูกเองคนเดียวครับ ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง เป็นทั้งพ่อและแม่ ชื่นชอบเขาตรงนี้เพราะลักษณะที่เป็นแบบนี้ผมเองก็เป็น ป๋าเป็นนักแสดงอาวุโส มีงานบ้างไม่มีงานบ้าง แม่ก็ทำหน้าที่เปรียบเสมือนคนดูแล ก็ต้องคอยเป็นหลักให้กับผม อาจทำให้เรารู้สึกว่าเขาน่าชื่นชมนะครับ"

ประทับใจความเก่งของกี้?

"คือเขาเก่งอยู่แล้ว ประทับใจในความรับผิดชอบของเขา เขาเป็นคนดีนะ"

ใครเป็นคนพูดก่อนว่าเรามาคบกันไหม?

"ผมครับ ตอนที่สัมภาษณ์วันนั้นก็บอกไปแล้วว่าเราตัดสินใจจะเรียนรู้กัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะให้สัมภาษณ์กับพี่ๆ นักข่าว ความตั้งใจของเราเนี่ย เราก็อยากจะให้สัมภาษณ์แบบตรงๆ เพราะเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

การพูดความจริงกับพี่ๆ น้องๆ คือสิ่งที่มันดีอยู่แล้วครับ และมันดีต่อตัวเราด้วย เราก็สามารถใช้ชีวิตของเราได้ตามปกติ ไปกินข้าวดูหนังตามวิถีชีวิตคนปกติธรรมดา"

สถานะตอนนี้คืออะไร?

"จริงๆ ถ้าจะให้พูด จะใช้คำว่าแฟนเหรอครับ แฟนก็ใช้ได้นะ แต่ผมรู้สึกว่าเขาเป็นผู้หญิงที่ผมคบในสถานภาพที่พิเศษกว่าแฟนครับ

ผมเนี่ยไม่มีแฟนมา 7 ปีแล้ว ถามว่าไม่จีบใครรึเปล่าก็จีบนะ แต่มันไม่ประสบความสำเร็จ จีบติดบ้างไม่ติดบ้าง หรือจีบไปเขาก็มีคนอื่นบ้าง มีคนคบซ้อนอยู่แล้วบ้าง ซึ่งเราก็ไม่ชอบการเป็นมือที่ 3 นะครับ เราคิดว่าเราก็ต้องการความซื่อสัตย์

คราวนี้เราก็มาเจอในช่วงที่ไม่มีใครทั้งคู่ มันก็เลยสามารถที่จะเรียนรู้ได้ เราก็รู้สึกว่าเราจะให้ความสำคัญกับมัน เราจะทุ่มเทกับความรักครั้งใหม่ของเรา"

แสดงว่ามองถึงขั้นแต่ง?

"ผมยังไม่ได้บอกขั้นนั้นนะ ผมบอกว่าผมคิดนะ อย่างคบใครผมก็คิดจะแต่งงานด้วย ฉะนั้นที่ผ่านมาเนี่ยไม่ใช่ผมไม่คิด แต่ผมคิดแล้วไม่สำเร็จ จะด้วยเหตุอะไรก็ตาม แต่การจะรู้จักใครหรือรักใครสักคน

ผมคิดว่าเราไม่ควรจะเอาสุภาพสตรีมาล้อเล่น เราควรจะมีอนาคตที่เราคาดหวังไว้กับตัวเรา แล้วเราก็จะพยายามไปถึงจุดมุ่งหมายนั้นๆ ครับ"

แล้วเราบอกกี้ไหมว่าจริงจังกับความรักถึงการแต่งงานเลย?

"ไม่ได้บอกว่าแต่งงานเลย บอกแค่ว่าเราคบกันนะ เราโตๆ กันแล้ว แต่สิ่งที่มองไว้คือว่าแต่ละคนมีประสบการณ์ชีวิต ผ่านโลก ผ่านเรื่องราวทุกอย่าง กระบวนการขั้นตอนการใช้ชีวิตต่างๆ ต่างคนต่างยังต้องมีหน้าที่ดูแลครอบครัวแต่ละคนอยู่

เพราะฉะนั้นการเรียนรู้กันก็ต้องให้ความสำคัญกับคนที่เป็นครอบครัวของเราด้วย ไม่ใช่แค่คบกี้คนเดียว ผมก็ต้องรักคุณพ่อคุณแม่เขาด้วย รักลูกชายเขาด้วยครับ คุณพ่อคุณแม่ผมก็แก่ลงทุกวัน กี้ก็ต้องรักคุณพ่อคุณแม่ผมด้วย

เขาต้องดูแลซึ่งกันและกัน นั่นคือสิ่งที่เราพูดกันมากกว่า ผมคิดว่าเมื่อถึงจุดนึง ความเป็นเพื่อนกับสถานภาพที่เป็นแบบนี้ บางทีต้องใช้ความเป็นเพื่อน ไม่ชอบอะไรก็กล้าพูดกันตรงๆ ได้ กล้าที่จะเตือนในสิ่งไม่ดีและปรับปรุง"

กับครอบครัวกี้ เรียกว่าเข้ากันได้เป็นอย่างดีไหม?

