มีผลงานให้เห็นกันอย่างต่อเนื่องทีเดียว สำหรับ นางเอกสาว โม-มนชนก ฉายแสงเพียงเพ็ญ ซึ่งนอกจากซิทคอมเรื่อง “มือปราบกุ๊กกุ๊กกู๋” ที่กำลังออกอากาศทางช่องวัน เจ้าตัวก็ยังมีผลงานละครจ่อคิวอีก 2 เรื่องติด “ดาวต่างมุม” วันนี้เลยต้องขอตามเธอไปถึงกองถ่ายที่ “แอ็กซ์ สตูดิโอ” เพื่อพูดคุยถึงเรื่องผลงาน และข่าวคราวต่าง ๆ ที่อยากให้แฟน ๆ ทุกคนไปพิสูจน์พร้อม ๆ กันว่า ที่เขาบอกว่าเธอเป็นสาวยิ้มยาก โลกส่วนตัวสูง และไม่ค่อยจะปริปากเรื่องความรักซักเท่าไหร่นั้น จริงหรือเปล่า
ก่อนอื่นถามถึงซิทคอม “มือปราบกุ๊กกุ๊กกู๋” ที่กำลังออกอากาศ?“สำหรับ มือปราบกุ๊กกุ๊กกู๋ ถือเป็นซิทคอมเรื่องแรกเลยที่โมเล่นเต็มตัว ปกติเราจะเล่นแค่รับเชิญ พอได้มาเล่นจริง ๆ ก็สนุกค่ะ โชคดีที่ได้ทำงานกับคนที่คุ้นเคย อย่าง พี่อัคร-อัครัฐ หรือ ตูมตาม-ยุทธนา เราก็สนิทกันอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่าตอนแรก ๆ เราแอบกังวล เพราะเราไม่ใช่คนตลก ไม่ใช่คนที่เข้าใจมุกตามคนอื่นได้ แต่ก็โชคดีอีกที่คาแรกเตอร์โมในเรื่องไม่ใช่คนตลก แต่ตัวละครรอบข้างจะชวนให้ขำมากกว่า สำหรับฟีดแบ็กหลังจากออกอากาศไปแล้ว คนดูก็ชอบนะคะ เพราะในเรื่องก็จะมีสอนเรื่องศีลธรรม การช่วยเหลือคนอื่น และแทรกข้อคิดให้คนที่ดูและเด็ก ๆ ได้ซึมซับด้วย อีกอย่างโมว่าคนไทยชอบเรื่องราวแนวผี ๆ อยู่แล้วด้วยค่ะ ก็จะชอบกัน”
นอกจากซิทคอมเรื่องนี้ โมมีผลงานอะไรอีกบ้าง?“มีละครตะวันตัดบูรพาค่ะ โมรับบทเป็น “โจ” เราจะเป็นแนวสายสืบให้กับตำรวจ เลยไม่ต้องมีท่าทางทะมัดทะแมงมาก ตอนนี้เร่งถ่ายทำกันอยู่ ก็ใกล้จะออกอากาศแล้ว ประมาณ ก.ค.นี้ น่าจะได้ชมกัน จริง ๆ ตอนเด็ก ๆ โมก็ได้ดูเวอร์ชั่นเก่าบ้าง แต่จำไม่ได้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร คนจะชอบคิดว่าเล่นละครรีเมคแล้วกดดัน แต่ด้วยยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ก็อย่าไปเปรียบเทียบกันดีกว่า เพราะบทก็เปลี่ยน ตัวละครก็เปลี่ยน กล้องที่ถ่ายทำยังใช้คนละแบบเลย ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ “ซอรี่ ไอ เลิฟ ยู” เรื่องนี้จะดราม่ามาก ทราบว่าเรื่องนี้นานมากแล้ว10 กว่าปีได้มั้งคะ แต่เราก็ไม่อยากดูย้อนหลัง เพราะกลัวว่าคนจะเลียนแบบโดยไม่รู้ตัว อีกอย่างบทต่าง ๆ ก็ปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมไทยด้วย สำหรับเรื่องนี้ก็น่าจะได้ชมกันปลายปี สองเรื่องก็คนละแนวกันเลยค่ะ ส่วนตัวโมชอบทำงานหลากหลาย เลยรู้สึกดีที่เราไม่ต้องทำอะไรซ้ำซาก”
