Inside Dara
"มาร์กี้"อยู่มายา8ปี เลือกสิ่งดีพัฒนาตัว

คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงมายามา 8 ปี สำหรับนางเอกสาว "มาร์กี้"ราศรี บาเลนซิเอก้า

ล่าสุดมากระชากเรตติ้งให้ช่อง 3 กับบท "เจติยา" ในละคร "รากบุญ" ที่เพิ่งจบไปหมาดๆ วันนี้เลยกระแซะวันว่างของเธอมาพูดคุย

8 ปีในวงการให้อะไรบ้าง

มาร์กี้ - "ให้เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น รู้จักทำงานเป็นกลุ่ม ครอบครัว ช่วยเหลือกัน รักกันกับนักแสดง ทีมงาน ช่วยเหลือสังคม การเป็นนักแสดงสามารถช่วยเหลือคนได้หลายๆ แบบ วงการทำให้โตขึ้น และยิ่งอยู่วงการนาน ยิ่งพูดมาก (หัวเราะ) พูดเก่ง แต่ก่อนพูดเบา เล่นละครเรื่องแรกผู้กำกับฯ บอกว่าพูดเบาไป อ้าปากพูดดังๆ หน่อย ทุกวันนี้พูดดังกว่าคนอื่นอีก อย่างไปไหนกับเพื่อนเขาต้องคอยปราม ว่าดังแล้ว เบาหน่อย สังเกตหลายครั้งแล้วว่าคนที่เป็นนักแสดงพูดดังกันหมด เพราะมันชินจากการทำงาน"

เคยคิดไหมว่าถ้าไม่มาอยู่ในวงการ จะทำอาชีพอะไร

มาร์กี้ - "หนูชอบงานเกี่ยวกับการบริการ บางคนอาจไม่ชอบเพราะต้องไปรับใช้คนอื่น แต่หนูชอบ ชอบอะไรที่ต้อง คุยกับลูกค้าเยอะๆ อย่าง แอร์โฮสเตส ทำร้านอาหาร ขายของ แบบนี้ชอบ ถามว่าเป็นความฝันไหม ก็ไม่ใช่ความฝัน แต่เราเป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ที่ต้องคุยกับลูกค้าเยอะๆ ชอบพบปะสังคม หรืองานที่เกี่ยวกับการบริการเลย อย่างงานโรงแรม ทำทัวร์ เพราะหนูเรียนมาทางการโรงแรม การท่องเที่ยว"

ด้วยความที่มีนัก แสดงใหม่ๆ เข้ามาเยอะ มีกดดันตัวเองบ้างไหม

มาร์กี้ - "ไม่กดดันตัวเองค่ะ บางทีถือว่าเขาสอนเราด้วยซ้ำว่าไม่ใช่แค่เรื่องการแสดงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องการดูแลตัวเอง อย่างน้องๆ มีการดูแลตัวเองดี มีมาสก์หน้า ไปไหนแต่งตัวสวย หน้าผมพร้อม ควบคุมอาหาร ซึ่งการทำอะไรแบบนี้ต้องมีวินัย ต้องขยัน จนเรารู้สึกว่าเขาขยันในการดูแลตัวเอง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิดที่จะดูแลตัวเอง เพราะคนภายนอกต้องคาดหวังเวลาเห็นนักแสดงต้องออกมาสวย ต้องออกมาดูดี ไม่ใช่โทรมๆ เลยไม่ได้กดดันเรื่องที่นักแสดงเยอะแล้วจะมาเบียดเรา แต่เราต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ มีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจน"

ตอนนี้มีละครเรื่องอะไรบ้าง

มาร์กี้ - "ที่เป็นซีรีส์ 3 ทหารเสือสาว ของหนูเป็นพาร์ต "มนต์จันทรา" เล่นคู่กับ พี่ชาคริต แย้มนาม แต่จะเจอหนูทั้ง 3 เรื่อง และเกือบทุกตอนด้วย ถามว่าเรื่องนี้หนักไหม หนักนะ เพราะอ่านบท 3 เรื่องเลย อ่านไม่ทัน ยิ่งไปเจอหลายๆ คนยิ่งวุ่นวายดี แล้วผู้กำกับฯ 3 คน บางทีก็มึนๆ เหมือนกัน เพราะผู้กำกับฯ แต่ละคนวิธีการทำงานก็แตกต่างกันออกไป"

