Inside Dara
"ชมพู่"รื้อระบบชีวิตใหม่ จัดให้สมดุล-กลัวเป็นหุ่นยนต์

ถึงจะเข้าวงการมา 14 ปี ย่างเข้าสู่ปีที่ 15 แล้ว แต่นางเอกสาว ′ชมพู่′อารยา เอ.ฮาร์เก็ต ก็ยังฮอตไม่สร่าง มีงานมะรุมมะตุ้มไม่ขาดมือ

ล่าสุดกับหนัง "คุณนายโฮ" ที่ลงโรง กับละคร "คุณสามี (กำมะลอ) ที่รัก" ที่กำลังออกอากาศทางช่อง 3 แถมยังมีคิวงานอีกเป็นกระตั้ก

ฮอตฮิตซะขนาดนี้ เลยพลาดไม่ได้ที่จะพูดคุย
กับหนัง "คุณนายโฮ" ทำไมถึงตัดสินใจรับเล่น

ชมพู่ - "อ่านบทแล้วชอบ อยากเล่น แนวเรื่องเป็นคอมเมดี้น่ารักดี เป็นแนวผู้หญิงๆ เหมือนการ์ตูนผู้หญิง เป็นตลกดราม่า แต่มันจะตลกทุกซีน(หัวเราะ) ดราม่าแบบเกินจริงเว่อร์ๆ"

"เรื่องนี้ต้องใส่วิกผมหน้าม้าทรงกะลาครอบ เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ตัวเราเลย ก็ปล่อยให้สไตลิสต์จัดการ ชุดแส็ก ปกบัว สีพาสเทล รองเท้าผ้าใบ พอออกมามันดูเป็นโฮจริงๆ ชมว่ามันสำคัญนะในการจะสร้างใครสักคนให้เป็นใครอีกคนขึ้นมา"

พอมาเล่นคอมเมดี้แบบจริงจัง ปรับตัวเองเยอะหรือเปล่า

ชมพู่ - "ปรับเยอะ ล้างไพ่เลย ตอนแรกที่อ่านก็แอบหนักใจ คือในบทร้องไห้เยอะมากๆ แต่ร้องไห้แบบตลกๆ ความรู้สึกจะขึ้นๆ ลงๆ ตลอด เหนื่อยมากๆ (หัวเราะ) ถ่ายทำเป็นชั่วโมง ซึ่งเวลาเล่นละครเจอฉากดราม่าเราดึงของเราได้เลย ประโยคนี้เป็นของเรา อยากขยี้ตรงคำไหนทำได้หมด มีอิสระดีไซน์ แต่พอเป็นหนังและยิ่งเป็นคอมเมดี้มันจะมีจังหวะของมันที่ต้องให้ลงพอดี หลายอย่างมากๆ ยิ่งทำให้เราเครียดและรู้สึกว่ายากมาก แต่ในที่สุดก็ผ่านไปได้ค่ะ"

นอกจากหนัง "คุณนายโฮ" ยังมีละคร "คุณสามีกำมะลอที่รัก" ที่กำลังออกอากาศ

ชมพู่ - "ก็แปลกดีนะ เพราะเป็นคนละบทบาทกันเลย ในละครบทจะเป็นผู้หญิงเก่ง มั่น เป็นผู้หญิงทำงานก็ตรงกับชมในบางจุด แต่ไม่ทั้งหมด เพราะชมไม่ใช่คนที่แข็งเท่านางเอก ในเรื่องนางเอกเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทขายเครื่องสำอาง เป็นผู้หญิงบ้างาน รักครอบครัว และอยากพิสูจน์ตัวเองให้พ่อแม่ภูมิใจด้วยความเจริญก้าวหน้าในงาน"

"พอเรื่องความรักได้เจอผู้ชายที่คิดว่าโอเคก็จะแต่งงานกับเขาโดยไม่รัก แต่สุดท้ายเกิดเหตุการณ์ในวันแต่งว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ และเผอิญมีเรื่องเข้ามาเลยไปจับพระเอกคือโฬม-พัชฏะ มาเล่นละครเป็นแฟนเรา เหมือนตกกระไดพลอยโจน เรื่องนี้เจอโฬม-พัชฏะ อีกครั้ง เข้ากันได้ดี บทเขาหล่อค่ะ เป็นผู้ชายในฝันแสนดี"

