Inside Dara
เส้นด้าย เปิดปากครั้งแรกปมดราม่ากระเป๋า เรื่องจริงเป็นอย่างไร ทำไมต้องขึ้นศาล...

ฟ้องมาฟ้องกลับ “เส้นด้าย สอดอ สไตล์” เปิดปากครั้งแรกปมดราม่ากระเป๋า เรื่องจริงเป็นอย่างไร ทำไมต้องขึ้นศาล

จากกรณีอินฟลูฯสาวคนดัง สอดอ เส้นด้าย ได้ถูกลูกค้ารายหนึ่งได้ออกมาแฉว่าถูกอินฟลูฯ สาวคนดังโกงค่ากระเป๋า จนมีคดีฟ้องร้องกัน ในขณะเดียวกันทางด้าน สอดอ ก็ไม่ยอมเช่นกันและได้เผยว่าขอไม่ชี้แจงอะไรทั้งนั้น จบที่ศาลเท่านั้น

ล่าสุดวันที่ 4 มิ.ย. สอดอ เส้นด้าย ได้มาร่วมงานเปิดตัว ภาพยนตร์ “เลี้ยงรุ่น” จากค่าย GOLD FIGHT ที่ บริษัท CEO EYE ซ.รามอินทรา 64 พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวดังกล่าวเป็นครั้งแรก...

โดยเธอเล่าว่าเรื่องกระเป๋าลูกค้าได้ซื้อไปแล้วเกิดไม่ชอบจึงนำกลับมาคืนแล้วมาฝากขายแต่ทางเลขากลับไม่ได้แจ้งว่าลูกค้านำมาฝาก แต่เมื่อเธอรู้ก็รีบจัดการและขอโทษลูกค้าด้วยทันที แต่ลูกค้ากลับไม่พอใจและได้ฟ้องเส้นด้ายในข้อหายักยอก ส่วนเธอเองก็ได้ฟ้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมเผยว่ายินดีเข้ากระบวนการทางกฎหมาย...

เรื่องกระเป๋า? “จริงๆ จะเป็นที่แรกที่พูดเลย เพราะด้ายประกาศไว้แล้วว่าจะไม่พูดเพราะจะพูดที่ชั้นศาลทีเดียว จริงๆ ไม่อยากจะพูดเพราะมันมีเรื่องของทางเอกสารต่างๆ แต่ถ้าไม่พูดเลยเราก็จะถูกกล่าวหาไปเรื่อยๆ”...

“เอาเป็นว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของการซื้อขาย ด้ายขายกระเป๋าแบรนด์เนมทางสตรีมไลฟ์สด เราเป็นการขายทางสาธารณะ แล้วก็มีการบันทึกอย่างตรงไปตรงมา ก็คือเวลาขายไม่ได้ถ่ายรูปแล้วขายแล้วบอกว่าไม่ตรงปก ก็คือบอกชัดเจนบอกทุกอย่าง แล้วมันเป็นการขายแบบบิดประมูลดังนั้นคนที่ซื้อไปต้องยอมรับในสภาพและเงื่อนไขต่างๆ และก็สู้กันในราคานั้นไป”

“ทีนี้เกิดการที่ลูกค้าซื้อของไปแล้วไม่ชอบ เลยนำกลับมาคืน การนำกลับมาคืนคือไม่ได้ขายคืนเป็นการนำมาฝากขายต่อประมูลใหม่ แต่ทีนี้วันนั้นด้ายไลฟ์อยู่และเวลาไลฟ์ 5 ชั่วโมงคนที่รับของไปจึงเป็นเลขา วันนั้นลูกค้าเอาของมาคืนที่หน้าบ้านเลยกว่าที่เลขาจะบอกก็คือ 5 ชั่วโมงแล้ว พอเราไลฟ์จบทุกคนก็รีบเก็บของกลับบ้านไปก็เลยไม่ได้สื่อสารกัน พอไม่ได้สื่อสารกันของก็เลยค้างสต๊อกอยู่ 3 เดือน น้องอีกคนนึงก็เลยมาบอกว่านี่คือของที่ลูกค้ามาฝากตั้งแต่ตุลาคม แล้วเราก็เลยเอาไปให้เพื่อนบิดให้มันก็เลยไม่ได้ราคาเพราะว่ามันนานแล้ว สินค้ามันเป็นปีลึก เราก็รู้สึกผิดแล้วก็พยายามที่จบให้ราคามันดีที่สุด แล้วก็เอาไปขายให้ลูกค้า เราก็ทำให้มันดีที่สุด ขอกับเพื่อนให้มันได้ราคาได้มากที่สุด”