เห็นว่าตอนนี้ทำธุรกิจส่วนตัวด้วย?“โมทำร้านเสื้อพีบีเอ็ม สโตร์ (PBM_STORE) กำลังจะมีคอลเลกชั่น3แล้ว คือถามว่าเรามีความถนัดด้านแฟชั่นไหม เราเองก็ไม่ได้เรียนด้านนี้มาโดยตรง แต่เราเริ่มจากการทำเสื้อผ้าแบบที่ตัวเองชอบ อยากใส่แบบนี้ เลยลองทำดู ตอนนี้ก็ไม่ได้มีแค่ร้านของเราที่ขายออนไลน์ เรายังเอาไปฝากขายที่ร้านเอสโอเอส (SOS) ที่สยาม รวมกับไทยดีไซเนอร์แบรนด์อื่น ๆ ด้วยค่ะ เสื้อผ้าจะเป็นแนวผู้หญิงหวานหน่อย คนอาจจะไม่ค่อยเห็นโมในมุมนี้เท่าไหร่ แต่บางทีเราก็อยากใส่บ้าง นอกจากนั้นก็จะมีสูท สไตล์ที่โมชอบใส่ ก็จะช่วย ๆ กันออกแบบ เพราะมีหุ้นส่วนหลายคน ร้านนี้ก็ถือเป็นธุรกิจชิ้นแรกของโม แต่เราไม่ได้หวังว่าเราจะได้เงินจากสิ่งที่เราทำมากมาย ก็เรียนรู้กันไปค่ะ”
ตอนนี้เรียนจบแล้วด้วย เลยลุยงานเต็มที่เลย?“ใช่ค่ะ แต่จริง ๆ โมเรียนก็เหมือนไม่ได้เรียนนะคะ โมไม่ได้รู้สึกว่าการเรียนเป็นเรื่องหนักหนา คนอื่นอาจจะรู้สึกว่าการเรียนไปทำงานไปมันหนักมาก แต่โมขาดเรียนน้อยครั้งมาก แล้วเราก็สามารถถ่ายละครไปได้ด้วย เราอาจจะโชคดีที่จัดสรรเวลาดี แล้วก็เป็นเรื่องบังเอิญด้วยที่เวลาสอบก็จะไม่มีถ่ายละครพอดี ปีหน้าก็ว่าเรียนต่อปริญญาโท คือจริง ๆ เรายังไม่รู้ว่าเราชอบอะไรจริงจัง ลึก ๆ แล้วเราอยากเรียนเขียนบท อยากเรียนอักษร แต่ก็รู้สึกว่าเราจบศิลปกรรมฯมา ก็เฉพาะทางมากแล้ว เราเลยควรเรียนอะไรที่เข้าใจคนอื่นบ้าง เข้าถึงคนอื่นบ้าง ไม่อย่างนั้นเราก็จะอยู่ในสังคมเดิม ๆ ที่เราอยู่ได้แค่เนี้ย แล้วเราก็มองว่าคนอื่นคิดอะไรทำไมแปลกจัง จริง ๆ เขาไม่ได้แปลกหรอก เขาก็มีโลกของเขา เราก็มีโลกของเรา”
สุดท้ายอะไรคือสิ่งที่ภูมิใจที่สุดของโมตอนนี้?“ความภูมิใจของโม คือการที่แม่ภูมิใจในตัวโม ไม่เกี่ยวกับการที่เรามาทำงานในวงการหรือเป็นดารานะคะ คุณแม่ไม่ได้มองว่าตรงนี้คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่เลย คือเราจะทำอาชีพอะไรก็ได้ แค่เราดูแลครอบครัว ดูแลน้อง ดูแลที่บ้านให้ดี เขาก็ภูมิใจมากแล้ว”
มีคนบอกว่าโมเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง จริงไหม?“ใช่ค่ะ โมยอมรับเลยว่าเรามีโลกส่วนตัวสูง แต่การที่มีฟีดแบ็กต่าง ๆ ออกมาอย่างนี้ ทำให้เราต้องปรับตัวเยอะขึ้น กับการเป็นคนของประชาชน เพราะการที่ทำให้คนเข้าถึงยากก็ดูไม่น่ารักเท่าไหร่ ตอนแรกเราก็คิดนะคะ ว่าเราไม่ได้ทำร้ายหรือคิดร้ายกับใคร ทำไมคนจะต้องอะไรมากมายกับเรา แต่ตอนนี้เราคงต้องปรับตัว ส่วนแฟนคลับโมเขาก็จะเข้าใจมาก ๆ เข้าใจที่โมเป็นแบบนี้ เรื่อย ๆ ง่าย ๆ ไม่ยุ่งกับใคร อยู่ในโลกของเรา”