"และที่หนักใจคือต้องมาเจอพี่ชาคริต เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกัน พี่เขาเก่ง แอบเกร็งหน่อยๆ แรกๆ ต้องเทกเยอะเพราะพี่ชาคริตเป็นคนเล่นจังหวะเร็ว แล้วหนูเล่นละครที่จังหวะเนิบๆ มานาน ต้องมาจังหวะเร็วๆ ก็ตามไม่ทัน ก็ถามพี่คริตว่ามีอะไรแนะนำไหม หนูขอโทษด้วยที่ทำ ให้ช้า พี่คริตก็บอกไปฝึกพูดให้เร็วขึ้น ก็ไปฝึก"

"ในเรื่องนี้หนูรับบทห้าวๆ มันก็เข้าทางนะ แต่ไม่เหมือนเรื่องอื่นเลยยากนิดนึง ที่ผ่านมาจะห้าวแบบแก่นๆ แต่เรื่องนี้จะห้าวแบบโตขึ้น ซึ่งกับผลงานที่ผ่านมาก็มีทั้งคำติคำชม แต่เราก็พยายามทำให้มันออกมาดีที่สุด"

เล่นละครมาหลายเรื่อง มีบทแบบไหนที่อยากเล่นไหม

มาร์กี้ - "บทสลับร่างชายหญิง ที่ยังไม่เคยเล่น หรือไม่ก็เป็นร้องเพลง ละครเพลง อยากลองดู น่าสนุกดี อีกอย่างเป็นละครที่เคยดูตอนเด็กๆ ถ้าให้ร้องให้เล่นจริงๆ ก็น่าจะพอไหวอยู่ เพราะของแบบนี้ต้องไปฝึก ต้องเรียน ต้องขยัน หนูเชื่อว่าทุกคนทำได้"

ที่ผ่านมาดูเหมือนเป็นปีทอง "มาร์กี้" เลย

มาร์กี้ - "ถือว่าเป็นปีที่ดีค่ะ ถามว่าเหนื่อยกับการทำงานไหม ไม่ค่อยเหนื่อย ไม่ค่อยท้อ เพราะเราไม่ได้ทำงานอย่างเดียว เราทำงานเสร็จก็ไปเจอเพื่อนๆ เลยไม่รู้สึกว่าเหนื่อย เราจัดตารางให้ลงตัว ทั้งเรื่องเรียนและงานให้มันลงตัว ทำงานเยอะก็เที่ยวเยอะ ไปต่างประเทศบ้าง ไปทะเลบ้าง"

อยู่วงการมา 8 ปี มีข่าวไหนที่ทำให้รู้สึกแย่

มาร์กี้ - "ไม่มีนะ เป็นคนไม่ค่อยเก็บเวลาคนอื่นพูด แต่ก็มีบ้างที่ว่าเราไม่สวยเลย แต่ในใจเราก็ไม่ได้คิดว่าฉันสวย พอเราไม่ได้หวังเยอะหรือคิดว่าตัวเองดีมาก ก็เลยรู้สึกว่าโอเค (หัวเราะ) ไม่สวยเหรอ คงจริง เราก็เฉยๆ"

"คำติไม่ได้บั่นทอนเรา เพราะเราไม่ได้คิดว่าตัวเองเพอร์เฟ็กต์เลิศเลอเรื่องที่ไม่ค่อยดีหนูจำไม่ได้เลย (หัวเราะ) หนูไม่จำ ไม่เก็บมาคิด ไม่เคยเอาเข้ามาในหัว พอมีอะไรด้านลบมาก็ให้มันผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ค่อยคิดมากกับเรื่องพวกนี้ ไม่ค่อยใส่ใจ อีกอย่างที่ผ่านมาไม่ค่อยมีข่าวไม่ดีนะ อาจมีบ้างแค่กรุบกริบเป็นสีสัน"

