Inside Dara
"พี่เพชร" เปิดใจ วงการเพลงไทย "อย่ามัวแต่วิ่งตามต่างชาติ"

"เพชร-มาร์" คอมเมนเตเตอร์ประจำรายการ เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว เปิดใจ ผู้เข้าประกวดเดอะสตาร์ เปรียบเสมือนกับน้องเหมือนลูกเหมือนหลาน รักทุกคนเท่าๆ กัน สำหรับวงการเพลงไทยเข้าสู่สากลต้องให้เวลาอีกนิดหนึ่ง แต่ไม่ควรมัวแต่วิ่งตามต่างชาติ เพราะประเทศไทยมีเอกลักษณ์ที่แข็งแรง

พี่เพชรเชียร์ใครมากที่สุดคะ? "เอ่อ พี่เอาแบบไม่โกหกเลยนะ ถามว่าเชียร์ใครมากที่สุดพี่เป็นแบบนี้มาทุกปีเลย พี่ไม่สามารถจะเชียร์ใครมากที่สุด เพราะว่าพี่บังคับตัวเองได้นะครับ สำหรับช่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 1 นะครับพี่เกือบโหวตให้กับคนๆ หนึ่ง มีความรู้สึกว่าโชว์ประทับใจพี่ก็กดโหวตไปเสร็จปุ๊บหลังจากนั้นอีก 5 นาทีพี่ทยอยกดอีก 7 เบอร์ที่เหลือ

เพราะว่าพวกนี้คือเขาเปรียบเสมือนกับน้องเหมือนลูกเหมือนหลานเราใช่ไหมครับ เราต้องรักทุกคนเท่าๆ กันครับ แล้วก็ใครจะประสบความสำเร็จยังไงก็ตาม ให้เป็นไปตามความสามารถแล้วก็ให้เป็นเรื่องของคณิตศาสตร์ทางดวงดาวดีกว่า ตอบตรงๆ ว่าไม่อยากพูด เกิดพูดออกไปว่าปล่อยโหวตเอง เอ่อ เราเชียร์คนนี้ก็ตาม คนอื่นก็เหมือนกันจะรู้สึกไม่ดี พี่ให้ความรักให้กำลังใจกับทุกๆ คนแค่นั้นเอง ใครดีก็ชมใครไม่ดีก็ว่าไปเหมือนพ่อเฆี่ยนตี (หัวเราะ) ถ้าถามพี่บอกตรงๆ ว่าไม่ได้คำตอบจริงๆ พี่เชียร์คนใดคนหนึ่งไม่ได้ "

พี่มองว่าวงการเพลงไทยมันสามารถเอาไปขายข้างนอกเหมือนเกาหลีได้ไหม หรือว่ายังอยู่แบบนี้แหละ? " คือสำหรับวงการเพลงไทยนะครับเพิ่งออกสู่สากลนะ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าขายไม่ออก เพียงแต่ว่าเราจะดีไซน์คำสากลไว้ ตอนนี้ขึ้นบ้างถ้ามองว่า เพลงสากลเราไปถึง ด้วยความที่คิดเขาเรียกว่า ตลาดเพลงมันเป็นตลาดที่ใหญ่เกาหลีกับของญี่ปุ่นนี้มันได้รับความนิยม เพราะว่ามันเป็น เทรนด์เซตเตอร์น่ะครับใช้กับชาติอื่นๆ ก็ได้ไม่ได้หมายว่าเขาจะประสบความสำเร็จ สำหรับประเทศไทยนิยมว่ามีท่าทีเป็นไปได้ เพียงแต่เราต้องใช้เวลาอีกนิดหนึ่ง

คือเอกลักษณ์ของไทยจริงๆ มันมีเยอะ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้นำมาใช้ เรามัวแต่วิ่งตามต่างชาติ วิ่งตามเกาหลี ตามญี่ปุ่นอะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นอันเอกลักษณ์ของเราจะหายมันน่าเสียใจตรงนี้แหละ ตามจริงเราแข็งแรงนะ การเข้าสู่สากลนะครับมันไม่ได้อยู่แค่เฉพาะตัวงานตัวศิลปิน มันขึ้นอยู่กับแรงสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นทุกๆ อย่างเลย มันรวมกันไปหมดก็อยากให้ลองหันมาดูตรงนี้กันบ้าง"

