Inside Dara
''กิ๊บซี่'' ไม่แคร์คนมองแง่ลบ ขอชัดเจนในสิ่งที่ทำ

เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกจดจำในลุคเซ็กซี่ขยี้ใจ สำหรับสาวร่างเล็ก กิ๊บซี่-วนิดา เติมธนาภรณ์ สมาชิกวง “เกิร์ลลี่ เบอร์รี่” วันนี้เธอเลยขอมาเผยทุกมุมมองความคิด ให้หลายคนที่มองเธอแค่เปลือกนอก ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอว่ามีอะไรมากกว่าที่เห็นเยอะ

ถามถึงผลงานตอนนี้มีอะไรบ้าง?

“ตอนนี้มีละครเรื่อง “กากับหงส์” เป็นเรื่องแรกที่กิ๊บได้เล่นร้ายขนาดนี้ คือกิ๊บคิดว่าถ้าเป็นนักแสดงได้เล่นหลาย ๆ บทก็ดี จะได้ไม่ดูเหมือนเราทำได้อย่างเดียว เรื่องนี้เป็นรีเมคกิ๊บก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรนะ เพราะไม่มีอะไรกดดันเราได้ ถ้าเราทำในมุมของเราก็จะไม่เอาไปเปรียบเทียบกับใคร และถ้าเราทำของตัวเองให้เต็มที่แล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรที่เราต้องมานั่งกังวล นอกจากนี้ก็มีหนังเรื่อง “เกรียน ฟิคชั่น” ถามว่าตอนนี้เรามาชัดเจนในด้านการแสดงมากขึ้นมั้ย จริง ๆ มันก็ไม่ได้ชัดเจนหรอกค่ะ กิ๊บทำได้เท่าที่ทำไหว เราไม่ได้รับงานทุกอย่างสะเปะสะปะ จะเลือกเฉพาะที่คิดว่าเหมาะกับเรา ถ้าบทที่เราไม่สบายใจที่จะเล่น เราก็จะไม่รับ อย่างเรื่องเซ็กซี่หวือหวาเราจะมีลิมิตว่าจะได้ประมาณไหน ก็คุยเป็นงาน ๆ ไป เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าอันไหนเราจะทำหรือไม่ทำ ส่วนเรื่องงานเพลงก็ไม่ได้ทิ้ง ตอนนี้อยู่ในช่วงคุยคอนเซปต์ เป็นวง “เกิร์ลลี่เบอร์รี่” ที่มีสมาชิก 4 คนเหมือนเดิม น่าจะเซ็กซี่ เพราะคนติดภาพเราไปอย่างนั้นแล้ว แต่มันมีเรื่องอื่นที่เราจะนำเสนออีกหลายเรื่องค่ะ”

ถามถึงโฟโต้บุ๊กเซ็กซี่เล่มล่าสุดที่เราทำเองหน่อย?

“เราไม่ได้ถ่ายเซ็กซี่มาประมาณ 5 ปี เลยรู้สึกว่าถ้าจะถ่ายอีกทีก็ทำเองดีกว่า จะได้เป็นแบบที่เราต้องการ มีตัวตนเราอยู่ โฟโต้บุ๊กเล่มนี้กิ๊บทำตั้งแต่เริ่มหาสปอนเซอร์ คิดคอนเซปต์ หาทีมงาน โลเกชั่น ทุกอย่างเลย เล่มนี้คือฟีลลิ่งของเราทุกอย่างที่แสดงออกไป มันเซ็กซี่ที่สุดแล้วแหละ แต่ก็แล้วแต่คนมองนะ บางคนก็คิดว่ามันไม่เซ็กซี่เพราะมันเบลอ ส่วนแฟชั่นที่หวือหวากว่านี้จะมีอีกมั้ยอันนี้กิ๊บไม่รู้ แต่ถ้าเป็นโฟโต้บุ๊กทำเองแบบนี้คงไม่ทำอีกแน่นอน ฟีดแบ็กเล่มนี้ก็ดีนะคะ แต่แค่ขายได้กิ๊บก็แฮปปี้แล้ว ตอนเริ่มทำกิ๊บไม่ได้คาดหวังเลย ถ้าคนดูแล้วชอบมันก็โอเค เพราะมันเป็นสไตล์กิ๊บจริง ๆ ถ้าคนดูแล้วไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรค่ะ”

ส่วนตัวคิดว่าตัวเองเซ็กซี่มั้ย?