ล่าสุดมีเรื่องเข้าใจผิดกับ อ๊อฟ-ปองศักดิ์ ได้เคลียร์กันหรือยัง?“โมถือคติเลยว่าโมไม่เคยคิดร้ายกับใคร ส่วนอะไรที่มันผ่านเข้ามาเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ตอนแรกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเรา เราก็...อ้าว โมเหรอ โมไปทำอะไร ตอนไหน แต่พอรู้ว่าเป็นเรา เราก็คิดว่าตอนนั้นเราอาจจะไม่รู้ตัว เราอาจจะไม่เห็นเพราะว่าคนก็เยอะด้วย เลยไม่ได้ยกมือสวัสดี โมก็คุยกับผู้ใหญ่ว่าเราก็ควรไปขอโทษเขาด้วยความที่เราเป็นเด็ก เคลียร์กันไปเลยดีกว่า เพราะเราก็ไม่เคยมีกรณีก่อนหน้านี้ ก็ให้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สอนเรา”
ข่าวนี้ทำให้เราเครียดไหม?“โมไม่ได้เครียดขนาดนั้น โมเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับความทุกข์นาน เราก็มองบวกไปว่าเป็นอีกเรื่องที่สอนเราไง ส่วนตัวพื้นฐานเราไม่ใช่เป็นคนที่คิดไม่ดีกับคนอื่นอยู่แล้ว ก็พยายามยิ้มให้มากขึ้น แล้วก็จะพยายามใส่คอนแทคเลนส์เพราะปกติเราไม่ค่อยใส่คอนแทคเลนส์ แต่มันไม่ใช่ข้ออ้างที่มนุษย์ทุกคนจะเข้าใจ”
แล้วเรื่องความรักกับ บี้ เดอะสตาร์ ล่ะ เป็นไงบ้าง?“ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือหวือหวาเลยค่ะ เราก็อยู่เฉย ๆง่าย ๆ ทุกวันนี้ก็สนิทกันเหมือนเดิมเลย จริง ๆ โมเป็นคนไม่ค่อยพูดเรื่องความรัก ที่ไม่ค่อยพูดเพราะว่าเราอยากรอให้มั่นใจก่อน เพราะโดยส่วนตัวโมไม่อยากพูดว่ารัก พอเลิกกันแล้วก็ต้องมาพูดอีกค่ะ เราเลยไม่อยากให้คนโฟกัสตรงนี้”
คนมองว่าโมกับบี้เป็นคู่รักปากแข็ง?“โมว่าเราไม่มีอะไรให้พูดมากกว่า แล้วเราก็ไม่ใช่คู่รักอะไรด้วย ก็สนิทกันเหมือนเดิม พี่เขาเป็นคนที่สอนอะไรในชีวิตโมเยอะมาก เขาเป็นคนมีหลักการในการดำเนินชีวิตที่ดีทีเดียว เขามีมุมมองในชีวิตที่โอเค อาจจะเพราะว่าเขาโตกว่าเยอะด้วย เราเลยได้เรียนรู้อะไรมากกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน”
คุณพ่อคุณแม่โอเคกับบี้ไหม?“คุณแม่ไม่เคยโอเค หรือไม่โอเคกับใครเลยนะคะ แม่ไม่ค่อยยุ่งค่ะ เขาให้เราเรียนรู้ด้วยตัวเองว่าอะไรเป็นอย่างไร ส่วนคุณพ่อจะหวงนิดหน่อย จะดูอยู่ห่าง ๆ มากกว่า แต่ก็ไม่ได้หยุด ว่าห้ามคบ ไม่ได้ขนาดนั้น”
อย่างล่าสุดไปอเมริกา ได้เจอ บี้ ไหม?“โมไปเที่ยวหลายเมืองมากเลย ไปประมาณ 15 วันค่ะ ได้เจอทั้งพี่บี้ และ พี่ บอย-ถกลเกียรติ มีโอกาสไปดูละครเวที “วอเตอร์ฟอลล์ เดอะ มิวสิคัล” ที่ลอสแอนเจลิสด้วย โมมองว่าเป็นสิ่งที่เราควรทำ เพราะละครเวทีที่เป็นเรื่องราวของคนไทย เป็นสิ่งที่คนไทยทำ ในเรื่องมีจุดให้เราได้คิดเยอะมากแล้ว โมไปดูมา 2 รอบ ก็มีฝรั่งไปดูเยอะมาก คนก็เต็มทั้งสองรอบเลย แต่เนื้อเรื่องจะมีอะไรบางอย่างที่ปรับเปลี่ยนจากเวอร์ชั่นไทยไปบ้าง เพื่อจูนให้ตรงกับสิ่งที่ฝรั่งจะเข้าใจ ส่วนฝีมือการแสดงพี่บี้ เขาเป็นคนเล่นดีละครเวทีหรือละครทีวีดีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องภาษาไม่ค่อยเป็นอุปสรรค เพราะพี่เขาก็เก่งอยู่แล้ว แต่โมไม่แน่ใจว่าจะแสดงอีกนานเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยได้คุยเรื่องงานกันเลย เป็นเรื่องเครียด มีเวลาก็คุยเรื่องไร้สาระเฮฮาดีกว่า กับพี่บี้ไปที่โน่น โมก็เจอบ้าง แต่เจอไม่บ่อย เพราะว่าโมก็ไปเที่ยวของโมมากกว่า”