อย่างข่าวว่า "มาร์กี้" ถูกถอดจากละคร "แค้นเสน่หา" ของพี่ไก่- วรายุฑ ถือว่าแรงไหม

มาร์กี้ - "ไม่นะ เป็นไปตามสัมภาษณ์ เป็นเรื่องธรรมดาที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้นหรือความเหมาะสม แล้วแต่ความคิดแต่ละคน ทุกคนต้องรักงานของตัวเองและอยากให้งานออกมาดี ฉะนั้นการตัดสินใจทุกอย่างต้องอยู่ที่คนทำงาน หัวหน้างาน อย่างพี่ไก่อยากให้งานออกมาดีก็เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับงานตัวเอง เราเข้าใจและเห็นด้วย"

"แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่โตร้ายแรงอะไร เป็นปัญหาที่พบได้ในทุกอาชีพ และเราก็เข้าใจ ไม่ได้ยึดติดว่าฟิตติ้งแล้ว เปิดกล้องไปแล้ว และนักข่าวสัมภาษณ์แล้วต้องเป็นฉันเล่น หนูเป็นคนที่เผื่อใจไว้สำหรับ ทุกอย่างว่าอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เตรียมใจแบบนี้ไว้ตลอด เลยไม่ได้รู้สึกอะไรค่ะ"

ก่อนเข้าวงการมองวงการอย่างไร

มาร์กี้ - "มองว่าคงสนุกดีนะ พอเข้ามาในวงการจริงๆ ก็สนุกอย่างที่คิด มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี อยู่ที่จะเลือกหยิบอะไรมาใส่ตัว ถ้าเลือกหยิบสิ่งที่ดีก็จะได้สิ่งที่ดีใส่ตัว แต่ถ้าเลือกสิ่งที่ไม่ดีก็ถือว่าเป็นการเลือกของตัวเอง"

วางอนาคตในวงการไว้อย่างไรบ้าง

มาร์กี้ - "ทำเรื่อยๆ แหละค่ะ ไม่ค่อยวางแผนอะไร เพราะวางแผนแล้วไม่ค่อยเป็นไปตามแผนเท่าไหร่ ฉะนั้นเราก็ทำให้มันดีไปทีละวันๆ"

"แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเล่นละครไปจนถึงอายุเท่าไหร่ ทำไปเรื่อยๆ เพราะชอบ สนุก ถือเป็นอาชีพเราค่ะ"

ใช้เวลาคุ้ม

ทํางานในวงการตั้งแต่อายุ 14 ปี มาถึงปีนี้เป็นปีที่ 8 แล้ว ถามว่าชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะไหม นางเอกสาว "มาร์กี้-ราศรี" กล่าวว่า

"ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนเยอะ แค่เราต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น งานเพิ่มขึ้น เวลาเรียน หรือเวลาทำงานก็จะหนักกว่าคนอื่นเขา แต่เราไม่ได้รู้สึกหนักมากมายจนรับไม่ได้ ทำงานในวงการสนุกดี ได้เจอเพื่อนเยอะ ได้เจอคนที่อายุมากกว่าที่เขาสอนอะไรเรา แบบที่ในโรงเรียนไม่มีสอน เหมือนเราได้มากกว่าคนอื่นค่ะ"

เรียนด้วยทำงานด้วย รู้สึกว่าขาดชีวิตช่วงวัยรุ่นไปไหม มาร์กี้ปฏิเสธ "ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว่าขาด สำหรับกี้โอเค กิจกรรมก็โอเคไม่ต้องเยอะมาก แต่ไม่ใช่ไม่ทำเลย เรื่องไปเที่ยวก็ไปทั้งกับเพื่อนนักแสดงและเพื่อนนอกวงการ เหมือนเราใช้เวลาให้คุ้มค่า"

"ทำงานเสร็จ 2 ทุ่ม ก็โทร.หาเพื่อนแล้ว ใครว่างไปกินข้าวไหม ไปชิลกันไหม คือเราใช้เวลาให้คุ้ม เพราะรู้สึกว่าทำงานอย่างเดียว เสร็จงานกลับบ้านตื่นมาไปทำงานใหม่ แบบนี้มันน่าเบื่อ"