“ส่วนตัวกิ๊บไม่ได้เซ็กซี่เลยค่ะ เป็นคนธรรมดา เราก็เป็นได้หลายอย่าง การทำงานก็มีหลายงานที่เราไม่ได้เน้นเรื่องเซ็กซี่ แต่คนก็อาจจะไม่ได้พูดถึงมากนัก คืองานที่เป็นอีกลุคหนึ่งคนก็เห็นนะ แต่เขาไม่ได้แคร์ แต่งานที่คนพูดถึง จำได้ก็จะเป็นลุคที่เราเป็นเกิร์ลลี่เบอร์รี่ คือก่อนเข้าวงการไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องมาแนวเซ็กซี่แบบนี้ แต่พอเราต้องมาเป็นลุคแบบนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร เพราะชินและมันเป็นไปแล้ว”

เสียงวิจารณ์เรื่องการแต่งตัวที่วาบหวิว บั่นทอนกำลังใจบ้างมั้ย?

“ไม่ค่ะ เราไม่ค่อยจะเอาอะไรมาเป็นแรงที่จะทำให้ชีวิตเรากดดันมาก เพราะท้ายสุดแล้วคนที่คิดในทางลบ เขาก็ไม่ได้มาทำอะไรให้ชีวิตเราดีขึ้น ถ้าเรายังเอาคนเหล่านั้นมาบั่นทอนตัวเราลง มันผิดนะ กิ๊บไม่เคยแคร์เลยว่าใครจะพูดถึงเราไม่ดี คิดร้าย เราก็เป็นคนปกติคนหนึ่งที่เกิดมา แต่พอดีได้มาทำงานแบบนี้ มีภาพลักษณ์แบบนี้ คนก็เลยตัดสินแบบนี้ ซึ่งจริง ๆ กิ๊บมองว่าไม่ถูก เพราะถ้าคนเราที่ไม่รู้จักกัน การที่เห็นแต่งตัวยังไง มีวิธีการแสดงออกในมิวสิกวิดีโอยังไง ก็บอกไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าเขาเป็นคนแบบไหน ดังนั้นคำวิจารณ์เหล่านั้นไม่มีผลต่อกิ๊บเลย คือคนเราก็ด่าแรง ๆ ไปเรื่อย กิ๊บมองว่าคนที่มองเราอย่างนี้บางทีมันตื้นไปหน่อย แต่กิ๊บก็ไม่ได้แคร์อยู่แล้ว เพราะกิ๊บก็ไม่ได้รู้จัก โดยส่วนตัวกิ๊บเวลาเจอคนก็ไม่ได้คิดไปก่อนว่าเขาจะเป็นยังไง มันต้องให้โอกาส งานก็คืองาน ชีวิตจริง ๆ เราเป็นคนคิดยังไง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถามว่าเราอยากแสดงอีกด้านหนึ่งให้คนอื่นเห็นมั้ย กิ๊บว่ามันไม่ค่อยจำเป็น เพราะเราไม่มีทางทำให้คนทั้งโลกมารักเรา เราไม่มีทางไปแสดงอีกมุมหนึ่งให้คนบนโลกเห็นได้ และไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไรด้วย มันลำบากไปรึเปล่า เอาเป็นแค่คนที่ได้รู้จักเราเขาแฮปปี้ มันไม่เกี่ยวเลยที่คนนุ่งสั้น เต้นแรง ๆ ในเอ็มวี แล้วตัวจริงมันต้องเป็นคนนิสัยไม่ดี มันไม่ใช่เลยนะ มันเกี่ยวกันยังไงลองใช้ตรรกวิทยาคิดดู”

ตอนนี้ก็มีสาวเซ็กซี่เกิดมามากมาย จนเป็นกระแสว่าแข่งกันเซ็กซี่?

“ชินแล้วค่ะกับการที่ถูกเปรียบเทียบ แย่งตำแหน่ง ทวงบัลลังก์ มันเป็นปกติของวงการบันเทิง ส่วนเรื่องกลัวน้องหน้าใหม่มาแย่งตำแหน่งเซ็กซี่ ก็ไม่เลยค่ะ กิ๊บจะคิดแค่ว่าวันนี้เอาตัวเองให้รอดก่อน ไม่ค่อยคิดเยอะ ถ้าเรามองหรือระแวงรอบข้างมากเกินไป เราก็จะไม่ได้มองตัวเอง อาจจะแย่ตอนนั้นก็ได้ โดยส่วนตัวกิ๊บก็ไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร มันก็ยังมีพื้นที่ให้เรายืนอยู่ เราก็มีจุดยืนของเราชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ชอบไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องมานั่งชิงดีชิงเด่นกับใคร”

เข้าวงการมานานถึง 15 ปี มีทัศนคติต่อวงการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน?