“จริงๆ แล้วมันไม่ได้ราคาเพราะว่าด้วยรุ่นด้วยสภาพ ดังนั้นข้อที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราไม่จริงใจก็คือแชทมันหาย ในหนึ่งเดือนฉันมันจะหายไปในอัตโนมัติ แล้วเราก็ติดต่อลูกค้าไม่ได้แล้วก็ไม่สามารถที่จะเอาเงินไปคืนได้ด้ายก็รู้สึกว่าถ้าลูกค้ายังไม่ติดต่อมาก็รอลูกค้าติดต่อมา ทีนี้เราก็ไปทำอย่างอื่นเพราะเราไม่ได้ขายแบรนด์เนมเป็นกิจลักษณะ ดังนั้นตอนรอลูกค้าติดต่อกลับมาเราก็ทำอย่างอื่นไปมันก็รออีกสามเดือน”

“ลูกค้าติดต่อกลับมาอีกทีนึงลูกค้าก็ด่าด้ายแล้ว พอลูกค้าด่าเราก็รู้สึกว่ามันไม่สบายใจ แล้วก็เลยอยากจะไปตามของให้ลูกค้าคืนมากกว่าที่จะขายของให้ลูกค้า แต่ทีนี้ของตามไม่ได้เราก็เลยบอกลูกค้าว่าเราไปขายของให้ลูกค้าแล้วนะและเราก็ยินดีที่จะเนี่ยขายได้มากที่สุดเท่านี้ แล้วก็จะโอนเงินให้ลูกค้าแต่ว่าลูกค้าไม่รับ แล้วพอลูกค้าไม่รับแล้วก็บอกว่าอยากจะได้เงินที่เต็มจำนวน เราก็เลยบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าสินค้ามันเกิดการขายเป็นมือหนึ่งมือสองมือสามแล้วสินค้ามันเป็นการประมูลที่สูงราคา เราก็พยายามจะคุยด้วยความยืดหยุ่นกัน”

“ก็พยายามเคลียร์แล้วแต่ลูกค้าเลือกที่จะใช้กฎหมายในการพูดคุยกัน ก็ไม่เป็นไรเราก็พร้อมที่จะเข้าสู่ขบวนการทางกฎหมาย”

ได้ส่งหลักฐานให้ลูกค้าดูไหม? “ใช่ค่ะส่งให้ดู (ตลอดเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ตุลาถึงธันวาเค้าได้ติดต่อมาไหม?) ไม่เลยค่ะ เอากระเป๋ามาให้ตั้งแต่ตุลาติดต่อมาอีกทีเมษาเลย ประเด็นคือลูกค้ารู้จักหน้าบ้านเส้นด้ายแล้วถ้าลูกค้ามากดออดแล้วเส้นด้ายไม่เปิดให้ก็อีกเรื่องนึง หรือลูกค้าโพสต์หาเส้นด้ายเพราะว่าลูกค้ามีทั้ง DM มีทั้งเฟซบุ๊กเส้นดายเพราะเราเป็นคนสาธารณะ แต่ว่าเราไม่สามารถหาลูกค้าเจอได้ ด้ายมีแค่ LINE@ของลูกค้าแล้ว LINE@ก็ไม่ใช่ชื่อจริงของลูกค้าด้วย เพราะข้อมูลมันถูกลบอัตโนมัติ”

“อันนี้ด้ายไม่ได้โทษลูกค้าว่าผิด เราก็ผิดส่วนนึงแล้วก็ขอโทษลูกค้าแล้ววันนั้น ได้ขอโทษแล้วก็ได้คุยกันอย่างประนีประนอม และก็คุยอย่างดี แต่ลูกค้าเลือกที่จะใช้กฎหมายในการที่จะพูดคุยกัน งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะก็เข้าสู่กระบวนการกฎหมาย ด้ายเชื่อว่าทำธุรกิจมาด้ายมีความจริงใจต่อลูกค้า”

ยืนยันว่าลูกค้าไม่ได้มีการติดต่อกลับมาเพื่อติดตามกระเป๋าเลย? “ใช่ (มีข่าวว่าด้ายทำโทรศัพท์หาย?) ไม่มีค่ะ แถมมีข่าวปลอมว่าด้ายไปบอกให้ทางร้านหากระเป๋าเทียมให้มันเหมือนกันเอามาย้อมแมวให้ลูกค้า ไม่มีคนอย่างด้ายตรงไปตรงมาที่สุดไม่มีค่ะ คือพอลูกค้าด่าปุ๊บเราก็ไม่โอเคแล้ว พอโดนด่าเราก็รู้สึกว่าเราพยายามที่จะให้ผลประโยชน์ลูกค้ามากที่สุดเพราะกระเป๋ามันขายไม่ได้ราคา พยายามจะไปขอให้ได้ราคามากที่สุดเพื่อนก็ช่วย แต่ทีนี้ลูกค้าด่าด้าย ด้ายก็ไม่โอเคที่จะขายของให้แล้ว ก็เลยอยากจะไปหากระเป๋ามาคืน เพื่อจะเอาเงินนี้กลับไปซื้อกระเป๋าคืนต่อให้มันจะมากกว่า 150,000 ก็ตาม แต่ทีนี้กระเป๋ามันหาคืนไม่ได้ก็เลยมาบอกลูกค้าว่าขายกระเป๋าได้เท่านี้นะ แต่ลูกค้าไม่รับเงินส่วนนี้อยากจะได้เงินเต็ม ซึ่งการจะได้เงินเต็มมันเป็นไปไม่ได้”

