Inside Dara
ความแซ่บฉบับตัวแม่ "ปิ่น เก็จมณี" ลุคใหม่ผมสั้น หัวใจเป็นอิสระมีความสุขมากขึ้น

เปิดความแซ่บฉบับตัวแม่ กับครั้งแรกของ "ปิ่น เก็จมณี พิชัยรณรงค์สงคราม” ที่ลุกขึ้นหั่นผมสั้นสวยสะบัด มาพร้อมเซตแฟชั่นเปรี้ยวจี๊ด หุ่นเซี้ยะ สุดเอกซ์คลูซีฟสำหรับ “มาลัยไทยรัฐ” รวมทั้งการเปิดความรู้สึกที่เป็น “อิสระ” แล้ว ณ วันนี้ และความเป็น “สาวสตรอง” กับการดึงตัวเองขึ้นมาจากปัญหา จนวันนี้มี “ความสุข” กว่าเดิมกับลุคส์ที่ดูโฉบเฉี่ยว หุ่นเป๊ะดูแข็งแรง

“ปิ่น” เผยว่า “ช่วงนี้ผ่านมารู้สึกว่าตัวเองผอมไปเยอะ ตอนนี้ก็กำลังฟิตเวตเทรน เพิ่มน้ำหนัก ทานโปรตีน ไข่ขาว อยากให้ตัวเองดูดี ดูแข็งแรง เราต้องดูแลสุขภาพให้สม่ำเสมอ ช่วงที่ผ่านมาหลายเดือน ทานอะไรก็ไม่ค่อยลง รู้สึกตัวเองผอมไปทั้งที่ออกกำลังกายเท่าเดิม เลยต้องฟิตเพิ่มหน่อย ออกกำลังกายอาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 3 วัน ถามว่าถึงกับเรียกว่าคลั่งออกกำลังกายมั้ยก็ไม่ขนาดนั้นแต่เป็นคนอยากเอาชนะในเรื่องนี้มากกว่า เช่น มีท่ายากก็อยากทำบ่อยๆไปให้สุด”

การตัดผมสั้นสุดแซ่บ ซึ่งถือเป็นการหั่นผมในรอบ 10 กว่าปี “ปิ่น” เล่าว่า “จริงๆลูกชายชอบให้ผมยาวเลยไม่เคยได้ตัด แต่ เจ้าสมุทร ลูกชายคนเล็ก ตอนนั้นเค้าชวนกันโกนหัวเลยนะคะ แต่ช่างไม่ยอม ช่างบอกว่าให้แค่นี้ (หัวเราะ) ถามว่าตัดสินใจนานมั้ย ก็นานเหมือนกัน จริงๆอยากรักษาผมร่วงด้วย จะได้ทำทรีตเมนต์ง่ายๆดูแลง่ายขึ้น ก็เลยอ่ะ ตัด ตัดมันทุกอย่างในโลกนี้ ไม่มีอะไรเป็นของเรา (หัวเราะ)”

คนฮือฮามากกับลุคส์ใหม่? “รู้สึกดีนะคะ คนที่บ้านก็ชมว่าหน้าตาสดใสมาก เจ้านาย เรียกแม่ว่าพี่ปิ่น น่ารักมาก บอกว่าพี่ปิ่นสาวมาก พี่ปิ่นสวย (หัวเราะ) จริงๆปิ่นเป็นคนชอบทำอะไรสนุกๆอยู่แล้ว ก็เปลี่ยนเรื่องทำไปเรื่อย สนุกดีกับการเปลี่ยนลุคส์ ทุกคนชอบก็ดีใจ ตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าจะปัง หรือ พัง เพราะไม่ได้ไว้ผมสั้นมานาน ตั้งใจอยากเอาผมไปบริจาคให้ผู้ป่วยมะเร็งแต่สุดท้ายทำไม่ได้เพราะห้ามย้อมผมก่อน 3 เดือน แต่พี่ช่างตัดผมบอกว่าเอามาทำวิกผมได้”

กลับมารับเล่นละครในรอบ 2 ปี “ปิ่น” เผยว่า “ก็มีเล่นละครเรื่อยๆแต่ไม่เยอะมาก ครั้งนี้น่าจะ 2 ปี กำลังมีละครกับ GMM เรื่อง Wednesday Club เป็นการรวมตัวของลูกคนกลาง มีพี่กู่-เอกสิทธิ์ เป็นผู้กำกับ สนุกมากๆ ถามว่ามีบทบาทไหนอยากเล่น ตอนนี้อยากเล่นเป็นคนบ้า โรคจิตแต่ดราม่า เพราะรู้สึกว่ายังไม่ได้เล่นอะไรแรงๆแบบจริงจัง ก็ต้องรอว่าจะมีโอกาสมั้ย”

ได้เทรนลูกๆเรื่องการแสดงบ้างมั้ย? “ไม่แตะเลยค่ะ เราไม่รู้ว่าผู้กำกับหรือแอ็กติ้งโค้ชต้องการอะไร แต่เราจะสอนลูกว่าเวลาเข้าไปในบทแล้วต้องเอาออกให้เป็น อย่าไปหมกมุ่นกับอารมณ์ของตัวแสดง”

