ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนจับตามอง สำหรับกรณีของ เม พรีมายา ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวความขัดแย้งกับอดีตหุ้นส่วนในธุรกิจคลินิกความงาม Dermatige Aesthetic ซึ่งเป็นคลินิกที่รีแบรนด์มาจาก PRIMAYA คลินิก โดยเจ้าตัวได้ตั้งคำถามว่าถูกฮุบบริษัทเพราะหมดผลประโยชน์หรือไม่ ก่อนเผยด้วยว่าตนถูกกีดกันไม่ให้เข้าถึงข้อมูลของบริษัท อีกทั้งยังมีเหตุการณ์เรียกตำรวจเข้ามาจับกุม และมีการฟ้องร้องกันไปมาระหว่างทั้งสองฝ่าย ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้ว
ในขณะที่ 6 ต.ค. หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้สัมภาษณ์ ยาย่า คู่กรณีเม พรีมายา ในรายการ โหนกระแส 8 จากนั้นในช่วงเย็น ยาย่า พร้อมด้วยทนายความ และหมอต่อ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ล่าสุดเวลา 19.15 น. เม พรีมายา พร้อมด้วย สามี แซก สิทธานต์ , ไอซ์ อาภาาภัทร ชูสุวรรณ์ และทนาย พินิจ ลักษณวิเศษฎ์ เปิดห้องแถลงข่าวกับสื่อมวลชนชี้แจงในหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่คู่กรณีบอกว่าอยากให้เรื่องจบที่ศาล แทนที่จะออกมาพูดอย่างทุกวันนี้ รวมถึงเรื่องแชทที่เมปล่อยออกมา ซึ่งทางฝั่งคู่กรณีไม่ยืนยันว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ก่อนที่เจ้าตัวจะบอกว่าชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตัดสินใจไปจะก่อให้เกิดอะไรในวันนี้
ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าอยากให้ไปจบที่ศาล ทำไมถึงออกมาพูด?
“จริงๆ เราตั้งใจที่จะดำเนินการทุกอย่างตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่พอดีได้รับหมายจากทางเขา รวมถึงศาลก็ให้ไกล่เกลี่ยมาตั้งแต่มกราคมจนถึง กันยายน เรารู้สึกเสียเวลาและร้อนรนใจมากที่ต้องพยายามไกล่เกลี่ยกับคนแบบนี้ แต่พอเราเห็นว่ามันอยู่ในช่วงของการไกล่เกลี่ยก็คิดว่ามันเหมือนจะมีทางลง เราก็เลยยังไม่ได้ทำอะไร แต่พอเราได้เห็นกระบวนการ เห็นท่าทาง เห็นอุดมการณ์ต่างๆ หลายอย่างที่เขาชี้แจงวันนี้ ตอบเลยว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ในมุมมองของเรามันดูซับซ้อนมีเงื่อนงำ สิ่งเดียวที่เรามีวันนี้บอกเลยว่าเราไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ไม่ใช่เพราะว่าเรามีเอฟซีลูก เอฟซีไก่เถื่อน แต่นี่คือสิ่งที่เราจะเรียกร้องความยุติธรรมได้คือสิ่งเดียวที่เรามี เพราะไม่อย่างนั้นจะให้เราไปรอศาลเมื่อไหร่จะเสร็จก็ไม่รู้ พอได้เจอกับคนแบบนี้พูดแบบหยาบๆ เลยว่า กูถูกของกูอยู่ทุกวันแต่ทำไมกูรู้สึกกังวลและกลัวจังเลยกับการเจอคนแบบนี้ จริงๆ รู้สึกหวาดระแวงมากที่เจอกระบวนการที่เขาทำแบบนี้ เราถึงต้องออกมาปกป้อง และรักษาสิทธิ์ตัวเองในการออกมาโพสต์เรียกร้องความยุติธรรมต่างๆ ถ้าเราจะโจมตีเขาคงทำไปนานแล้ว แต่เราอยากจะจบ“
“เรามองว่าถ้าสู้อย่างตรงไปตรงมาอย่างชัดเจนตามหลักฐานตามจริง เราไม่กลัวเลย แพ้ก็แพ้ ชนะก็ชนะ เราก็มีศักดิ์ศรีในตัวตัวเองแต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันมีอารมณ์วันนี้เหมือนเราสู้อยู่กับคนที่มีอุดมการณ์แปลกๆ หรือไม่โปร่งใสหรือเปล่า เรารู้สึกกลัวพวกคุณมากๆ เราไม่ไม่รู้เลยว่าถ้าเรารอกฎหมายหรือว่ารอศาลมันจะเป็นยังไง แต่วันนี้สิ่งที่เราทำได้ก็คือการเลือกที่จะทำแบบนี้เพราะรู้สึกปลอดภัยกว่า”
แชทที่เราเอามาโพสต์ ทางฝั่งนั้นไม่ยืนยันว่าเป็นของจริงหรือของปลอม?