ปีที่ผ่านมาดูทำงานหนักมากๆ

ชมพู่ - "ถือเป็นปีแห่งการไถนา(หัวเราะ) จริงๆ ไม่ตั้งใจว่าจะเอาปริมาณอะไรมากมาย เพียงแต่มีโอกาสและอะไรเข้ามาที่เรารู้สึกว่าอยากทำมากก็แค่นั้น ตั้งแต่ละครเวที ′เรยา เดอะมิวสิคัล′ ตอนแรกนึกว่าจบละครเวทีแล้วจะไม่มีอะไร แต่ดันมีคอนเสิร์ตพี่เบิร์ด-ธงไชย กับหนัง ′คุณนายโฮ′ เข้ามา เราก็คิดว่าแย่แล้ว แต่อยากทำอ่ะ(หัวเราะ) ก็เลยทำ ก็มีเวลาช่วงปลายปีนิดหน่อยที่พอทำได้ และคิวก็เต็มแน่น 7 วันเอี้ยดเลยค่ะ"

ทำงานหนักถือว่าคุ้มค่าไหม

ชมพู่ - "ก็คุ้มนะ โอเค นะ แต่ปีนี้คิดว่าจะจัดการชีวิตให้ดีกว่าปีที่แล้ว ให้เวลาตัวเองมากขึ้น จัดวางชีวิตให้บาลานซ์ เริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพ ออกกำลังกายให้มากขึ้น อาจเล่นโยคะ ต่อยมวย ฟิตเนส ที่ผ่านมาไม่ได้ออกกำลังกายเลย ทุกวันนี้ตารางงานเต็มเอี้ยด ชมกำลังมองเห็นแนวโน้มในอนาคตที่เรากำลังจะกลายเป็นหุ่นยนต์ก็เลยคิดว่าต้องปรับชีวิตตัวเองแล้ว เพราะเราไม่ได้เอ็นจอยกับสิ่งที่เราหามาได้ แล้วจะทำไปทำไม"

"จุดที่ทำให้เริ่มคิด เรื่องวัยที่เพิ่มขึ้นก็มีส่วน และคุณพ่อป่วยยิ่งทำให้เริ่มคิด อีกอย่างคิดว่าเราจำเป็นหรือเปล่าที่ต้องเหนื่อยขนาดนั้น ทุกวันนี้ที่รับงานเยอะก็อำตัวเองตลอดว่าเราผ่อนเครื่องซักผ้าอยู่(หัวเราะ) ทำงานเหมือนร้อนเงิน สู้เอาเวลาไปทำอะไรที่เรารักให้ตัวเองบ้าง ต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่"

แสดงว่าเงินไม่สำคัญกับเราเสมอไป

ชมพู่ - "เรื่องเงินยังสำคัญอยู่นะ แต่อย่างอื่นก็สำคัญด้วย อย่างช่วงที่ผ่านมายุ่งมากๆ เสื้อผ้ามีเต็มตู้เลย ไม่มีเวลาไปช็อปปิ้งนะ แต่ทางร้านส่งวอตส์แอพมา เราซื้อระบบออนไลน์ บางร้านส่งมาให้เลือก เอาเครื่องบัตรเครดิตมารูดให้ถึงบ้านเลย เพราะเราไม่มีเวลา ซื้อเสื้อผ้าเยอะมากแต่ไม่ได้ใส่เพราะไม่มีเวลาจะใส่ ซึ่งจริงๆ ชมเป็นคนชอบแต่งตัวมากๆ กลายเป็นว่าไม่มีเวลามาเอ็นจอยกับคอลเล็กชั่นใหม่กับของใหม่ที่เราได้มา แล้วแบบนี้เราจะทำงานหนักไปเพื่ออะไร"

เหมือนเริ่มกลัวแล้วใช่หรือเปล่า จากการเห็นตัวอย่างหลายๆ คนที่ทำงานหนักๆ แล้วไม่ทันได้ใช้เงินก็ต้องมาล้มป่วยลง