นั้นแสดงว่าผู้ใหญ่ของเราก็หาที่สายงานความสามารถ เพราะว่าเด็กก็มีความสามารถ? "ถ้าให้ผมพูดว่าผู้ใหญ่สั่งขัดคงจะไม่ดี ผมเชื่อว่าการที่เป็นผู้ใหญ่ในภาครัฐ ก็น่าจะมีความรู้อยู่บ้าง แต่บางครั้งอาจจะมองข้ามนะครับ".

“ส้ม” โสดแฮปปี้ รักใหม่ขอจริงใจ

เป็นอีกหนึ่งสาวที่ถูกจับตามองเรื่องความรักมากที่สุดอีกคนเลยทีเดียว สำหรับสาว ส้ม-ธัญสินี พรมสุทธิ์ และอดีตคนรู้ใจ สเตฟาน ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์ ซึ่งตลอดเวลาที่คบกันก็มีข่าวเม้าท์ว่าสร้างกระแสบ้าง น่าจะไปกันไม่รอดบ้าง พอเลิกกันแบบฟ้าผ่าก็มีคนวิจารณ์ต่าง ๆ นานาอีก งานนี้เลยขออาสาเปิดตัวตนของส้มสักหน่อย พร้อมอัพเดทอาการหัวใจของเธอด้วย


ระยะหลังเหมือนส้มมีงานละครเยอะขึ้นนะ?

“ส้มว่ามันเป็นจังหวะของการออกอากาศมากกว่าค่ะ เลยเหมือนมีละครเยอะขึ้น แต่จริง ๆ ผู้ใหญ่ก็ให้ต่อเนื่องอยู่แล้ว ช่วงที่หายไป ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่กองละคร เพียงแต่ละครส้มมันนานไง แล้วตอนนี้ก็มีเรื่องดูธุรกิจด้านของผลิตภัณฑ์ครีมเกี่ยวกับผิวขาวอีกอย่าง ก็จะเป็นแบรนด์ของส้ม คือการทำธุรกิจนี้ก็ค่อนข้างยุ่งนะ แต่ส้มมองว่ามันเป็นงานระยะยาว เป็นอาชีพที่มั่นคงสำหรับเรา คือถ้าตัวแรกออกมาแล้วมันประสบความสำเร็จ ก็มองไปถึงการเปิดเป็นร้านแนวบิวตี้ภายใต้แบรนด์ของเราไปเลยค่ะ ส้มคิดว่าไม่เกินเดือน พ.ค. ผลิตภัณฑ์ตัวแรกก็น่าจะออกแล้ว ถามว่าในอนาคตเราจะทิ้งงานในวงการเพื่อไปทำธุรกิจเต็มตัวมั้ย ก็คงไม่ ส้มว่างานแสดงเป็นก้าวหนึ่งที่ทำให้ไปสู่งานธุรกิจด้วยซ้ำ เพราะว่างานการแสดงก็เป็นเรื่องการซัพพอร์ทรายได้ของเราทำให้เรามีชื่อเสียงและทำให้คนมารู้จักผลิตภัณฑ์ของเรา”


อย่างหลายคนมองว่างานละครเราไม่ต่อเนื่องเคยน้อยใจมั้ย?

“ไม่ค่ะ ส้มเป็นคนที่ละครมีและชอบออนแอร์ติด ๆ กันแล้วก็หายไปถ่าย มันก็เลยเหมือนไม่ต่อเนื่อง คือมันเป็นจังหวะของการถ่ายและออนแอร์มากกว่า ส้มก็นับว่าเป็นคนที่ผู้ใหญ่ป้อนงานให้เรื่อย ๆ นะ คือจังหวะการมีละครแบบนี้ส้มก็พอใจ อีกอย่างบทบาทของส้มก็แตกต่าง ท้าทายมากและยากตลอดเวลา ทำให้รู้ว่าผู้ใหญ่ก็มั่นใจในความสามารถของเรา ถามว่าเข้าวงการมานานแล้วแต่เราก็ไม่เปรี้ยงกับเขาสักที มันก็มีนะช่วงที่ท้อ แต่ทุกวันนี้มันอยู่มานาน ก็เลยรู้สึกชินกับสิ่งที่เป็น และเราก็รู้ว่าการที่เรามีงานเรื่อยๆ ไม่ขาดก็โชคดีแล้ว ส่วนเรื่องของการเปรี้ยงหรือไม่ คือส้มเป็นคนที่เชื่อเรื่องของวาสนาของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน แค่ทุกวันนี้เราอยู่ได้ คนรู้จักระดับหนึ่งก็โชคดีแล้วค่ะ”

