Inside Dara
ดา เอ็นโดรฟิน แฮปปี้ลักกี้อินเลิฟ มีแฟนหล่อใจต้องนิ่ง

ดา เอ็นโดรฟิน เผยมีงานเพลงใหม่ในต้นปีหน้า ได้แรงบันดาลใจมาจากผู้ประกวดเดอะวอยซ์ ตอนนี้ไม่กดดันเป็นกรรมการเดอะวอยซ์ เรื่องหัวใจยังอยู่ในสภาวะดีอยู่ เรื่อยๆ ไม่รีบ ด้วยความเป็นนักดนตรีเหมือนกันเลยคุยกันรู้เรื่อง...

ลักกี้อินเกมพร้อมกับลักกี้อินเลิฟสุดๆ สำหรับนักร้องสาวเสียงดี ดา เอ็นโดรฟิน หรือ ดา ธนิดา ธรรมวิมล ที่ทำเพลงอะไรออกมาก็ได้รับกระแสดีเยี่ยม ล่าสุดกับเพลง เธอมีฉัน ฉันมีใคร ก็ได้กระแสแรงเกินคาด งานนี้สาวดาก็บอกว่า ช่วงนี้กำลังเตรียมงานเพลงซิงเกิ้ลใหม่ คาดว่าแฟนๆ จะได้ฟังกันประมาณต้นปีหน้า ส่วนเรื่องหัวใจน่ะเหรอ แฮปปี้สุดๆ ไปเลย เข้ากันได้ดีทุกอย่าง เรื่องวัฒนธรรมและความชอบมีอะไรคล้ายกันที่สุด

ถามถึงงานเพลงหน่อยเห็นว่าจะกลับมาทำเพลง? "ใช่ค่ะ คงทำเพลงต่อ พอซิงเกิ้ลล่าสุด เธอมีฉัน ฉันมีใคร กระแสดี บวกกับได้ไอเดียมาจากเดอะวอยซ์ เราได้เด็กๆ ที่มีแรงบันดาลใจกว่าจะเป็นนักร้อง เหมือนเราได้เห็นตัวเอง เพลงต่อไปน่าจะเป็นเพลงที่ให้กำลังใจเด็กๆ ให้พี่นิ่ม สีฟ้า เป็นคนเขียนเพลง เดือนหน้าเริ่มเข้าไปอัดแล้วมาฟังกันดูว่าจะต้องแก้ไขอะไรยังไงหรือเปล่า" แนวเพลงเป็นแบบไหน? "เป็นเชิงให้กำลังใจ เหมือนเป็นแรงผลักดัน เพราะตอนถ่ายเดอะวอยซ์ก็ได้เจอกับผู้เข้าแข่งขันที่ภรรยาเขาเสียไปแล้ว สัญญากับภรรยาว่าจะมีประกวดเดอะวอยซ์ บางคนก็เป็นพี่สาวนั่งอยู่บนวีลแชร์แล้วให้น้องสาวขึ้นมาประกวดแทนเพราะเขาทำไม่ได้ เรื่องราวพวกนั้นทำให้เรารู้สึกว่าเป็นพลังมากๆ เลย"

มีส่วนร่วมกับงานนี้ยังไงบ้าง? "ยกให้เป็นหน้าที่ของพี่นิ่มเลย เพราะพี่นิ่มเคยเขียนเพลงให้ดานานมากแล้ว และไม่ได้ทำงานร่วมกันเลย ถ้าคนไหนที่อินกับเพลงอีโมชันนอล ต้องเป็นพี่นิ่มเลยค่ะ ดนตรีออกแนวสเตเดียมีร็อก ปลุกใจให้ลุยไปด้วยกัน เหมือนสถานการณ์ตอนนี้แหล่ะ ให้กำลังใจทุกคน" ได้ฟังกันเมื่อไหร่? "น่าจะอีกสัก 2-3 เดือน ถ้าทุกอย่างกลับมาออนตามปกติ เราก็เดินหน้าทำงานต่อเลย"