“เข้าใจมากขึ้นและอยู่กับมันได้ กับเรื่องคนเราขึ้นและลง ถ้าเราไม่มีภูมิต้านทานตรงนี้มันก็จะอยู่ยากนิดหนึ่ง เพราะว่ามันต้องรับให้ได้กับเรื่องที่ว่าไม่มีอะไรถาวร เรื่องสังคมที่มีทั้งคนที่ดีกับเรา แต่บางทีเราทำอะไรพลาดไป คนก็รุมเกลียดเรา เราต้องเข้มแข็งและเข้าใจตรงนี้เยอะ ๆ ไม่อย่างนั้นจะอยู่ไม่ได้ ถามว่ามีเรื่องที่ทำร้ายเราที่สุดมั้ย ไม่มีจริง ๆ นะ เพราะกิ๊บเป็นคนที่ไม่ซีเรียสกับอะไร อย่างข่าวที่ว่าเราท้องและไปทำแท้งก็ไม่แคร์นะ ตราบใดที่มันไม่ใช่ ทำไมต้องเอามานั่งเป็นทุกข์ เข้าใจไม่ได้อีกเหรอว่าอยู่ตรงนี้ก็จะมีทั้งคนที่หวังดีและไม่ดีกับเราตลอดเวลาอยู่แล้ว ฉะนั้นเราอย่าไปแคร์ ตราบใดก็ตามที่เราไม่ได้ไปทำเรื่องที่เรารู้สึกผิดจริง ๆ ชีวิตบัดซบแล้ว กิ๊บก็ไม่เอามาคิด เราก็ใช้ชีวิตเป็นปกติ ไม่ว่าใครจะพูดอะไร”

มีหลักในการทำงานยังไง?

“กิ๊บเป็นคนค่อนข้างไม่ขยันขนาดนั้น จะทำอะไรสักอย่างก็จะเลือกทำที่คิดว่าเราทำได้ กิ๊บเป็นคนที่ทำก็ทำเต็มที่ให้ดีที่สุด ชอบความสมบูรณ์แบบ ถ้าไม่ทำก็ไม่ทำเลย ไม่ค่อยมีใครบังคับได้ เป็นคนชัดเจนมาก รู้ตัวเอง ไม่งั้นมันจะเขวไปเขวมา งง ๆ คือกิ๊บรู้หมดว่าอะไรที่เราทำได้หรือไม่ได้ อย่าไปทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ กิ๊บจะไม่มีทางบอกว่าทำได้แล้วทำไม่ได้ ทุกอย่างต้องเคลียร์ ๆ ค่ะ”

สถานะหัวใจตอนนี้เป็นยังไง?