ทุกวันนี้ยังมีคนเข้ามาจีบอีกไหม?“โมไม่มีคนมาจีบนานแล้ว เพราะว่าเราด้วยหน้าที่การงานเราไม่ค่อยเจอใคร ในกองถ่ายก็มีกันอยู่แค่นี้ ไม่ได้เจอสังคมใหม่ ๆ อ๋อ...แต่ล่าสุดไปเมืองนอก มีฝรั่งมาจีบนะคะขำมาก เขามาจีบเราที่ชายหาด แต่โมก็บอกว่าขอโทษนะคะพอดีโมแต่งงานแล้ว เราก็เล่นมุกนี้เลย เพราะขี้เกียจคุยเยอะ เขาก็บอกว่าคุณดูเด็กมาก ไม่น่าที่จะแต่งงานแล้ว เราก็บอกว่าจริง ๆ เราอายุ 28 ปีแล้ว แต่อาจจะดูเด็ก เพราะเป็นคนเอเชีย (หัวเราะ)”
มุมมองความรักของโม ทุกวันนี้เป็นยังไงบ้าง?“ตอนเด็ก ๆ อายุ 17-18 ปีเราเคยวางแผนชีวิตเลยนะ ว่าจะต้องแต่งงานตอนอายุ 25 ปี ผู้ชายที่เราชอบสเปกแบบนี้ ๆ ไม่อยากมีลูกช้า แต่พอมาถึงตอนนี้ ปีหน้าโมจะอายุ 25 ปี แล้วนะ ในความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบที่เราเคยคิดเลย ทุกวันนี้เราอยากเจอคนที่คุยกันรู้เรื่อง ที่ไม่ต้องหล่อ หรือรวย หรือตี๋ ขาว แค่คุยกันรู้เรื่องก็พอ แล้วพอมาถึงตอนนี้ก็ไม่อยากมีลูกแล้ว เพราะขนาดเรายังขนาดนี้เลย แล้วลูกเราจะเป็นขนาดไหน โมรู้สึกว่าโมสอนใครไม่ได้ เพราะสิ่งที่แม่สอนเราบางทีเรายังไม่ฟังเลย แล้วกว่าที่เราจะคิดได้ด้วยตัวเองทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเราโดนสอนมานะ แต่เราคิดได้เอง แล้วถึงวันนั้นถ้ามีลูก ลูกเราจะคิดได้หรือเปล่าไม่รู้”
ดูเป็นคนเฉยชาเรื่องความรักเหมือนกันนะ?“โมคงใช้ชีวิตแบบนี้มานานจนไม่รู้ว่าอะไรคืออะไรแล้ว โมยอมรับว่าบางทีมันก็ทำให้โมเป็นคนเฉยชานะ เพราะแม่เคยบอกโมว่าคนเราต้องมีความรัก เพราะจะมีความรู้สึกแฮปปี้ กระชุ่มกระชวย แต่โมไม่มีความรู้สึกนี้นานแล้ว ป๊อปปี้เลิฟนานมากแล้ว บางทีก็กระทบกับการเล่นละครเหมือนกันนะคะ ว่าทำไมเราไม่รู้สึกรักคน ๆ นี้เพราะว่าอะไร ก็ต้องดึงเอาความรู้สึกอื่น ๆ เข้ามาช่วยบ้าง”
โมมีคติที่ใช้ในการดำเนินชีวิตไหม?“จริง ๆ ไม่มีตายตัวนะคะ แต่โมคิดตลอดว่าทุกวันนี้แค่เราทำหน้าที่ของเราให้ดี และไม่เดือดร้อนคนอื่นก็พอแล้วค่ะ”
เราเชื่อว่าวันนี้หลาย ๆ คนคงจะได้รู้จักและเข้าใจตัวตนสาวโมมากขึ้น ถึงแม้เธอจะออกปากว่าเธอเป็นคนโลกส่วนตัวสูง แต่เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดบวก และไม่เคยคิดร้ายกับใครเลย...
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012