ชมพู่ - "ถูกค่ะ อย่างทุกวันนี้เราทำงานหนักแล้วกินอะไร ก็กินข้าวกองถ่ายน้ำพริกปลาร้า หมูทอด โอเค มันอร่อย แต่เราก็อยากไปนั่งตามร้านอาหารเก๋ๆ กับแฟน แต่งตัวสวยๆ บ้าง แต่ไม่มีเวลาเลย อย่างวันเกิดปีที่แล้ว ทั้งของชมกับคุณน็อต(วิศรุต) เราไม่ได้กินข้าวด้วยกัน ทำงานตลอด ยังโชคดีที่คุณน็อตไม่งอแงและเข้าใจว่าตารางงานเราหนักแบบนรก มากๆ(หัวเราะ) และเขาก็เข้าใจว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ดีของเรา แต่เราคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องรับงานหนักขนาดนั้นไหม ต้องมานั่งคุยเรื่องการจัดตารางงานใหม่ แต่ ณ เวลานี้ก็มีละครแล้ว 3 เรื่องปีนี้ มี ทรายสีเพลิง, บุพเพสันนิวาส และกลรักสตรอว์เบอร์รี่"

ณ วันนี้มีนางเอกน้องๆ รุ่นใหม่เข้ามามาก มีผลกับตัวเองเยอะหรือเปล่า

ชมพู่ - "ถ้าเด็กๆ เขาก็อยู่พาร์ตเด็กๆ ถ้ามองเราเป็นสินค้าเราก็คงเป็นสินค้าอีกทาร์เก็ตหนึ่ง งานที่มาถึงเราก็คงเป็นงานอีกแบบหนึ่งที่ไม่ใช่งานจะมาแย่งกับน้องๆ"

อายุงานมากขึ้น บทต่างๆ ก็ต้องยากขึ้น

ชมพู่ - "ต่อให้สังคมไม่กำหนดว่าเราต้องเก่งขึ้น แต่ตัวเราต้องรู้ตัวว่าถ้าเราไม่คิดจะพัฒนาฝีมือตัวเราเอง มันก็อายตัวเองนะ ตอนนี้ก็เร่งพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุดค่ะ"

"อยู่วงการบันเทิงมา 14 ปี ย่างเข้าปีที่ 15 เวลาผ่านไปไวมากๆ มาตอนนี้สัญญาที่เซ็นกับช่อง 3 รอบสองใกล้หมดแล้ว สัญญาใหม่ของชมเริ่มเซ็นตอนเล่น ′ต้มยำลำซิ่ง′ แล้วก็มาต่อเรื่อง รักคุณเท่าฟ้า, หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ, คุณสามี (กำมะลอ) ที่รัก, ทรายสีเพลิง, บุพเพสันนิวาส และ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ชมเซ็นไว้ 3 ปี ในสัญญาระบุว่าต้องเล่นละครให้ได้จำนวนตอน 150 ตอน ซึ่งถ้าเราเล่น 3 เรื่องหลัง ก็เท่ากับเราใช้หนี้ช่องตามเวลาในเวลาครึ่งเดียวที่เซ็นสัญญาไว้ค่ะ ซึ่งสัญญาชมจะหมดปีขึ้นปีค่ะ"

ตอนนี้สุขภาพพ่อที่ป่วยเป็นอย่างไร

ชมพู่ - "ตอนนี้อยู่ในระดับที่น่าพอใจพอสมควร พ่อเป็นมะเร็งที่ปลายลำไส้ใหญ่ ตัดออกไปก้อนเบ้อเร่อ ตัดทวารด้วย ตอนตัดออกไปหมอสงสัยที่ต่อมน้ำเหลือง ก็ตัดไปดูมันแข็งๆ กระด้างๆ ไปตรวจปรากฏมันอยู่ที่ต่อมน้ำเหลือง และเจอว่ากำลังจะแพร่ไปที่ปอด มีเชื้อมะเร็งในเสมหะ พอทางร.พ.บอกว่าเป็นมะเร็งในขั้นที่ 4 ปุ๊บ เราไม่ทำคีโมและไม่ได้ฉายแสง เขาไม่แนะนำให้ทำเพราะเป็นระยะแพร่กระจาย เราใช้แพทย์ทางเลือก ล่าสุดไปตรวจมะเร็งก็ไม่แพร่และน้ำหนักพ่อเพิ่มขึ้น แข็งแรง สุขภาพดีขึ้น"