คิดว่าที่ไม่เปรี้ยง เพราะเราเองไม่ค่อยมีข่าวหรือเปล่า?

“คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งค่ะ ส้มก็ยอมรับในจุดที่ว่าบางทีคนก็รู้จักเราจากข่าวนะ แต่ว่าหลายคนก็รู้จักเราจากงานแสดงเหมือนกัน และส้มก็เชื่อว่าถ้าเราพัฒนาฝีมือการแสดง มันก็จะทำให้เราอยู่ได้ยาวมากกว่า ถามว่ามีข่าวแล้วเปรี้ยง หรือไม่มีข่าวแต่มีงานเรื่อย ๆ เราแฮปปี้อันไหนมากกว่ากัน ส้มชอบมีงานเรื่อย ๆ มากกว่าค่ะ เพราะเวลาที่ข่าวออกไป ต้องยอมรับว่ามันมีทั้งแง่บวกและลบ คนก็จะวิจารณ์ต่าง ๆ นานา ซึ่งเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เวลาที่คนมาว่าเรามาก ๆ เราก็รู้สึกนะ สู้เราอยู่เฉย ๆ แต่เรามีงานเรื่อย ๆ ผู้ใหญ่ก็เห็นในผลงานเรา ไปต่างจังหวัดผู้ชมก็ชื่นชอบในผลงาน เรียกเราในตัวละครนั้นเราดีใจมากกว่าที่เขาจะมาวิจารณ์ข่าวของเรา ส่วนที่บอกว่าถ้ามีข่าวก็จะมีงานอีเว้นท์เข้ามา ส้มก็ยอมรับ แต่ว่ามันก็เป็นช่วงหนึ่ง ถ้าเราต้องคอยมาสร้างข่าวอยู่ตลอดเวลามันก็เหนื่อย แต่ถ้าเราอยู่ด้วยคุณภาพ ส้มว่ามันจะคงทน และเราก็จะไม่เหนื่อยเกินไปค่ะ”


เคยคิดมั้ยว่าการที่คนรู้จักเรามากขึ้น เพราะเรามีข่าวกับสเตฟาน?

“มันต้องมีอยู่แล้วแหละ เพราะสื่อบันเทิงตอนนี้เยอะมาก เป็นเรื่องปกติที่คนเสพสื่อก็ต้องรู้ ในความรู้สึกส้มมันก็คงเป็นช่วงหนึ่งแต่พอเล่นละครแล้วคนจะชอบส้มตรงที่มีข่าวกับพี่ฟานเหรอมันก็ไม่ใช่ค่ะ ถามว่าก่อนหน้านี้เราไม่มีข่าว พอเปิดตัวว่าดูใจกับสเตฟานก็โดนจับตามมองและมีข่าวออกมาเยอะมาก ตอนนั้นแรก ๆ อึดอัดเพราะว่าพี่เขาพูดออกไป และเราก็ไม่อยากจะโกหก เพราะเราก็คุยกันจริง ๆ แต่มันก็กลายเป็นถูกจับตามองว่ามันจะไปกันรอดมั้ย และเราก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ศึกษากัน ซึ่งพอมันไม่ใช่มันก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อีก มันก็อึดอัดเหมือนกัน แต่ว่าส้มก็บอกตัวเองว่าเราทั้งสองคนเป็นคนสาธารณะ มันก็เลยเป็นเรื่องปกติ ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนี้”

อย่างที่บอกว่าความสัมพันธ์กับสเตฟานห่างกันแล้ว เป็นเพราะอะไร?