เคยคิดไหมว่าจะอยู่วงการนานถึง 8 ปี "ไม่คิดค่ะ เรื่อยๆ ไปๆ มาๆ 8 ปีแล้ว รู้สึกตัวอีกทีมีแต่คนเรียกพี่ หลังจากที่ไหว้ทุกคน หลังๆ เดินเข้าช่องมีคนมาไหว้ ก็รู้สึกนิดนึง (ยิ้ม) แรกๆ ทำตัวไม่ถูก เพราะชินกับการไหว้คนอื่น"

ครอบครัวสนับสนุนให้ทำงานวงการตั้งแต่แรกเลยหรือเปล่า "ค่ะ คุณแม่สนับสนุนเพราะคุณแม่เคยทำด้านนี้ รู้ว่าเป็นงานที่สนุก บางคนอาจจะคิดว่าเหนื่อย มันก็เหนื่อยนะ แต่เป็นความเหนื่อยที่สนุก ได้ไปเจอเพื่อน ได้ไปทำอะไรสนุกสนาน มันก็เลยอาจรู้สึกว่าไม่เบื่อเท่ากับการนั่งทำงานอยู่ออฟฟิศ"

อย่าง "มารีน่า" น้องสาว สนใจเข้าวงการไหม มาร์กี้พยักหน้า "ก็มีบ้างค่ะ ตอนนี้เขาก็มีถ่ายแบบ เดินแฟชั่นโชว์ เป็นพิธีกรรายการช่องเคเบิล เริ่มชิมลางงานวงการบ้างแล้ว เขาชอบนะ แต่ตอนนี้นักแสดงเยอะ น้องๆ ทุกคนเก่ง ฉะนั้นน้องหนูก็ต้องพัฒนาและต้องทำให้ได้"

"ไม่ใช่ว่าเป็นน้องมาร์กี้แล้วต้องได้ เพราะตอนนี้เด็กใหม่ทุกคนสวย ตั้งใจ มีความพยายาม ฉะนั้นเขาต้องกระตือรือร้นให้มากกว่าคนอื่นๆ ถึงจะเข้ามาได้ ไม่ใช่ยัดเยียด" มาร์กี้ทิ้งท้าย

ความรักไปเรื่อยๆ-ยังไม่มองอนาคต

คบหากับหนุ่มตัวจริง "ต้อง"จุลวุฒิ ชลลัมพี ทายาทผู้จัดหญิงเหล็ก "แม่หนู-สรวงสุดา" มาหลายปีแบบเงียบๆ แต่พอมาเล่นละครคู่กับพระเอกเกรียน "บอย"ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ได้เนียนจนคนดูอิน แถมยังสนิทสนมกันนอกจอ เลยทำให้หลายคนเชียร์อยากให้รักกันจริงๆ ซึ่งสาว "มาร์กี้- ราศรี" แง้มว่า

"ข่าวก็มีมาเรื่อยๆ เราก็ไม่คิดอะไร ไม่ อึดอัดนะ เพราะพี่บอยเป็นคนที่สนิทอยู่แล้ว มันเป็นความสุขของเขานะที่ชอบ และอยากให้เราคู่กันจริงๆ แต่ส่วนตัวไม่ได้อะไร ไม่ได้ปฏิเสธหรือไปขัดความสุขเขา คุณมีความสุขที่จะคิดอะไร รู้สึกอะไรก็โอเค"

สนิทกับ "บอย" มากแค่ไหน นางเอกสาวกล่าวว่า "ก็สนิทกันมาก มีอะไรก็คุยกับเขาได้ทุกเรื่อง คุยกันเกือบทุกเรื่องด้วย และเขาเป็นคนที่ให้คำปรึกษาที่ดี มีความรับผิดชอบสูง มีมุมมองดีๆ หลายๆ อย่างค่ะ"