“ทุกคนลองคิดดูว่าสิ่งที่เราเอาออกมาเราจะมาเปิดให้สังคมมาด่าตัวเองทำไม ถ้าเราไม่เกี่ยวข้องกับ Dermatige เลย เราจะออกมาสร้างเรื่องสร้างเราทำไม แล้วก็ถ้ามันเป็นแชทปลอมจริงๆ ทุกคนฟังแล้วคิดว่ายังไง มันมีเหตุการณ์จริงทุกอย่าง อยากจะขอคำปรึกษาหน่อยว่าวันนี้เราต้องไปหน่วยงานไหนที่เราจะพิสูจน์ได้ว่าคนที่คุยในแชทคนนี้เป็นคนจริง ไม่ใช่มิจฉาชีพ ไม่ใช่แชทปลอม”
ด้านทนายความเสริมว่า “ในประเด็นของข้อกฎหมายสมมติว่าวันนี้ทางอีกฝ่ายมีความเคลือบแคลงใจว่าเอกสารหรือเป็นแชทจริงหรือไม่ แล้วก็ทำให้เกิดความเสียหายเขาสามารถแจ้งความดำเนินคดีกับคุณเมได้เยอะมากเลย แล้วเป็นคดีอาญาแผ่นดินด้วย ซึ่งตรงนั้นยอมความไม่ได้ ถ้าเกิดเขามั่นใจว่าเอกสารตัวนี้ที่ทางนี้แคปจากไลน์มา แล้วเกิดความเสียหายกับเขาให้เขาแจ้งความดำเนินคดีได้เลย แล้วก็มาพิสูจน์กันเพราะทางคุณเมยินดีอยู่แล้ว”
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้รู้สึกเสียใจหรือเสียดายที่เราไว้เนื้อเชื่อใจในความเป็นเพื่อน ทั้งที่ตอนนั้นถ้าหากเราร่างสัญญาหลักฐานว่าเป็นการฝากหุ้น ปัญหาในวันนี้มันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้?
“มันเป็นเหมือนบทเรียนมากกว่า เรื่องราวแบบนี้อาจจะเคยเห็นกันในละคร แต่ว่าชีวิตจริงการทำงานกับเพื่อนหรือว่าคนที่ไว้ใจมันก็ประมาณนี้อยู่แล้ว เดี๋ยวฝากไว้ก่อน เดี๋ยวไปแก้ปัญหาอะไรก่อน เรารู้สึกว่าการที่เราใช้ชีวิตแบบนี้มันปกติมากๆ ในการฝากหุ้นไว้หรืออะไรไว้ ถามว่ามันอาจจะเป็นความไว้ใจไหมหรือไม่รอบคอบไหม เราก็ไม่รู้จะว่ายังไง แต่วันนั้นเราไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่เราตัดสินใจไปมันจะก่อให้เกิดอะไรในวันนี้
ซึ่งวันนี้มันซับซ้อนมาก เราไม่รู้เลยว่าปลายทางของเรื่องนี้มันจะเป็นยังไงจบที่ตรงไหน แต่เป็นบทเรียนให้เรารู้ว่าชีวิตจริงมันยิ่งกว่าละครอีก ตอนที่ฟังเขาแถลงสดเรารู้สึกเลยว่าทำได้ยังไงพูดได้ยังไง มีเรื่องแบบนี้อยู่ในชีวิตจริงด้วยเหรอ ตรงนี้ก็เหมือนให้เราได้เรียนรู้ เราเองก็เคยได้รับบทเรียนชีวิตมาไม่น้อย แต่เรื่องนี้มันเป็นบทเรียนทางธุรกิจ บทเรียนของคำว่าเพื่อนที่เราได้เห็นคนคนหนึ่งสามารถทำแบบนี้ได้เหมือนกัน มันก็หน้ามือหลังมือ ทำให้เราได้รู้ว่าการต่อสู้ในเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ง่ายแล้วล่ะถ้าคุณเปิดประเด็นเมื่อเช้ามา รู้สึกเหมือนเรากับเขาเกิดกันคนละโลกคนละเวลาคนละไทม์ไลน์กันเลย”...
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012