“ก็อย่างที่พี่ฟานให้สัมภาษณ์ไปนะคะ ว่ามันเป็นเรื่องของความต่าง คือเป็นเรื่องที่เราคุยกันมาแต่แรกแล้ว ส้มว่าหลายคนก็คงพูดว่าเราต่างกัน (หัวเราะ) แล้วพี่ฟานเองก็บอกว่าจะปรับ เราก็โอเค เราให้โอกาสในการศึกษาซึ่งกันและกัน แต่พอระยะเวลาศึกษามาถึงทุกวันนี้ พี่เขาก็บอกว่าเขาปรับแล้วเขาไม่มีความสุข ส้มก็เลยรู้สึกว่าถ้าพี่เขาปรับแล้วไม่มีความสุขเราจะมีความสุขได้ยังไง งั้นก็ให้พี่เขาได้ทำในสิ่งที่เขามีความสุข นั่นคือให้เขาได้กลับไปเป็นตัวเองดีกว่า แต่เราต้องยอมรับว่าเมื่อเขากลับไปเป็นตัวเองมันก็จะไม่ใช่สำหรับเรา เมื่อไม่ใช่ก็ยุติความสัมพันธ์ดีกว่า และส่วนในเรื่องเวลาพี่เขาบอกว่าเขาไม่ค่อยมีเวลา คือมันก็ยุ่งด้วยกันทั้งคู่ แต่ถามว่าเรื่องเวลามันสำคัญมากมั้ย สำหรับส้มมันก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เพราะว่าส้มเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย บอกกันก็รับทราบ แต่มันก็มีที่เขาหายไปหลายวันและก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ส้มก็เลยคิดว่าเขายุ่งจริงๆ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ส้มคิดว่าเขาไม่มีเวลาให้เรา”


ใครเป็นคนขอถอยห่างความสัมพันธ์ครั้งนี้ก่อน?

“คุยกันมากว่า ซึ่งคนที่เริ่มคุยก่อนและคิดว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น คือส้มเป็นคนเลือกเองค่ะ เพราะว่าส้มเป็นคนที่ไม่ชอบฝืน บวกกับเมื่อความต้องการที่พี่เขาบอกว่าปรับแล้วไม่มีความสุข ก็โอเคหยุดเถอะ ถามว่าเฮิร์ตมากมั้ย ก็ไม่เลยนะ (หัวเราะ) ส้มลั้นลามาก เพราะทุกอย่างมันเคลียร์ไง ไม่มีอะไรค้างคา เหมือนยกภูเขาออกจากอกมาก จริงๆ แล้วส้มพูดอยู่ตลอดเวลาว่ามันอาจจะใช่หรือไม่ก็ได้ ฉะนั้นตลอดการศึกษาส้มก็ดูแลตัวให้ดี คือเป็นคนที่รักตัวเองและเผื่อใจไว้ตลอด ว่ามันอาจจะเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อมันเกิดความไม่ใช่เลยไม่รู้สึกอะไร เพราะมันไม่เสียไงค่ะ เราปกป้องหัวใจอยู่แล้ว ถามว่าตอนศึกษากันส้มเลือกคนผิดมั้ย คือไม่มีใครรู้หรอกค่ะ ว่าใครจะเป็นยังไง และจริงอยู่ที่คนอาจจะมองเรื่องอดีตของเขา แต่ส้มไม่เคยเอาอดีตมาตัดสินคน ปัจจุบันต่างหากที่จะตัดสิน ซึ่งเราก็ศึกษากันมาประมาณ 3 เดือน และคือตลอด 3 เดือนที่ผ่านมามันก็น้อยจริง ๆ ยังไม่ได้มีเรื่องราวผูกพันอะไรมาก เรายังไม่ใช่แฟนกัน คืออยากบอกว่าส้มเป็นผู้หญิงที่ชัดเจนนะ มีอะไรคุยกัน จบก็คือจบ แล้วอันนี้ส้มก็ไม่ได้เสียใจอะไรเพราะส้มเป็นคนเลือกเอง”

มีข่าวว่าพ่อส้มไม่ปลื้มสเตฟานเลยทำให้ต้องห่างกัน?

