Inside Dara
7 ปีบนเส้นทางที่ยาวไกลเดินต่อไปอย่างมั่นใจกับ‘อ๋อม’

หลายปีที่ผ่านมาถือว่าชื่อของ “อ๋อม” อรรคพันธ์ นะมาตร์ กลายเป็นพระเอกแถวหน้าของช่อง 7 ล่าสุดกับ “อตีตา” ละครฟอร์มยักษ์ ที่ใช้เวลาในการถ่ายทำกว่า 3 ปี บันเทิง "คมชัดลึก” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษเปิดเผยทัศนคติในการใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้

ละครเรื่อง “อตีตา” ถ่ายทำนาน และอุปสรรคเยอะ

ใช่ ต้องบอกว่าอุปสรรคในการถ่ายทำเยอะ ทั้งเรื่องของโลเกชั่น บทละคร คิวนักแสดง หรือคิวบู๊ แต่ต้องบอกว่า บท “เมืองใจ” เป็นนักรบสมัยโบราณที่ยิ่งใหญ่ เสมือนตัวแทนของวีรบุรุษไทยสมัยก่อน ที่ยอมสละชีพเพื่อแผ่นดิน ยอมแลกชีวิตตัวเอง เพื่อปกป้องแผ่นดินเอาไว้

มีการรื้อถ่ายใหม่

เรื่องการรื้อถ่ายใหม่ เป็นเพราะตัวบทด้วย แต่ไมได้เยอะมาก เรื่องบทก็มีการแก้ แต่หลายรอบมั้ย ผมไม่ทราบ คิดว่าน่าจะหลายรอบ ก่อนจะมาเป็นอย่างที่ทุกคนได้เห็นในละคร มีการปรับเปลี่ยนค่อนข้างเยอะ แต่เรียกว่าผ่านมาด้วยดี ผลงานออกมาทุกคนดีใจ เพราะเหนื่อยกันมา 3 ปี โลเกชั่นในการถ่ายส่วนใหญ่อยู่ในป่า เราต้องไปสร้างค่ายใหม่ ทั้งกำแพงเมือง โรงครัว ข้าวของเครื่องใช้

ไฟไหม้ค่ายในกองละคร

จริงๆ เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ ต้องบอกว่าวันนั้น เราเตรียมจะเผาค่ายกันอยู่แล้ว เพราะเป็นซีนวางระเบิดในค่ายของข้าศึก แต่บังเอิญไฟไหม้ขึ้นมาก่อน เพราะอากาศมันแห้ง และบ้านเป็นใบจาก เป็นฟาง เลยทำให้ไฟไหม้เร็ว มันผิดแผนไป แต่ไม่มีอะไรหนักหนามาก กองนี้มีอะไรให้ตื่นเต้นเยอะ

อ๋อม ยังมีละครต่อคือ “ลูกไม้ไกลต้น” กับ “แม่อายสะอื้น”

ลูกไม้ไกลต้น ถ่ายไป 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ดราม่าหนัก มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่โคลงเรื่องเหมือนเดิม เล่นกับน้องมิน (พีชญา วัฒนามนตรี) มีซีนใช้อารมณ์เยอะ น้องน่ารัก ผมเจอน้องเป็นเรื่องที่สองหลังจากเรื่อง “บันไดดอกรัก” ที่เจอกันมา 4-5 ปีที่แล้ว น้องเก่งและสวยขึ้นมาก ส่วนเรื่อง แม่อายสะอื้น เล่นกับปุ๊กลุก (ฝนทิพย์ วัชรตระกูล) ยังถ่ายไปได้ไม่เยอะ เล่นกับปุ๊กลุกผมไม่ห่วงเลย เขาเป็นคนตั้งใจทำงาน และเก่งอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเปรียบเทียบ ผมเล่นละครรีเมกมาเยอะมาก คงห้ามไม่ได้ แต่ผมอยากให้มองข้อดีของแต่ละเวอร์ชั่นมากกว่า

ทำงานในวงการมานานพอสมควร

ประมาณหนึ่งนะ 7 ปีแล้ว ผมคิดว่าได้อะไรเยอะมาก ทำให้เรามีความรับผิดชอบและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ได้เปิดโลกกว้างและเรียนรู้คน แต่สิ่งที่เรายังต้องเรียนรู้มีอีกเยอะ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตและการแสดง เพราะไม่มีสิ่งไหนที่เรียนรู้แล้วจบสิ้นเลย

เรื่องที่สะเทือนใจ อ๋อม มากที่สุด

ในช่วงแรกๆ คงไม่พ้นเรื่องข่าว แต่วันนี้ผมโอเคแล้ว ผมสามารถอยู่กับมันได้ ผมเจอมาเยอะแล้ว อย่างข่าวช่วงแรกๆ บอกว่า ผมมีเมีย มีลูกแล้ว เป็นเกย์บ้าง ข่าวแรงๆ ผมเจอมาหมด คือช่วงแรกเรายังตั้งตัวไม่ติด มีผลกระทบหมดเลยกับคนรอบข้าง ผมจะแคร์คุณพ่อคุณแม่ที่เขาจะเริ่มไม่สบายใจไปด้วย มีช่วงหนึ่งที่เราคิดว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ แต่พอมาถึงจุดหนึ่งที่เราเริ่มปรับตัวให้เข้ากับมัน ผมคิดได้เองว่า ถ้าไม่จริง เราไม่ต้องซีเรียส เพราะอะไรที่เป็นเรื่องไม่จริง จะหายไปเอง ถ้าสมมุติเป็นเรื่องจริง เราตอบอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ใช่ คงไม่ต้องไปเครียดกับมัน

7 ปี กับการเดินทาง อ๋อม คิดว่าต้องเดินไปถึงจุดไหน

ผมเดินมาไกลเหมือนกัน ถ้านับจากจุดเริ่มต้น แต่ผมยังไม่เห็นจุดจบ ผมคงเดินไปเรื่อยๆ ผมบอกไม่ได้ว่าจะต้องไปสิ้นสุดตรงไหน ชีวิตผมทุกอย่างค่อยๆ มา ไม่ขึ้นพีคสุด และไม่ลงต่ำมากเกินไป เป็นกราฟคงที่ ผมยังมีผลงานต่อเนื่องในปริมาณที่พอดี ผมโอเคแล้วที่จะเป็นแบบนี้ อายุผมเริ่มเยอะแล้ว เราไม่ได้เป็นเด็กใหม่ๆ ที่ต้องมาเริ่มแข่งขัน เราจะไปผลักตัวเองให้ขึ้นสูงมากทำไม ในเมื่อเราอยู่ตรงจุดนี้ เราสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้ว

เรื่องความรักช่วงนี้ไม่ค่อยหวือหวา

ผมยังไม่ได้มีใครเป็นคนพิเศษ แต่ตามธรรมชาติของผู้ชาย ต้องมีคุยกับผู้หญิงอยู่แล้ว ตอนนี้ถ้าผมจะคบใคร ผมต้องมองยาวๆ ไม่ได้คบเล่นๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะผมอยู่ในอีกช่วงวัยหนึ่งแล้ว อายุเข้าเลข 3 ตอนนี้ถามว่ามีมั้ย มีเป็นเพื่อนๆ กันมากกว่า

คนที่เรามองว่าจะเป็นผู้หญิงที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วย

ตอนนี้ยังไม่มอง เพราะผมถ่ายละคร 7 วัน และยังต้องออกกำลังกายอีก ผมเคยมีปัญหากับผู้หญิงที่คุยกัน ปัญหาหลักคือเรื่องเวลาที่เราไม่มีให้ ถือเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งตามธรรมชาติของผู้หญิง แค่คุยกันอย่างเดียวมันไม่พอ ต้องมาเจอ พาไปกินข้าว คงต้องรออีกสักพัก แต่เราไม่ได้ปิดกั้นนะ ถ้าเจอคนที่เข้าใจก็โอเค ไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นคนในวงการ หรือนอกวงการ แต่จะให้ผมมาคบๆ เลิกๆ มันไม่ไหวแล้ว ถ้าจะมีตอนนี้ ผมคงต้องดูไปยาวๆ เมื่อก่อนไม่ได้คิดอย่างนี้เลยนะ เพราะเรายังมีเวลา แต่ตอนนี้เราต้องมองลึกมากขึ้นได้แล้ว

นี่แหละผู้ชายสไตล์ “อ๋อม”