ตอนคุยกับเค้าได้ถามเค้ามั้ยว่าในระยะหกเดือนทำไมไม่ติดต่อกลับมา? “อันนี้ไม่ได้คุยเลยค่ะ พอแชทมา ก็เลยพิมพ์กลับไปบอกลูกค้าว่าพึ่งเห็นแชท แชทส่วนอื่นหายไปหมดเลยค่ะใบเนี่ยอยู่ในชั้นศาลเพื่อให้ศาลดูว่าแชทหายไปจริงๆ แล้วไม่ได้หายลูกค้าท่านนี้ท่านเดียว หายทุกคน”

ตอนมาฝากขายได้บอกไหมว่าต้องการราคากระเป๋าเท่าไหร่? “ไม่ได้พูดค่ะ แค่ฝากอย่างเดียว คือหมายถึงว่าได้เท่าไรก็เอา (มีหลักฐานไหมว่าได้เท่าไรก็เอา?) เราขายได้จริงๆ คือ 150,000 ค่ะ ราคากระเป๋าที่ลูกค้าบิดไปได้คือ 298,000 บาท แต่ทีนี้ขายในตลาดได้ 150,000 แต่จริงๆ ราคาที่เราลองบิดดูแล้วเราได้แค่ 100,000 เดียว ซึ่งพอมันบิดได้แค่นี้เรารู้สึกว่าลูกค้าขาดทุนเยอะ เราไม่ปล่อยดีกว่า เราก็เห็นใจลูกค้าเราก็เลยเอาไปขายกับเพื่อนอีกร้านหนึ่งให้ช่วยหน่อย แล้วตอนแรกด้ายขอไป 200,000 แต่เพื่อนบอกว่าไม่ได้จริงๆ ด้วยกระเป๋ามันปีลึก”

เค้าฟ้องเราก่อนในข้อหา? “ข้อหายักยอก (และเราฟ้องเค้ากลับในข้อหา?) หมิ่นประมาท เพราะตอนนี้ประชาชนทุกคนเข้าใจว่าเส้นด้ายยักยอก และฉ้อโกง เพจทุกเพจลงข่าวว่ายักยอก ซึ่งด้ายฉ้อโกงอะไร เราไม่ได้ไปเอากระเป๋าเค้ามาแล้วเอาไปขาย เค้าเอากระเป๋าของเค้ามาให้ด้ายที่บ้านเพื่อฝากขาย แล้วด้ายไม่รู้ว่ากระเป๋าอยู่ที่บ้าน ถ้าเกิดว่าด้ายขายกระเป๋าตั้งแต่วันแรกแล้วไม่ได้ให้เงินเค้านั้นคือเรายักยอกเค้า แต่กระเป๋าอยู่ที่บ้านตั้งแต่วันแรกจนสามเดือนด้ายจึงมาเห็นของ และพอจะติดต่อกลับก็ติดต่อกลับไม่ได้ เพราะเค้าไม่ได้เป็นคนสาธารณะเหมือนด้าย ถ้าเค้าติดต่อกลับมาก็คงชำระเงินให้เค้าเรียบร้อยแล้ว”

ศาลครั้งแรกนัดเมื่อไหร่? “น่าจะประมาณวันที่ 15 กรกฎาคม คือในตอนนี้ถ้าเป็นกระบวนการด้านกฎหมายด้ายยินดีที่จะเข้ากระบวนการด้านกฎหมายและก็มีหลักฐานที่จะชี้แจ้งทางศาลว่าเราไม่ได้มีเจตนาที่จะฉ้อดกงหรือยักยอกใดๆ เลย เราทำตามกระบวนการต่างๆ และรับผิดชอบในหน้าที่ที่เป็นแม่ค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งบอกตามตรงว่าเราไม่ใช่แม่ค้าแบรนด์เนมหรือว่าเป็นร้านค้าที่มืออาชีพ ด้ายเป็นแค่คนที่มีกระเป๋าแบรนด์เนมเยอะแล้วก็มาปล่อยกระเป๋าแล้วขายดีเพื่อนก็มาฝากขายแค่นั้นเอง”...