ส่วนกับ "ต้อง-จุลวุฒิ" หนุ่มตัวจริง มาร์กี้เปิดใจว่า "ดีค่ะ ถามว่าเขามีงอนไหมที่เราไปไหนกับพี่บอย ไม่มีค่ะ เพราะเราเป็นเพื่อนที่รู้จักกันอยู่แล้ว และมันก็ไม่ได้มีอะไรเลย อีกอย่างเรารู้จักกันมานานแล้วตั้งแต่เข้าวงการมา เพราะเล่นละครกับที่ชลลัมพี เลยทำให้รู้จักพี่ต้อง"

ประทับใจ "ต้อง" ตรงไหน "เขาเป็นคนดี เป็นคนที่ตั้งใจทำงานค่ะ"

พอมีข่าวกับ "บอย" เรื่อยๆ ต้องอธิบายให้ "ต้อง" ฟังไหม มาร์กี้ปฏิเสธ "ไม่ต้องอธิบายเลยค่ะ เฉยๆ พี่ต้องเองก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว และไม่ค่อยมาถามเรื่องข่าวเท่าไหร่ อีกอย่างเราไม่ค่อยได้คุยเรื่องข่าวกันด้วย ไม่รู้จะคุยไปทำไม (หัวเราะ) เขาค่อนข้างไว้ใจมากกว่า เลยไม่ค่อยได้คุยเรื่องนี้กันเท่าไหร่"

รู้จักกันมานาน มีอะไรที่ต้องปรับจูน กันอยู่ไหม "เราไม่ค่อยคุยกันเรื่องนี้ว่าต้องปรับต้องจูนอะไร เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ปกติไป"

ใครใจร้อนกว่ากัน มาร์กี้ตอบ "ไม่ค่อยมีใครใจร้อนนะ เป็นคนเฉยๆ มากกว่า ถามว่าทำงานเยอะมีเวลาได้เจอกันบ้างไหม ก็มีบ้างค่ะ ส่วนใหญ่ไปไหนก็จะไปกันเยอะๆ ไปกับเพื่อนๆ มากกว่า ไม่ค่อยได้ไปไหนกันสองคนเท่าไหร่ เพราะไปกับเพื่อนๆ สนุกกว่า"

กับความรักครั้งนี้ คุณแม่ว่าอย่าง ไรบ้าง "ไม่ค่อยได้คุยเรื่องนี้กับแม่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่แม่ให้ตัดสินใจ เอง ดูเอง"

"แม่หนู-สรวงสุดา" บอกปลื้ม "มาร์กี้" มาก "ดีค่ะ ผู้ใหญ่รัก เราก็แฮปปี้หมด (ยิ้มเขิน)"

ที่ผ่านๆ มา "ต้อง" ก็แอบมีข่าวกับสาวๆ บ้างเราว่าอย่างไร "ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก แค่ข่าวตัวเองยังแค่รู้บ้าง ยิ่งข่าวเขาไม่เคยอ่านเจอเลย อย่างเวลาเจอกันก็มีเวลาเจอกันบ้างอย่างทำงานเสร็จเราก็นัดเพื่อนแล้วไปด้วยกัน ส่วนเรื่องอนาคตก็อย่างที่บอกไม่ได้คุยอะไรกันเลยค่ะ"

พอถามเรื่องความรัก ดูจะพูดน้อยลง มาร์กี้หัวเราะก่อนกล่าวว่า "ก็ยังเหมือนเดิมค่ะ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน และไม่ใช่ว่าที่ไม่อยากพูดมากเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ยาว แต่ว่าเราเฉยๆ เรื่อยเปื่อยมากกว่า เลยไม่รู้จะพูดอะไร อีกอย่างเราคบกันแบบเป็นเพื่อนๆ ต่างคนต่างดูแลตัวเองมากกว่าค่ะ"

ถามว่ามองอนาคตเรื่องความรักไว้อย่างไรบ้าง นางเอกสาวกล่าวว่า "ยังไม่ได้มองเรื่องอนาคตเลยค่ะ ตอนนี้เราเรื่อยๆ มากกว่า ยังคิดว่าเรายังเด็กด้วยและยังไม่พร้อม เลยยังไม่คิดเรื่องนี้"