“ก็มีคนที่คุย ๆ อยู่บ้าง นอกวงการ แต่กิ๊บเป็นคนที่ไม่เปิดเผยเรื่องนี้เยอะ เพราะกิ๊บไม่ใช่คนที่จะมานั่งเล่าเรื่องนี้ออกสื่อ แต่ก็ไม่ใช่สไตล์ที่จะมานั่งโกหกว่าไม่มี ก็มีคบ ๆ กัน เราใช้ชีวิตปกติ ไม่หลบแต่ก็ไม่ได้มาโชว์ ส่วนคนนี้เข้าข่ายเรียกแฟนรึยัง คือเราไม่ได้ตกลงอะไรกัน ยิ่งโตขึ้นเรื่องความรักก็ยิ่งเล็กลงเยอะเลย เราคิดว่าถ้าอะไรมากจะรู้สึกไร้สาระ มันเหมือนวันหนึ่งถ้ามันถึงเวลาก็คงเป็นไปเอง แต่ชีวิตมันมีอะไรที่เราอยากทำอีกเยอะ เลยไม่ได้ไปให้ความสำคัญกับเรื่องความรักมาก คนนี้ก็คบมาเป็นปีแล้ว ไม่ได้เป็นแฟนกันนะ เราเป็นเพื่อนกันมานาน ต่อมาก็สนิทกัน ถามว่าเราทำงานในวงการเขาหึงมั้ย คือคนที่จะอยู่กับเราได้ต้องเป็นคนใจกว้าง มีเหตุผลมาก ถ้าใครมาอะไรกับกิ๊บนิดเดียวก็ไม่ได้แล้วนะ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องอยู่ กิ๊บเชื่อว่าคนเราอย่าไปเปลี่ยนคนอื่น รู้จักเขายังไง ไม่ต้องบอกให้เขาเปลี่ยนอะไรเลย เราลองเรียนรู้ไปสักพัก ถ้าเราไม่ชอบอะไรในตัวเขาก็อย่าพยายามเปลี่ยนเขา ให้ออกมาเถอะ เพราะว่าคนเราไปบังคับให้ใครเปลี่ยนตัวเองก็เปลี่ยนได้แป๊บนึง กิ๊บเชื่อเรื่องว่าต้องเคารพในความเป็นตัวตน ถ้าไม่แฮปปี้ก็ไม่ต้องไปอยู่ กิ๊บเป็นแบบนี้เลย ไม่มีใครบังคับได้ว่าเธอต้องไม่โป๊ คือกิ๊บจะทำทุกอย่างที่กิ๊บจะทำอยู่ดี ส่วนที่เราเปิดใจเรียนรู้เขา เพราะเขาไม่เคยยุ่งเรื่องอะไรเลยค่ะ ตรงนี้ที่ทำให้เราสบายใจ แล้วกิ๊บก็ไม่เป็นคนที่ไปยุ่ง ถ้าใครจะทำอะไรก็ทำ กิ๊บเชื่อว่าคนเรามีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ได้อยู่ในจุดที่คบกันแล้วมานั่งบังคับกัน”

คิดเรื่องแต่งงานบ้างมั้ย?

“ไม่ใช่ตอนนี้ กิ๊บคิดว่าการแต่งงานไม่ใช่จุดลงเอยซะทีเดียวนะ บางครั้งมันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จตลอดไป ฉะนั้นเราก็เลยไม่ได้มามายด์ ถ้าจะไม่ได้แต่งงานก็ได้ มันก็ไม่ตาย กิ๊บเป็นคนแล้วแต่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเลย อยู่ดี ๆ เราอาจจะไปเจอใครก็ไม่รู้ รู้จักกันแค่ 6 เดือนแล้วมันใช่มากก็แต่งได้ แต่ถ้ารู้สึกว่าเราอยู่กันแบบไม่แต่ง กิ๊บก็ได้ค่ะ”

เชื่อในเรื่องพรหมลิขิตรึเปล่า?

“ไม่แน่ใจว่าพรหมลิขิตกับความบังเอิญเป็นเรื่องเดียวกันรึเปล่า อาจจะไม่เชื่อนะ เพราะคนเราจะมาเจอคนที่ใช่ก็ต่อเมื่อวัยได้แล้ว เอาจริง ๆ เราอาจจะเจอคนที่เป็นพรหมลิขิตไปแล้วก็ได้ แต่เราต้องใช้ชีวิตต่อไป ยังไม่ได้อยากหยุด มันต้องดูหลายอย่าง กิ๊บว่าเรื่องเวลาสำคัญกว่าเรื่องพรหมลิขิต เรื่องเวลาที่เหมาะสม วัยที่เหมาะสม ใช้ชีวิตมาพอแล้ว ไปเจอกันเด็ก ๆ มันไม่มีวันใช่เลยร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีทาง มีแฟนตอนอายุ 17 แล้วแต่งงานกันก็มีนะ แต่เป็นหนึ่งในแสน แต่โดยมากถ้าเจอกันวัย 32 อัพ ก็คงรู้สึกว่าใช่แล้ว มันใช่ง่ายกว่าเดิมเยอะ (หัวเราะ) คือคนเรามาเจอคนที่ใช่ตอนอายุ 30 กว่า ๆ มันไม่จริง แต่คำว่าใช่ที่นี้ไม่ใช่ว่านี่ใช่ที่สุด แต่เวลามันเหมาะสม มันได้แล้ว”

ได้พูดคุยกับเธอแล้ว บอกได้คำเดียวว่าความคิดของสาวคนนี้มีอะไรน่าสนใจมากกว่าคำว่าเซ็กซี่จริง ๆ