Inside Dara
'ผู้ชายสีเบจ'

เคยคิดนะคะว่า ถ้าต้องเกิดเป็นผู้ชาย จะเป็นผู้ชายประมาณไหน...

ได้พบเจอผู้ชายมามากมายหลากหลายอาชีพ เรียกว่าตั้งแต่พระเอกแนวหน้ายันช่างไฟ ไปจนถึงผู้ชายผูกไทใส่สูท มีธุรกิจพันล้าน วนมาที่ผู้ชายที่กลายมาเป็นลูกสาวต่างๆ แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่ทำให้หญิงยศรู้สึกว่า... เออ ถ้าฉันเป็นผู้ชาย คงจะคล้ายๆ กับคนคนนี้แหละ จนเมื่อวันก่อน ผู้ชายชื่อ ฌอห์ณ จินดาโชติ ก็เดินเข้ามาที่บ้านหญิงยศ ได้ยินชื่อของเด็กผู้ชายคนนี้มานาน และส่วนมากก็เป็นแนวสรรเสริญว่าดีมาก ผู้ชายดีๆ ยังมีอยู่จริง ละเอียดอ่อน มีความคิด เข้าอกเข้าใจ สุภาพ หล่อ ดี ดีมากกกกกกก เกินจริง!! คิดในใจว่า มันจะอะไรกันนักหนา(วะ) อยากจะขอเจอหน้าจังๆ สักทีให้หายข้องใจ แต่ยังไม่ทันได้เจอก็ได้ข่าวมาว่า ฌอห์ณออกหนังสือมาเล่มหนึ่ง ฝากมาให้หญิงยศด้วย น้องเซ็นหนังสือถึงพี่หญิงยศว่า “ผมมาบ้านนี้หลายครั้ง แต่ทุกครั้งไม่เคยเจอพี่เลย แต่มักจะได้ยินว่าพี่ใจดีแค่ไหน...” เออนะ เข้าใจเขียน เกือบตกหลุมรัก เอ๊ย หลุมพรางไปอีกคนละ เดี๋ยวๆ เอางี้ อย่าผลีผลาม ตัดสินใจว่าขอเชิญมาเป็นแขกรับเชิญในรายการเสียหน่อย ได้คุยกันเต็มๆ คืนก่อนหน้าที่ฌอห์ณจะมาเป็นแขกรับเชิญ หญิงยศอ่านหนังสือ “Present Perfect เพราะวันนี้... ดีที่สุดแล้ว” จบภายในรวดเดียวอย่างรวดเร็ว ปิดหนังสือแล้วยกมือทาบอก อุทานออกมาเบาๆ ว่า “อุ๊ต่ะ” ...

เช้าวันต่อมา ฌอห์ณ จินดาโชติ เดินเข้ามาในบ้านในสภาพง่วงงุน ด้วยความที่บ้านไกล นางรีบออกจนมาถึงก่อนเวลานัดเกือบชั่วโมง หญิงยศยังซดกาแฟเรียกสติอยู่เลย หน้ายังไม่ได้แต่ง ได้แต่บอกน้องว่า ตามสบาย ฌอห์ณทำตามอย่างว่าง่ายด้วยการทิ้งร่างจมลงในโซฟาดูดวิญญาณแล้วหมดสติไป... โถ พ่อคุณเอ๊ย เลี้ยงง่ายดีแท้ จนถึงเวลาสัมภาษณ์ เราลงนั่งกันที่โซฟาแล้วก็พูดคุยถึงความคิดและความสุขของฌอห์ณ เหมือนเจอเนื้อคู่นะคะ ไม่ใช่เนื้อคู่ที่จะเอามาสืบพันธุ์หรอกค่ะ อย่าเพิ่งตกใจ แต่เหมือนเห็นบางส่วนของตัวเองผ่านเด็กผู้ชายคนนี้ เริ่มจากหญิงยศเป็นพี่สาวคนโตที่มีน้องชายและสนิทกันมาก ฌอห์ณเองก็มีพี่สาวที่สนิทกันมาก เราเข้าใจความผูกพันของพี่น้องที่เป็นที่สุดของชีวิต และสิ่งที่หญิงยศประทับใจคือ ฌอห์ณบอกว่า ตัวเองเป็นผู้ชายสีเบจ น้องบอกว่าเขาไม่ได้โดดเด่นสะดุดตา แต่อยู่ได้กับทุกสี สีเบจเป็นสีที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ ไม่ค่อยมีใครบอกว่าสีเบจเป็นสีโปรด “พี่ชอบสีเบจ” หญิงยศบอกออกไป เพราะเป็นสีที่ชอบที่สุดจริงๆ ตื่นเต้นด้วยที่เจอคนชอบสีเบจเหมือนกัน

แต่ชอบมากกว่าตรงคำอธิบายของฌอห์ณว่า “สีเบจถึงจะไม่สะดุดตา แต่มันกลมกลืนกับทุกสี และยังช่วยให้สีที่มาอยู่ด้วย กลมกล่อมมากขึ้น เช่นถ้าสีเบจไปอยู่กับสีแดง สีแดงนั้นก็จะมีความนวลมากขึ้น ไม่ร้อนแรงจนเกินไปนัก” ตบเข่าฉาด แหม่!!! จบละ... เสร็จมัน ดีใจที่เจอเด็กรุ่นใหม่คนนี้ เด็กที่มีความคิดว่า เขาไม่ต้องโดดเด่นสะดุดตามากที่สุดก็ได้ เด็กผู้ชายที่พร้อมจะเป็นสีพื้นรองรับสีอื่นๆ ที่แข่งขันกันอวดแสงสีตกกระทบให้วูบวาบมากมาย นั่งคุยกับน้องไปเรื่อยๆ

จนถึงคำถามสุดท้าย “ความสุขของฌอห์ณคืออะไร” น้องยิ้มๆ แล้วกำมือขึ้นมา บอกว่าความสุขเหมือนอยู่ในมือที่กำไว้ กำแน่นไปก็ไม่ดี คลายมากไปก็หลุด แต่ความสุขมันน่าจะอยู่ในมือที่กำแบบสบายๆ พร้อมจะส่งต่อให้มืออีกมือหนึ่งไปเรื่อยๆ แล้ว ”ความสุข” ก็จะกลายเป็น “ห่วงโซ่ความสุข” ที่ส่งต่อและขยายใหญ่ไปเรื่อยๆ หยิงยศถึงกับหลุดปากออกมาว่า “หล่อเกินไปมากกกก” หางตาเหลือบเห็นชะนีน้อยทีมงานทั้งหลายละลายสลายไปกับพื้น... แต่เชื่อไหมคะว่า ประโยคเดียวกันนี้เป็นคนอื่นพูดอาจไม่หล่อ เพราะมันอาจผ่านกระบวนการคิดที่ประดิษฐ์มากจนเกินไป แต่คราวนี้มันหล่อเพราะคนพูดหมายความตามนั้นจริงๆ ถ้าคนพูดเป็นสีแสดจ้าหรือฟ้าหม่นเราก็จะไม่เชื่อ แต่เมื่อมันผ่านออกมาจากปากและใจของผู้ชายสีเบจคนนี้ เรากลับเชื่อว่า ห่วงโซ่ความสุขอันนี้มันคือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ...

โอเค... ฌอห์ณ พี่ยอม พี่เชื่อละว่า... ผู้ชายดีๆ สีเบจมันยังมีอยู่จริงๆ