"ทิกเกอร์เป็นเด็กผู้ชายที่น่ารักมาก บางอย่างตอนที่ผมเป็นเด็กเท่าเขา ผมยังปฏิบัติต่อแม่ไม่เท่าที่ทิกเกอร์ทำให้นิกกี้เลย เขาทำตามที่คุณแม่สั่งทุกอย่าง ไม่ให้คุณแม่เหนื่อย ทิกเกอร์ไม่เคยบ่นสักคำ เขาเป็นเด็กอารมณ์ดี เขาเป็นคนที่มีทาเลนต์ มีความสามารถหลายด้าน

แล้วก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกเพราะคุณแม่กี้อยู่ลาดพร้าว 18 ผมอยู่ลาดพร้าว 32 คุณแม่ก็มาเดินห้างด้วยกัน ช็อปปิ้งซุปเปอร์มาร์เก็ตเดียวกัน พอเจอกันก็คือเคยเห็นหน้ากันอยู่แล้ว"

ครอบครัวเราว่าไงบ้าง?

"คุณแม่เป็นคนที่ไม่ได้ปิดกั้นตั้งแต่เด็ก ลูกรักใครแม่ก็รักด้วยครับ เพียงแต่ว่าคุณแม่จะห่วงเรื่องการแยกเรื่องงานเรื่องส่วนตัวให้เหมาะสม แต่วันนี้เราก็โตเป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบหลายอย่าง เราอยู่ในภาวะที่โตเป็นผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ค่อยห่วงมากเท่าไหร่ครับ"

ได้พาเขาไปเจอครอบครัวรึยัง?

"เจอแล้วครับ เราก็ไปทานข้าวร่วมกันเวลาว่าง แต่ก็อาจจะไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่นัก"

ในอนาคตเรามองไหมว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป?

"ทำให้ดีที่สุดในแต่ละวัน ผมว่ามันดีที่สุดแล้วครับ แล้วในแต่ละวันเนี่ยบางทีเราก็ต้องมาทบทวนก่อนว่ามันอาจจะมีอะไรที่เราทำแล้วไม่ถึงเป้าที่เราตั้งใจไว้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมอยากให้คิดในแต่ละวันดีกว่าครับ

เพราะในแต่ละวันตัวแปรมันเยอะที่มันทำให้เกิดอะไรขึ้น ชีวิตเราไม่ได้โฟกัสเฉพาะความรักเหมือนที่ทุกคนถามแต่เรื่องความรัก ไม่ถามผมเรื่องงานเลย ยังมีหลายอย่างที่ผมต้องทำครับ"

เพื่อนๆ ในวงการแซวเยอะไหม?

"ไม่ค่อยแซวนะ ส่วนใหญ่ก็รู้จักกันหมดนะ ผมเองก็ทำงาน ว่างก็กลับไปนอน ช่วงที่ผ่านมาก็ไม่สบาย ผมทำงานค่อนข้างเยอะ โอกาสเจอเพื่อนก็มีบ้าง จะให้เฮฮาเท่าเก่าก็ไม่ไหว มันต้องมีเวลาพักเยอะๆ เพื่อให้งานที่เราทำออกมาดีครับ"

หลายคนก็สงสัยว่าก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องความรัก พอมาครั้งนี้หลายคนเลยแปลกใจที่เราพูด?

"คือผมเป็นคนไม่มีความลับอยู่แล้ว เป็นคนตอบตรงไปตรงมา ถ้าไปดูบทสัมภาษณ์เก่าๆ สิ่งที่ผมเติบโตมาเรื่อยๆ เนี่ย ผมพูดเสมอว่าอะไรที่ผมตอบได้ผมก็ตอบได้ ถ้าพี่ๆ ถามผมมาแล้วผมตอบไม่ได้ ผมก็จะบอกว่าขออนุญาตเพราะผมตอบไม่ได้จริงๆ

เพราะถ้าผมตอบได้ผมจะตอบให้ ไม่มีใครอยากให้การทำงานของเรามีปัญหาหรอก พี่ๆ ก็อยากได้ข่าวไปอัพเดตเพราะแฟนๆ อยากรู้ ผมเองอาจมีช่องว่างที่ผมต้องให้เกียรติสำหรับครอบครัว เรื่องส่วนตัว สำหรับพื้นที่เล็กๆ ของผมบ้าง ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันครับ