Inside Dara
ก่อนเข้าวงการ กับอาชีพของ 10 ดาราดังที่หลายคนไม่เคยรู้

สมัยนี้การเป็นศิลปินดาราอาจจะต้องปั้นกันตั้งแต่ยังใสๆ วัยมัธยม แต่หากเป็นซุป’ตาร์รุ่นก่อนหน้านี้ กว่าพวกเขาจะก้าวมามีชื่อเสียงได้ บางคนก็ผ่านการทำการทำงานมาแล้ว เช่นเดียวกับ 10 คนดัง ที่เรายกมาเป็นตัวอย่าง ก่อนเข้าวงการ พวกเขาล้วนทำงานหาเลี้ยงตัวเองด้วยอาชีพที่แตกต่างกันไป ใครเคยทำอะไรมาบ้าง สุดฯ มีคำตอบ

ก่อนเข้าวงการ พวกเขาทำอะไรมาบ้างนะ

ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์

ข้าราชการ

เห็นแสดงละครเก่งๆ แบบนี้ รู้ไหมก่อนจะมาเป็นดารา พี่ป้องเคยรับราชการเป็นนักเศรษฐกร ประจำกระทรวงการคลัง มาก่อนนะ เรียกว่าทำงานตรงสายเลยละ เพราะเรียนจบ ปริญญาตรีจาก คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโทจาก คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยพี่ป้องเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

“…ผมเข้าวงการจากการประกวดหนุ่มสาวแพรว ปี 2000 ตอนนั้นทางแพรวจะส่งหนุ่มสาวแพรวทั้ง 20 คน ไปแคสต์ตามค่ายต่างๆ สำหรับผมก็เป็นคนเดียวที่ทางเอ็กแซ็กท์เลือก และเรียกมาเซ็นสัญญา ซึ่งตัวเองไม่ได้เป็นคนมีพรสวรรค์ทางการแสดง เล่นห่วยมาก ถูกส่งไปเรียนหลายอาจารย์มาก อาจารย์ต่างชาติก็แล้ว ไทยก็แล้ว โอ๊ย กว่าจะเล่นได้ แต่ตอนนั้นผมไม่ซีเรียส เพราะทำงานประจำ เป็นข้าราชการอยู่กระทรวงการคลัง พอเลิกงานก็นั่งรถไฟฟ้ามาเรียนการแสดงที่ตึกซีมิค บนถนนอโศก ตอนนั้นผมวางแผนเอาไว้ว่าพอทำงานที่กระทรวงได้ครบปี จะไปเรียนต่อเมืองนอก แต่ถามว่ากดดันไหม เวลาเราทำอะไรก็อยากทำให้มันดีน่ะ เลยรู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมการแสดงมันยากขนาดนี้วะ…”

นี่ถ้าตอนนั้นพี่ป้องถอดใจขึ้นมา วงการบันเทิงคงขาดพระเอกเจ้าเสน่ห์ ฝีมือดี ไปอีกคนเลยสินะ

โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ

แคสติ้ง

ผู้หญิงเก่ง ความสามารถรอบด้านอย่าง โอปอล์ ในวันที่เธอเริ่มเข้าสู่วงการ ด้วยการร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง แจ๋ว มีอีกหน้าที่หนึ่งที่เธอได้รับพ่วงมาด้วย นั่นคือ การเป็นแคสติ้ง หรือคนคัดเลือกนักแสดง ให้กับ หับโห้หิ้น บางกอก ก่อนที่บริษัทจะรวมตัวกับ จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ และไทเอ็นเตอร์เทนเมนท์ เป็น จีเอ็มเอ็ม ไท หับ หรือ GTH จึงทำให้เธอผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก

“…ปอล์เริ่มต้นอาชีพที่นี่ละ ตอนนั้นปอล์เป็นแคสติ้ง ความทรงจำที่เกิดขึ้นที่นี่คือ ปอล์ได้ทำงานกับพี่ๆ และผู้บริหารที่องค์กรนี้มาตั้งแต่ปอล์ยังฝึกงาน ไม่ว่าอาชีพเราจะเปลี่ยนไปจากแคสติ้งเป็นนักแสดง หรือไม่ว่าเป็นอะไร เขาก็ยังดูแลเราอยู่ ไม่ใช่ดูแลแค่ตอนที่เรามีชื่อเสียง แต่เขาดูแลเราตั้งแต่เราฝึกงาน นี่คือความทรงจำดีๆ…” เธอเล่าถึงการทำงานกับองค์กรที่รัก เมื่อคราวที่ GTH ครบรอบ 7 ปี

ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

นักดนตรี

ก่อนหน้าที่หนุ่มมาดกวนอย่าง ซันนี่ จะเข้าสู่วงการ ด้วยการแจ้งเกิดในบท ไข่ย้อย พระเอกหนังดังเรื่อง เพื่อนสนิท เขาเคยเป็นนักดนตรีมาก่อน โดยเล่นกีตาร์ให้กับวง THE KINGKONG PROJECT ตระเวนเล่นดนตรีกลางคืนกับเพื่อนๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ที พิพิธพล นักร้องนำวง JETSETER ในปัจจุบัน สมาชิกวง THE KINGKONG PROJECT

“…ผมเล่นห่วย คือเวลาเล่นมันสนุกกับเพื่อนและมีรายได้ คือเล่นผิดเล่นถูกหันมาหัวเราะกันเอง ดีนะที่รู้สึกอย่างนั้นน่ะครับ (เล่นห่วยทำไมมีคนจ้าง?) เพื่อนผมเก่งครับ ผมเกาะเพื่อนกิน มีกีต้าร์ตั้ง 2 ตัวในวง มีเบส มีกลอง สบายๆ ครับ เกาะเพื่อนกินอยู่ตอนนี้ แต่ทุกอย่างที่ผมทำ ผมก็ทำเต็มที่นะครับ เราไม่เก่งก็ยอมรับครับ ไม่ใช่แบบว่าใครมาว่าไม่ได้ว่าห่วย ห่วยก็ยอมรับ เพื่อนผมน่ะเก่ง เราไม่ได้เล่นเก่ง แต่เราไปกับวงได้ แล้วเขาอยากให้ผมอยู่ในวงด้วย ซึ่งมันสนุกครับ แล้วเจ้าของร้านก็ชอบสไตล์ดนตรีของพวกผม ถึงจ้าง…” ซันนี่เคยเล่าถึงอาชีพนักดนตรีของตัวเองไว้ในบทสัมภาษณ์หนึ่งเมื่อนานมาแล้ว

ยุ้ย จีรนันท์ มะโนแจ่ม

เด็กเสิร์ฟ

เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกันและฐานะทางบ้านไม่ดี ยุ้ยจึงเดินทางจากสระบุรีเข้ากรุงเทพฯ พร้อมกับคุณแม่ โดยมีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าติดตัวคนละ 1 ใบ เข้ามาเช่าห้องเล็กๆ อยู่ด้วยกัน ด้วยความที่เป็นเด็กดี กตัญญู เธอจึงช่วยแม่หาเงิน ด้วยการทำงานพิเศษเท่าที่เด็กวัยนั้นจะทำได้ช่วงปิดเทอม โดยเริ่มทำตั้งแต่งานรีเซฟชั่น เด็กเสริฟ รับจ้างสอยผ้า สอยกระโปรง ชุดแต่งงาน และขายของ จนกระทั่งได้เข้าไปประกวดหนุ่มสาวดัชชี่ และคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ จึงเป็นใบเบิกทางให้เธอเป็นดารามากความสามารถอย่างทุกวันนี้

“ยุ้ยจดจำวันนั้นเอาไว้เลยค่ะ จำเพื่อไม่ให้ตัวเองหลงไปกับชื่อเสียง และก็จะคิดเสมอว่าที่ยุ้ยมีวันนี้ได้เพราะว่าความกตัญญู ยุ้ยไม่เคยคิดว่าตัวเองสวย ไม่เคยคิดว่าตัวเองดัง แต่มันคือการที่ยุ้ยได้รับโอกาสที่ดีจากผู้ใหญ่ สิ่งที่ดีใจกับตัวเองก็คือนี่แหละสิ่งที่เรามุ่งมั่น คิดดี ทำดี มันก็เลยทำให้เราได้ดี มันยิ่งทำให้ยุ้ยมีความภูมิใจและรักตัวเองมาก ยุ้ยมีความรู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตยุ้ย มันเกินฝันมากๆ ยุ้ยได้เลี้ยงดูตากับยายได้อย่างดีที่สุด เลี้ยงแม่ เลี้ยงพี่น้อง ลูกหลานทุกคนให้อยู่อย่างสุขสบาย ชีวิตตอนนี้มีทุกอย่างครบแล้ว จากที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ขอบคุณตัวเองที่ใฝ่ดี” บางถ้อยคำจากบทสัมภาษณ์ของยุ้ย จาก SANOOK.COM

โอม ปัณฑพล ประสารราชกิจ (โอม ค็อกเทล)

อาจารย์

นอกจากจะร้องเพลงเพราะ หนุ่มโอมยังเก่งด้านวิชาการด้วย หลังจากจบปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนิติศาสตร์ภาคบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึง นิติศาสตร์มหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ประเทศจีน แล้วเคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มาก่อน จนทุกวันนี้หากว่างเว้นจากงานเพลง เขาก็ยังไปบรรยายให้นิสิตนักศึกษาฟังตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ต่างๆ อยู่เสมอ รวมถึงรับงานเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายด้วย

เอ๋ มณีรัตน์ คำอ้วน

เซลล์ขายตรง – พนักงานร้านสะดวกซื้อ

จากเด็กอีสาน เมื่อต้องเข้ามาหางานทำในเมืองหลวง เอ๋เริ่มต้นงานแรกด้วยการเป็นเซลล์ขายของเคาะประตูตามบ้าน ต่อด้วยการเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะก้าวมาสู่การเป็นนักแสดงตัวประกอบ ซึ่งปูทางให้เธอได้เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว

“งานแรกที่เอ๋เข้ากรุงเทพฯ มาเลยก็คืองานขายตรง ตอนแรกไม่รู้ คือทำทุกอย่าง นั่งเปิดดูสมุดหางาน ไล่ๆ ดูว่ามีใครรับสมัครอะไรบ้าง และมีที่นึงบอกว่าเงินเดือนดี ทำงานน้อย รายได้เยอะ คำว่ารายได้เยอะก็เลยลองไปดู …พอไปถึงก็จะมารวมกลุ่มกันไปเคาะตามบ้าน กดกริ่งตามบ้าน บางบ้านก็โอเค บางบ้านก็ไม่เอาไล่ไป วันนั้นสรุปเดินเคาะประตูขายของตามบ้านโดยรวมแล้วประมาณสิบกิโล แต่ขายไม่ได้เลยซักอัน …หลังจากนั้นก็มาลองทำเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ แต่ไปสาขาที่คนเยอะมาก เป็นสาขาที่คนเข้าทั้งวัน ยังไงก็เข้า คืองานเหนื่อยไม่เท่าไหร่นะคะ แต่เราต้องรับผิดชอบของที่เราควบคุมไม่ได้ เวลาของหายพนักงานทุกคนต้องเฉลี่ยเงินกัน …เลยรู้สึกว่าไม่ใช่ทางเราอีกแล้ว

“ตอนแรกๆ เอ๋ไปเป็นนักแสดงตัวประกอบละครจากการแนะนำของเพื่อนๆ ทำตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม และก็โดนหักค่าแรงเหลือสามร้อย เพราะเราอยู่โมเดลลิ่ง งานตัวประกอบเอ๋จับพ้อยนึงได้ว่า เรารู้สึกสนุก และลองดูเขาเล่น แล้วทำได้ มันเลยเป็นสิ่งที่ตื่นเต้น…” บางส่วนจากบทสัมภาษณ์ของ เอ๋ มณีรัตน์ จาก SANOOK.COM

สิงโต นำโชค

ลูกจ้างโรงกลึง

หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างว่าก่อนจะไปเป็นนักร้องอาชีพ สิงโต นำโชค เคยทำงานในโรงกลึงมาก่อน ซึ่งเขาเองเคยเล่าถึงช่วงเวลานั้น ไว้ในบทสัมภาษณ์หนึ่งว่า

“ตอนที่ทำงานโรงงาน ตอนกลางคืนเราก็ไปเล่นที่ผับ กลางวันก็มาทำงาน …วันหนึ่งผมทำงานเหนื่อยๆ กลับมารอดูช่วงตลกของรายการทไวไลท์โชว์ แต่ก่อนหน้านั้นเขาสัมภาษณ์ พี่โบ สุนิตา ลีติกุล นั่งดูไปเราก็เริ่มสนใจขึ้นเรื่อยๆ ว่า เฮ้ย มันมีชีวิตแบบนี้ด้วย เขาคือคนธรรมดาที่อยากร้องเพลง ซื้อเทปมาอัดแล้วส่งไปที่ค่ายเพลง พยายามแล้วพยายามอีกกว่าจะประสบความสำเร็จ …ผมกลับมามองตัวเอง เป็นนักร้องชีวิตดีกว่าอยู่โรงกลึงแน่นอน (หัวเราะ) ไม่ดูตลกแล้ว ผมวิ่งไปซื้อเทปเพื่อหาเบอร์ติดต่อค่ายต่างๆ เอามาเขียนติดไว้ที่เสาโรงงานเลย หลังจากนั้นก็เริ่มฝึกร้องเพลง หัดเล่นกีตาร์ แต่งเพลง เล่นดนตรีตามผับ โหลดแอพพลิเคชั่นทุกอย่างที่จำเป็นมาใส่ตัว ด้วยความคิดเดียวว่าสักวันจะต้องมีเพลงเป็นของตัวเองให้ได้…” และสิ่งที่เขารอคอยก็มาถึง เพราะวันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก สิงโต นำโชค

ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ

ครูอนุบาล

ปาล์มมี่ชื่นชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ฝึกฝน เล่นกีตาร์ และร้องเพลงเองจนมีความมั่นใจ จึงบินจากออสเตรเลียกลับมาเมืองไทย ด้วยความฝันว่าอยากจะทำเพลงของตัวเอง จนได้เซ็นสัญญากับค่ายใหญ่ แต่ระหว่างเป็นศิลปินฝึกหัด เธอก็ใช้เวลาว่างสอนภาษาอังกฤษให้เด็กอนุบาลไปด้วย

ครั้งหนึ่งในบทสัมภาษณ์ ปาล์มมี่เคยเล่าถึงช่วงที่เธอไปรับหน้าที่เป็นคุณครูไว้ว่า “…ก่อนไปสมัครแต่งเพลงเก็บไว้ 2-3 เพลง ก็เลือกเพลงที่คิดว่าดีที่สุดไปเล่นให้เขาฟัง คิดว่าจะดีดกีตาร์และร้องเพลงไป… หลังจากนั้น 3 เดือนให้หลัง ก็ได้เซนต์สัญญา และต้องเข้าไปฝึกร้องเพลงตลอดจันทร์ พุธ ศุกร์ แต่ช่วงเช้าถึงเย็นซึ่งว่างอยู่มี่จะไปสอนหนังสือเด็กอนุบาล สอนภาษาอังกฤษ เด็กๆ จะเรียกมิสอีฟ ทำมาเรื่อยๆ จน 1 ปีให้หลัง ก็เริ่มทำอัลบั้ม…”

ก้อง อัครเดช ยอดจำปา (ก้อง ห้วยไร่)

ก่อสร้าง – PR

โด่งดังจนฉุดไม่อยู่แล้ว สำหรับนักร้องหนุ่มเลือดอีสาน ก้อง ห้วยไร่ เจ้าของเพลง ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน และ คู่คอง แต่ก่อนจะเพียรร้องเพลงจนเข้าตากรรมการและคนฟังอย่างนี้ ก้องเคยต้องทำงานอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย ทั้งงานก่อสร้าง ติดฉนวนกันความร้อน จากนั้นก็ไปทำงานในบริษัทเสริมความงาม (นิติพลคลินิก) โดยทำงานในส่วนงานประชาสัมพันธ์ หรือ PR ควบคู่ไปกับการแต่งเพลงและร้องเพลง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน โชคชะตาและความพยายามก็ส่งผลให้เขากลายนักร้องดังขวัญใจประชาชนในที่สุด

พลพล พลกองเส็ง

มอเตอร์ไซค์รับจ้าง

สำหรับพลพล หนุ่มเสียงนุ่มที่หลายคนชื่นชอบ เขามักจะเล่าให้หลายคนฟังอย่างไม่อายว่า ก่อนจะมาเป็นนักร้องดัง เคยเป็นวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาก่อน นี่ถ้าเจ้าตัวไม่บอกเอง คงไม่มีใครเชื่อ เพราะปัจจุบันเขาคือนักร้องดังขวัญใจมหาชนไปแล้ว