“เรื่องของคุณพ่อคุณแม่มันไม่ใช่การไม่ชอบแล้วมาถอยห่าง เพราะตลอดเวลาที่เราคบกัน ส้มไม่เคยพาพี่ฟานไปเจอที่บ้านเลย เพราะว่าส้มเป็นคนจริงจังกับเรื่องความรัก ฉะนั้นคนที่มาเจอคุณพ่อคุณแม่คือคนที่ส้มต้องมั่นใจแล้ว แต่เรื่องคุณพ่อจะเป็นการเป็นห่วงมากกว่า แล้วเขายิ่งเป็นห่วงมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ เขากลัวเราจะเสียใจ แต่ผลปรากฏว่าเราไม่เสียใจเลย เขาก็เลยแฮปปี้กับเรามากขึ้น กลายเป็นว่าส้มได้ของขวัญปลอบใจ คุณพ่อก็โอนที่ให้ ซื้อแหวนให้เราเลย เรายังงงเลยว่าคุณพ่อแฮปปี้ขนาดนั้นเลยเหรอ เหมือนตลอดเวลาส้มทำให้เขาเป็นทุกข์หรือเปล่า พอคุณพ่อมีความสุขมากเราก็ดีใจค่ะ ถามว่าช่วงที่คบกันคุณพ่อมีห่วงอะไรเราเป็นพิเศษมั้ย ก็มีบ้างนะ แต่ก็จะไปพูดกับคุณแม่มากกว่า เพราะคนที่ดูแลส้มคือคุณแม่ เวลาที่ส้มมีอะไรก็จะเล่าให้คุณแม่ฟังตลอดเวลา คือแม่จะบอกเราว่ามีอะไรให้ปรึกษาพ่อแม่ อย่ามองพวกท่านเป็นศัตรู เพราะว่าพ่อแม่คือคนที่สนับสนุนเราดีที่สุด และก็ทำให้เรารู้ว่าสุดท้ายแล้วคนที่กลัวเราเสียใจที่สุดและรักเรามากที่สุดคือพ่อแม่ค่ะ ซึ่งเรื่องความรักท่านก็ไม่ได้ห่วงเรามากขึ้นนะ แต่แบบใครเข้ามาก็บอกเขา เขาจะช่วยดูให้ แต่พ่อแม่ก็แอบมีบอกว่าถ้าครั้งต่อไปเป็นคนนอกได้ก็ดี เพราะที่ผ่านมาข่าวมันก็เยอะมากและท่านก็สงสารเรา เพราะข่าวที่ลบก็จะมีคนที่ไม่เข้าใจและใช้คำรุนแรงกับเราค่ะ”


ด้วยความที่ระยะเวลาที่คบกันสั้น หลายคนเลยมองว่าเราสร้างกระแสหรือเปล่า?

“ไม่แน่นอน อย่างที่รู้ว่าส้มเองก็อยู่วงการมานานแล้ว ถ้าจะสร้างกระแสด้วยวิธีนี้คงมีข่าวด้านนี้เยอะ คงไม่รอให้มาถึงคนนี้หรอก ซึ่งคนมองเราแง่นี้ส้มก็ไม่นอยด์นะ เป็นรื่องปกติว่าข่าวต้องมาประมาณนี้แหละ นานาจิตตัง แต่เรารู้ว่าความเป็นจริงเป็นยังไง ที่ผ่านมาคนปรามาสว่าคู่เราไม่น่าจะรอด ก็ไม่กดดัน เพราะว่าเรายอมรับนะว่าเรามีความต่าง เราจึงมีการคุยกันตั้งแต่แรก แต่เมื่อมันไปกันไม่ได้ก็ต้องหยุด รักนี้มันไม่ได้ทำให้มุมมองความรักเปลี่ยนนะ แต่คงต้องดูอะไรละเอียดมากขึ้น เพราะว่าบางทีส้มเป็นคนคิดน้อย แต่ว่าเราก็ไม่ได้เข็ด เพราะส้มไม่คิดว่าจะเอาคนเดิมไปเป็นบรรทัดฐานกับคนอื่นที่เข้ามาว่า เขาจะเป็นแบบนี้ มันไม่แฟร์ค่ะ ส้มมองว่าเราต้องให้โอกาสตัวเองมากว่า”

รักครั้งต่อไปเข็ดคนในวงการมั้ย?

“จริง ๆ ส้มก็ไม่อยากมีแฟนเป็นคนในวงการตั้งแต่แรกแล้วค่ะ เพราะส้มเป็นคนชอบใช้ชีวิตเป็นส่วนตัวเหมือนกัน แต่ถ้าเราอยากคุยกับคนนี้ มันก็ไม่สามารถเลือกได้ว่าเป็นในหรือนอกหรอก ขอแค่เป็นคนที่เห็นใจ เข้าใจเรา เอาใจเขามาใส่ใจเรา ส้มไม่ชอบคนที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เพราะการที่เราจะคบใครสักคนต้องแชร์ความรู้สึกกัน ถ้าเขาเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่มันจะอยู่กันไม่ได้ค่ะ คือเขาจะไม่คิดถึงจิตใจเราว่าจะรู้สึกยังไง มันก็ไม่ใช่สำหรับคนที่จะคบกัน คือคนต่อไปหรือหนุ่มในสเป็คของส้มก็ขอเน้นจริงใจและเอาใจเขามาใส่ใจเราเลยค่ะ เพราะว่าถ้าเขาคิดถึงแต่เขา ความรู้สึกเราจะไม่มีความหมายอะไรเลย มันสำคัญมากค่ะสำหรับคนสองคน นอกจากนี้ก็ต้องชัดเจน พูดกันรู้เรื่อง และใส่ใจกัน ส่วนรูปร่างหน้าตาส้มขอสูงกว่าส้มนิดนึง แต่ส้มอยากได้คนธรรมดาๆ ค่ะ (หัวเราะ)”


พอเลิกกับฟานปุ๊บ เราก็ภาพเซ็กซี่ออกมาเลย คนเลยมองว่าเราแอบประชดใครหรือเปล่า?

“ไม่ใช่เลยค่ะ (ยิ้ม) จริงๆ แล้ว ส้มถ่ายเล่มนี้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่มันเพิ่งมาออก มันไม่เกี่ยวกัน มันเป็นแค่อีกหนึ่งงานที่ส้มอยากปรับลุคตัวเองบ้างเท่านั้นเอง คือส้มไม้ได้จะประชดใครด้วยการมานั่งถ่ายแบบนี้หรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องคำพูดก็มีพูดประชดบ้าง เพราะว่าส้มเป็นคนรักตัวเองนะ ส้มไม่ทำลายตัวเองเพื่อคนอื่นแน่นอน”


พร้อมเปิดใจกับรักครั้งใหม่หรือยัง?

“ก็เปิดนะคะ เพราะรักครั้งนี้ไม่ได้เสียใจเลย คือส้มไม้ได้รีบนะ แต่ถ้ามีคนที่ดี จริงใจกับเราเข้ามาดูแลเราและเรามองแล้วพอจะคุยกันได้ ก็คงศึกษากันไปค่ะ ก็มีคนเข้ามาบ้าง แต่ยังไม่ได้อะไร เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อน และก็จะมาด้วยความเป็นห่วงเยอะค่ะ แต่ส้มก็คิดว่าชีวิตโสดนี่ก็ดีเนอะ แฮปปี้ ส้มยังสามารถที่จะมีโอกาสเลือกได้ และเราก็ไม่ต้องไปนั่งใส่ใจความรู้สึกใคร กลับมาเป็นตัวของเรา มีชีวิตที่เราตัดสินใจเองโดยไม่ต้องแคร์ความรู้สึกใคร ทางเดินที่ผ่านมาเราก็เป็นคนตัดสินใจให้อิสระกับตัวเอง ดังนั้นทุกวันนี้ส้มก็เลยมีความสุขค่ะ”

เห็นส้มโสดแล้วแฮปปี้แบบนี้ก็ดีใจด้วย และก็ขอภาวนาให้เธอเจอรักที่ต้องการแล้วกันนะจ๊ะ.

'นาตาลี' เซ็กซี่สุดขีด หนุ่มรอคิว!

นาตาลี เดวิส หอบเต้าหวือ โชว์หวา!! ฮือฮารับลมร้อน ช่วง ก่อนโดนเม้าท์ว่า “เต้าหด” งานหาย นาตาลี ทนเก็บท่าไม้ตายมาโชว์ตอนนี้ เพราะเธอถือคติ “เต้านี้” โชว์เมื่อไหร่ก็ฮือฮา ป่านนี้

“ขาเม้าท์” คงอยากจะหาสายวัดออกมาวัดขนาดหน้าอก หน้าใจ นาตาลี ซะเหลือเกิ๊น กว้าง คูณ ยาว เท่าไหร่อยากจะรู้ แต่เท่าที่ดูด้วยสายตา จากนิตยสาร “MAXIM” นาตาลี เอาอยู่ อก อวบอึ๋ม สะกดสายตาอยู่หมัด แต่ก็เข้าใจ ช่วงก่อน นาตาลี ดันไซส์ลูกมะพร้าว พอเหลือแค่ “มะพร้าวปอกเปลือก” คนเลยเกิดข้อกังขา เล็กไปบ้าง ไม่ตู้มต้ามเท่าที่ควร แต่ นาตาลี ก็คงไม่แคร์ เพราะเธอเป็นสาวลูกครึ่ง พันธุ์เนื้อนมไข่ โด๊ปดีๆ “อกอึ๋ม” เพิ่มไซส์ได้ในบัดดล สั่งได้ตามชอบใจ!

ล่าสุดเธอก็เพิ่งรับงานอีเวนต์โชว์ล้างรถ ลีลาเซ็กซี่โชว์เต้าขาวจั๊วะแต่ไม่อล่างฉ่าง ทำให้รู้ว่าทำเนียบสาวเซ็กซี่เมืองไทย ยังไงก็ต้องมีชื่อ นาตาลี ถึงในอดีตเธอจะเป็นแค่ “คู่ดูโอ้วัยใส” นาตาลี–แจ๊สกี้ ค่ายอาร์เอส แต่ตอนนี้เธอเลือกเดินทางสายเซ็กซี่อย่างถาวร เพื่อนคู่หูอย่าง แจ๊สกี้–จริยา แซร่าฮ์ เอชเวิท ก็กลายเป็นสาวเซ็กซี่ถ่ายโฟโต้บุ๊กเซ็กซี่ไปเหมือนกัน

หากใครถามว่า นาตาลี เซ็กซี่ที่สุดตอนไหน? เธอจะตอบได้ทันใดว่า ตอนตื่นนอน เธอมองว่าหน้าที่ไม่ได้แต่ง เซ็กซี่แบบธรรมชาติ และเธอยืนยันว่า ภาพเซ็กซี่ที่แสดงออกคืองาน แต่ตัวจริง นาตาลี ยืนยันว่าคนที่รู้จักจะบอกว่าเธอเป็น สาวโก๊ะที่แสนซน!

ชีวิตหวือหวา นาตาลี เป็นคนลิขิตเอง แต่เรื่อง “หัวใจ” และ “ความรัก” นาตาลี เลือกไม่ได้ แฟนกี่คนมักไม่หล่อ จนมีแต่เสียงวิจารณ์ว่า “คบไปได้ไง” ไล่มาตั้งแต่ หนุ่มบอล แฟนหนุ่มนอกวงการ ที่ตอนเลิกกัน นาตาลี เสียใจมาก และหนุ่ม เอิ้น–ธนเบศร์ หนุ่มอวบนอกวงการ ที่ นาตาลี ก็ดูฟุ้งว่ารักมาก แต่คบกันก็มีข่าวเดี๋ยวรัก...เดี๋ยวเลิก แต่หลายวันก่อน นาตาลี ก็เพิ่งไปช็อปปิ้งของใช้ที่ห้างหรูคู่กับ เอิ้น อยู่เลย