ถามถึงฟีดแบ็กเดอะวอยซ์เป็นยังไงบ้าง? "บรายด์ยังไม่จบเลย (หัวเราะ) ก็ดีค่ะ สนุก เหมือนเห็นตัวเองในเวทีประกวด เพราะตอนเด็กๆ ก็ซ่า บ้าบิ่น อยากจะประกวด แต่เดอะวอยซ์ดีอย่างตรงที่ใช้เสียงล้วนๆ ไม่เห็นอะไรเลย มากับดวงกับเสียงโดยเฉพาะ" กดดันเยอะไหม? "เด็กน่ะไม่กดดันหรอก แต่กรรมการน่ะกดดัน พอหันหน้าไปการที่เราจะหันไปคอมเมนต์น้องๆ บางทีก็ไม่รู้จะพูดยังไง เราก็ไม่อยากเป็นคนโดนว่ากลางเวทีเหมือนกัน เธอร้องไม่ดีเลย มาได้ยังไง ไม่อยากให้เกิดอารมณ์นั้นขึ้น เราอยากสร้างพลังงานบวกให้เด็กมากกว่า เดอะวอยซ์มีคนเดียวเท่านั้นฉะนั้นแล้วถ้าจะเป็นเดอะวอยซ์เรายังขาดอะไรอยู่บ้าง สอนเขา เอาประสบการณ์ที่มีมาแชร์ให้เขาฟัง ตอนเด็กๆ เราเคยทำแบบนี้แล้วมันพลาด เลือกเพลงยากไม่ได้ช่วยอะไร ใช้เพลงที่เราเข้าใจดีกว่า พูดจุดเด่นจุดด้อยให้น้องฟังแล้วให้เขาไปฝึก"

แต่ด้วยความที่เป็นคอมเมนเตเตอร์เราต้องมีเอกลักษณ์ มีความแรงไหม? "เราก็ต้องสู้ ผู้ชาย 3 คนก็ไม่ธรรมดา เหมือนโดนรังแกเบาๆ ในรายการแต่เราก็ต้องยืนหยัดต่อไปแม้ว่าฝีปากของเราอาจจะต้องการการพัฒนาอยู่บ้าง แต่ไม่มีอะไรนิ่งๆ เชิดๆ แล้วบอกไปว่าได้แล้วนะ อะไรแบบนี้" กังวลกับกระแสเปรียบเทียบกับพี่คิ้มไหม? "ตอนแรกก็แอบคิดเบาๆ แต่กรรมการแต่ละคนมีสไตล์ไม่เหมือนกัน ลองให้ดาเป็นดาดูก่อน จริงๆ การมาเป็นเดอะวอยซ์เราไม่ได้มาบังคับให้เขาทำตาม แน่เป็นการมาแชร์เรื่องราวตอนเด็กๆ ให้น้องๆ ฟัง เพราะน้องๆ รุ่นนี้มีแต่เด็ก 17 ปีทั้งนั้น เราตั้งใจว่าเราจะมาให้เขาก็เลยไม่รู้สึกกดดันแล้ว" ทางรายการมีให้ปรับอะไรไหม? "เราก็คิดว่าจัดจ้านแล้วสำหรับปีแรก หลายคนก็บอกวาาสนุกดี เหมือนพี่น้องทะเลาะกัน จริงๆ เราก็เป็นพี่น้องกัน ดา พี่โจ้ พี่สิงโต เราเล่นดนตรีเปิดปิดมิวสิกเฟสด้วยกันหลายปี ฉะนั้นก็จะไม่มีความเกรงใจกันแล้ว สนุกดีค่ะ"

ความรักเป็นอย่างไรบ้าง? "ก็โอเคนะ อยู่ในสภาวะดี เรื่อยๆ มากกว่า เราโตแล้ว เราขอเดินไปอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน ไม่อารมณ์ร้อนใส่กัน ทะเลาะก็ทะเลาะกันเบาๆ อยู่ในจุดที่เราโตขึ้นเราก็จะเริ่มเบาเอง" ด้วยความที่เป็นนักดนตรีเหมือนกัน? "ใช่ ส่วนใหญ่เราก็จะคุยกันเรื่องดนตรี เขาเองก็เซ็นสัญญากับต่างประเทศเหมือนกัน เราเจอกันที่งานแต่งลีเดีย ดาร้องเพลงตอนตัดเค้ก เขาร้องเพลงตอนปาร์ตี้ เขาโตมากับน้องชายลีเดีย หลังจากงานนั้นก็ไม่ได้คุยกัน 4-5 เดือน แต่ก็ตามไปดูเขาเล่นดนตรี เขาก็ตามไปดูดาเล่นดนตรี ก็คุยกันไปเรื่อยๆ ผ่านเฟซบุ๊ก เราทักเขาไปก่อน แต่เรามีเหตุผลนะเพราะเฟรนด์เราเต็มอ่ะ(หัวเราะ) ก็เลยต้องคุยก่อน เขาก็เดินทางตลอด ไป-กลับ ไทย ลอนดอน บางทีก็กรีซด้วย ก็เคยเดินทางไปเมืองกรีซกับเขามาเมื่อปีที่แล้ว" เขาเดินทางบ่อยเราโอเค? "สบายค่ะ เราเองก็ต้องมีเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง ทำงานกับวงเรา อยู่กับเพื่อน ไม่เบื่อค่ะ"

มีปัญหาวัฒนธรรมต่างกันไหม? "เขาเหมือนเรา กินข้าวเฮฮาเป็นมื้อใหญ่ อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ลุงป้าน้าอา" รักครั้งนี้แฮปปี้? "สบายค่ะ รักครั้งนี้มันเป็นเราจริงๆ บวกกับเราโตขึ้นด้วย ความอารมณ์ร้อน ความโมโหก็หายไปเยอะ พอเอาดนตรีมาเชื่อมด้วย ทุกอย่างเลยแฮปปี้ เรื่องทะเลาะกันก็น้อยลง ไม่ใช่เด็กๆ ต้องคอยรายงานไปไหนยังไงแล้ว" เรื่องอนาคต? "ก็คบมาปีครึ่งแล้ว เราก็ 30 แล้ว เขา27 เราก็แพลนแล้วแต่เขาอ่ะยัง เราชอบเด็ก หมอบอก 35 เป็นตัวเลขที่โอเค แต่เขาบอกว่าเขาขอเวลาหน่อย" แฟนหล่อขนาดนี้มีหวงไหม? "ไม่แล้วค่ะ เรารุ่นใหญ่ใจต้องนิ่ง(หัวเราะ) เราต้องไม่คิดเยอะ เขาไม่หวงเราหรอกเพราะเราไม่ใช่สเปกชายไทย ไม่มีผู้ชายไทยเคยเข้ามาในชีวิตเลย แต่เขาก็จะมีผู้หญิงมายืนมองเขาต่อหน้าต่อตาเรา เขาเองก็เป็นฝรั่งสเปกสาวไทย ผู้ชายผมบรอนด์ ตาสีฟ้าอ่อน เดี๋ยวนี้ถ้าเห็นใครมองแฟนเรา เราจะหัวเราะ แล้วสะกิดบอกแฟนว่าเฮ้ยๆๆ เขาเช็กเธออ่ะ(หัวเราะ) ขำๆ กัน ฉันไม่ร้อนแล้ว ฉันเพลาแล้วเพราะฉันเป็นเจ้าของเขาอยู่ตอนนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ จะเงียบจิกตาใส่ผู้หญิง อย่างที่บอกว่าความรักครั้งนี้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ใช้สติกับหัวใจมากกว่าอารมณ์ กับเรื่องไร้สาระ วัยรุ่นที่ผ่านมาแน่นอนมันเป็นช่วงป๊อปปี้เลิฟ มันอารมณ์รักล้วนๆ ใครที่ผ่านช่วงนี้คบกันมาได้ 7-8 ปีนี่เป็นอะไรที่เก่งมาก".