ท้อหรือเปล่าทำงานหนักขนาดนี้

ชมพู่ - "ไม่ท้อหรอกค่ะ เราโชคดีด้วยซ้ำที่มีโอกาส ลองคิดดูถ้าเราไม่ได้เป็นนักแสดง ไม่มีเงิน แล้วพ่อป่วยแบบนี้จะทำอย่างไร ดีใจที่มีโอกาสได้ทำสิ่งนี้ค่ะ ยอมรับตอนที่เหนื่อยก็มีร้องไห้กับตัวเองบ้าง จะไม่ร้องกับพ่อแม่ แต่มีอยู่วันหนึ่งคุณหมอที่ดูแลคุณพ่อถามชมว่าร้องไห้หรือยัง ถ้าร้องแล้วถึงจะเล่าให้ฟัง เขาคิดว่าชมไม่มีหัวใจเพราะไม่เคยเห็นเราร้องไห้(หัวเราะ)"

มาวันนี้พอใจมากน้อยแค่ไหนกับตัวเอง

ชมพู่ - "แฮปปี้กับชีวิตทุกวันค่ะ อย่าง 1 ปี ที่ผ่านมา จุดที่บกพร่องในตัวเองคือชีวิตยังไม่บาลานซ์เท่าที่ควร แต่ก็ไม่ถึงกับเครียด ในเมื่อมันยุ่งขนาดนี้เราก็อยู่กับมันให้ได้ ก็ตั้งใจว่าปีนี้จะจัดตารางชีวิตใหม่และเริ่มมองเห็นแนวทางแล้วว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตบาลานซ์ขึ้น"

มาวันนี้วางอนาคตตัวเองอย่างไรบ้าง

ชมพู่ - "ก็ทำสิ่งที่เราทำให้ดีที่สุด วันนี้มองย้อนกลับไปเราก็พอใจกับทุกสเต็ปที่ผ่านมา มันมีวันที่เราเคยไม่เข้าใจบ้าง ซึ่งความที่เราไม่เข้าใจนั่นแหละที่ทำให้เราเป็นทุกข์ แต่พอเราอยู่อย่างเข้าใจก็พาตัวเองออกมาจากความทุกข์ได้ ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นบทเรียนที่ดี และเราก็ไม่เคยวางว่าจะเกษียณตัวเองตอนไหนค่ะ"

′ชมพู่-น็อต′คู่สร้าง-ต่างพากันดีขึ้น

คบกับแฟนหนุ่ม ′น็อต′วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์ มา 4 ปีโดยสาว ′ชมพู่-อารยา′ เผยถึงความรัก ณ วันนี้ว่า "แฮปปี้ดีค่ะ กลมกลืนและบาลานซ์กับ ชีวิตพาร์ต อื่นๆ ของเรา ไปด้วยกันได้ ตัวคุณน็อตก็ส่งเสริมและสนับสนุนเราในเรื่องงาน เพราะเขารู้ว่าเรากำลังไปได้ดีก็ให้เราอยู่ตรงนี้ไปก่อน"

มีคุยเรื่องอนาคตกันบ้างหรือยัง "ไม่ใช่ปีนี้แน่ๆ ค่ะ เขายังเห็นเราเอ็นจอยกับงานอยู่ค่ะ"

รอให้พ่อน็อตหายป่วยก่อนหรือเปล่า ชมพู่กล่าวว่า "ป๊าเขาก็แข็งแรงขึ้นเหมือนกันค่ะ พอทุกคนสุขภาพดีขึ้นก็จะไม่มากดดันอะไรเรามาก ตอนนี้ก็ไปกันเรื่อยๆ คบกันมา 4 ปีก็เข้าใจกันมากขึ้น แทบจะไม่มีอะไรที่เราไม่เข้าใจกันแล้วล่ะ ต่อให้ไม่เข้าใจก็เคลียร์ได้จนเข้าใจค่ะ"