คาดว่าอยู่วงการมานานๆ นาตาลี คงเลี่ยนและเอียน “คนหล่อ” เธอคงคิดแล้วว่า ขอใครสักคนก็ได้ที่รักและอบอุ่น เพราะเธอคงขี้เกียจปวดหัว เพราะหากคบคนหล่อต้องคอยระแวงใครจะมาแย่ง “แฟน” ไป เธอขอเลือก “รักสงบ” แต่เพราะความรักมันเป็นเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก ความใกล้ชิด นาตาลี คบแฟนหนุ่มร่างอวบชื่อ เอิ้น ยืนยันรักยังหวานแต่ก็ยอมรับว่ามีช่วงมีปัญหากันบ้าง เธอเป็นผู้หญิงหวั่นไหว มีน้อยใจ คิดมาก แต่ก็กลับมาคบกันได้

แต่ก็มีข้อสังเกต!!ว่า พักหลังไม่ค่อยมีข่าวรักอัพเดทกับ หนุ่มเอิ้น สักเท่าไหร่ เหมือน “รักนี้” อึมครึม เหมือน นาตาลี ไม่ฟันธง! แต่ก็ไม่บอกว่า “เลิกรา”

เหมือนเธอครุ่นคิดอะไรสักอย่าง เพราะพอลองแย็บถามว่า ความรักตอนนี้สถานะโสด หรือคบหาดูใจใครอยู่ นาตาลี ซึ่งเป็นสาวเปิดเผยกลับพูดว่า “มีคนคุยอยู่ แต่เพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น” งง!! เพราะกับ เอิ้น ก็คบกันมาได้ระยะนึง งั้นแสดงว่าคนที่พูดถึง ไม่ใช่ เอิ้น นาตาลี บอกว่า ตอนนี้เธอไม่โฟกัสเรื่องความรัก เพราะอยากทำงาน การแสดง และแข่งรถที่เธอชอบไปก่อน

ทั้งๆที่ นาตาลี เป็นผู้หญิงที่ให้ความสำคัญกับความรักมาก เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะได้สวมชุดเจ้าสาวเมื่อไหร่ เพราะเรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องของ “คนสองคน” เธอเลยโบ้ยว่า “มันต้องขึ้นอยู่กับคนที่เธอคบ ณ ตอนนั้นด้วยว่านิสัยตรงกันมั้ย เข้ากันได้หรือเปล่า”

กฎเหล็กของการเป็นแฟน นาตาลี คือ ห้ามเจ้าชู้เด็ดขาด เธอรับไม่ได้ เพราะมันจะทำให้สูญเสียความไว้ใจ เพราะนาตาลี มองการณ์ไกล หากเจ้าชู้ครั้งแรกได้ แสดงว่าครั้งต่อไปจะตามมา รักที่อยู่บนความไม่ไว้ใจก็เท่ากัน คบหาในระยะเสี่ยง

“เลิก” มากกว่าเสี่ยง “รัก”กับ เอิ้น เพิ่งมีข่าวควงไปช็อปปิ้ง แต่ นาตาลี ก็มีข่าวใกล้ชิดสนิทสนมถึงขั้นจ๊วบ...จ๊าบกับหนุ่มอื่นด้วย ก็เลยเริ่มทำให้สับสน ตกลง นาตาลีรักใคร?! หรือ “ความรัก” ของ “คนดัง” มันเหมือนหนัง ที่ฉายซ้ำไปซ้ำมา บทแรกเริ่มต้นด้วยความหวาน พอหมดโปรโมชั่น ก็เริ่ม หมดใจ พอจืดจางก็จบด้วยการ “เลิกรา” เท่านั้นเอง วงจรรักสั้นนัก

หากเป็นเช่นนี้จริง หัวใจ นาตาลี ต้องแกร่งและเข้มแข็งและกว้างขวางมากพอ จะได้มีพื้นที่ไว้รักและเก็บความเจ็บเมื่อ ถึงวันเลิกรา ดีน้า! อก นาตาลี ไซส์ใหญ่ หากอกเล็กแล้วเจ็บบ่อย ก็เท่ากับต่อยอกตัวเอง เพราะกว่าจะถึงวันวิวาห์ คาดว่าเธอต้องใช้พื้นที่ “เมมโมรี่รัก” เปลืองอย่างแน่นอน!