′น็อต′ ค่อนข้างใจร้อนเขาปรับให้เราเยอะเหมือนกันใช่หรือเปล่า "ชมว่าคุณน็อตเย็นลง คุณแม่เขาก็บอกว่าคุณน็อตใจเย็นลง มันอาจจะไม่ใช่เพราะเราทั้งหมด แต่ชมว่าเขามีโฟกัสที่ค่อนข้างจะชัดมากตอนนี้ว่าเขาจะทำอะไร ช่วง 1-2 ปีเป้าหมายเขาอาจยังไม่ชัด มาตอนนี้เขาอาจรู้ว่าจะเอาอย่างไรและจะเดินทางไหน พอมีเป้าหมายที่ชัด เขาก็จะมุ่งมั่น ผ่อนคลายมากขึ้น ที่สำคัญโตขึ้นด้วยล่ะ"

เป็นเพราะเขาบวชเรียนแล้วด้วยหรือเปล่าทำให้ใจเย็นลง "ถ้าถามชม เราว่าไม่มีผลเท่าไหร่(หัวเราะ) มันเป็นเพราะตัวเขาเองมากกว่า ถ้าเชื่อเรื่องบาปบุญ หรือกฎแห่งกรรม พอเขาบวชแล้วสุขภาพคุณพ่อเขาก็ดีขึ้น สำหรับคุณพ่อชมก็เจออะไรดีๆ ที่เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ จะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เราเชื่อเพราะตอนที่คุณน็อตบวช คุณพ่อชมไปร่วมปลงผมเพราะชมเป็นผู้หญิงบวชให้พ่อไม่ได้ คุณน็อตก็เหมือนเป็นลูกชายพ่อคนหนึ่ง บวชให้ก็เหมือนเป็นอานิสงส์ทำให้พ่อชมดีขึ้น"

เหมือนคู่ ′ชมพู่-น็อต′ เป็นคู่สร้างได้หรือเปล่า "ไม่รู้เหมือนกัน ต้องดูอนาคตกันต่อไป แต่เคยมีหมอดูบอกชมว่าคนเราเป็นคู่แท้หรือไม่ใช่ ดูไม่ยาก ไม่ต้องให้หมอคนไหนมาดูให้หรอก แค่ดูว่าคบกันแล้วพาให้ชีวิตดีขึ้นหรือเปล่า แต่เราก็คิดว่าจริง เพราะตั้งแต่เรามีเขา ชีวิตเราก็ดีขึ้น ไม่ได้ฉุดรั้งกัน เราดีขึ้น เขาก็ดีขึ้น ก็คงใช่มั้ง(หัวเราะ)"

รู้สึกอย่างไรที่คนมองว่าเราเป็นว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรดของครอบครัว ′น็อต′ ดาราสาวหัวเราะก่อนกล่าวว่า "ก็โอเคค่ะ มันก็ราบเรียบและราบรื่นดี(หัวเราะ) ผู้ใหญ่ก็น่ารักกับเรา เราก็รับรู้ว่าเขาเอ็นดูและโอเคกับเรา เราก็แฮปปี้ ถ้าถามว่าตอนนี้ทุกอย่างลงตัวหมดหรือยัง ไม่ถึงกับลงตัวมาก มันก็มีวันขรุขระบ้าง ชีวิตไม่ได้เดินบนกลีบกุหลาบทุกวัน แต่โดยภาพรวมก็โอเค"

แสดงว่าถ้า ′ชมพู่′ จะแต่งงาน วันนั้นคือหันหลังให้กับวงการบันเทิงแล้วใช่หรือเปล่า "ชมไม่ได้คิดว่าต้องหันหลัง คือถ้าให้เราไปช่วยธุรกิจบ้านคุณน็อตแบบเต็มตัวคงไม่ใช่ค่ะ เรา ไม่ถนัดด้านนี้และชมไม่ได้โตมากับอะไรที่ เป็นอุตสาหกรรม คุณน็อตเองก็ไม่ได้แสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการให้เรามาทำตรงนี้ เราก็คงทำอะไรที่เรารักอยู่บ้าง แต่จะมากเท่าเดิมคงไม่ใช่"

"เพราะพอผู้หญิงแต่งงานแล้วอันดับหนึ่งที่ต้องคิดคือครอบครัว ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาเราเข้าบ้านเขาทำไม ก็ขอเวลาอีกนิดนึงแล้วกันค่ะ"