สำหรับปิ่น ณ วันนี้ลูกๆ ทั้ง เจ้านาย เจ้าขุน เจ้าสมุทร เติบโตเข้าใจทุกอย่างได้ดีมั้ย? “ดีค่ะ ลูกๆทำงานเป็นเรื่องเป็นราวทุกคน เราก็จะสอนลูกว่า ทำทุกอย่างต้องทำให้ดี ต้องตั้งใจ เรียกว่าลูกๆ ได้ดั่งใจ เราเลี้ยงมาเองกับมือทุกคน แบบไม่มีพี่เลี้ยงเลย พี่เจ้านายอบอุ่น แล้วก็ดุน้องด้วย แทบจะเป็นพ่อแล้ว เรียกว่าไว้วางใจได้สบายมาก ทุกคนก็ไม่ทำให้ผิดหวังและทุกคนก็รักแม่ที่สุดในโลกเลยเหมือนกัน ก็จะดูแลกันไปอย่างนี้ ผลัดกันดูแล เค้าปรึกษาแม่ได้ทุกเรื่องจริงๆ เรายังคุยกันกอดกันจุ๊บกัน ไม่มีอะไรต้องปกปิดกัน ทำอะไรมาก็มาเล่าให้ฟังกันทั้งผิดและถูก เราทำอะไรมาเราก็เล่าให้เค้าฟัง บางทีเค้าก็จะบอกว่าไม่อยากให้แม่ไปกับคนนั้นคนนี้ เราก็บอกว่าลูกคิดมากไปรึเปล่า เจ้าขุนก็บอกว่า แม่โลกสวยไปรึเปล่า แม่ตามคนไม่ทัน (ยิ้ม) ปิ่นเป็นคนคิดบวกมาก ลูกก็เลยเป็นห่วง คือตอนนี้ปิ่นมีอิสรภาพเสรีเต็มที่แล้ว เค้าก็กลัวว่าปิ่นจะตามใครไม่ทัน เค้าเป็นห่วง เราก็บอกว่าไม่เป็นไร แม่ยอมอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์มีความสุขกว่าคิดมาก แต่ถ้าขี้หวงก็ทั้งเจ้านาย เจ้าขุน ส่วนเจ้าสมุทร จะติสต์เหมือนปิ่นเลย”

ความเป็น “แม่” ที่ซัพพอร์ตลูกเสมอ แล้วในวันที่ “แม่ปิ่น” เจอปัญหาต้องการกำลังใจ ลูกซัพพอร์ตแม่ยังไงบ้าง? “เค้าก็มีแต่ความรักความเป็นห่วงให้ เค้าอยู่กับเราตลอด ตอนที่ปิ่นย้ายบ้านเค้าก็ไปหา ปิ่นอยู่บ้านคุณแม่เค้าก็ไปอยู่ด้วย ไม่ได้ทำอะไรให้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เราก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ต้องดูแลจิตใจตัวเองให้ดีที่สุดด้วย ถ้ามัวแต่ดราม่าเมื่อไหร่จะแข็งแรง ก็ต้องเติมพลังบวกเยอะๆ ใครจะมาพูดอะไรไม่ฟังเลย เราไม่อยากฟัง บอกว่าไม่ต้องเล่า ฟังแต่เรื่องดีๆจบ”

หลายคนยกให้ “ปิ่น” คือไอดอลของความสตรอง? “จริงๆแล้วอาจจะดูบอบบาง แต่ปิ่นหัวใจเหล็ก เพราะปิ่นเป็นลูกพระเจ้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกอย่างมีคำตอบ ปิ่นก็เข้าโบสถ์เข้าวัดไปทำรีทรีต เราไม่ทำตัวให้ดิ่งลง เราดึงตัวเองขึ้นตลอด มันเลยกลายเป็นเราเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส กลายเป็นชีวิตเราดีขึ้นด้วยซ้ำ มีความสุขขึ้นอีก”

มีคนมาปรึกษาปัญหาหัวใจเยอะมั้ย? “เยอะแยะไปหมด ตั้งแต่ไหนแต่ไรค่ะ ความรักของทุกคนอยู่ในรูก้นปิ่นแค่ปิ่นไม่พูดให้ใครฟัง (ยิ้ม) หลายคนเวลามีปัญหาก็จะมาปรึกษา เพราะปิ่นเป็นคนไม่พูดให้อะไรแตกหักกัน นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่จะทำถ้ามันแย่จริงๆสุดจริงๆถึงจะพูด แต่ปิ่นก็ไม่เคยพูด ปิ่นชอบด้านจิตวิทยา แนะนำทุกคนและเหมือนเป็นแม่ชีแนะนำน้องๆ”

ตอนนี้หัวใจอิสระ? “อยากไปไหนก็ไป อยากไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศก็ไป ไปเที่ยวกลางคืนก็ได้ ลูกบอกว่าจะพาไปค่ะ (หัวเราะ)”

หลายคนอยากรู้ว่า ณ วันนี้ความเป็น ปิ่นกับเจ-เจตริน อยู่ในจุดไหน? “เป็นเพื่อนกันค่ะ เจอหน้ากันได้ คุยกันได้ ทานข้าวกับลูกได้ เดี๋ยวก็มีนัดทานข้าวกันแล้วค่ะ ปิ่นแมนๆคุยกันแมนๆ ณ วันนี้ เราดีใจนะที่ตัวเองได้หลุดพ้นจากความรู้สึกต่างๆออกมาได้แล้ว ทุกอย่างมันได้กลั่นกรองไตร่ตรองมาก่อนแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ๆโดนฟาดหัวแล้วล้ม”

ช่วงที่ต้องผ่านการคิดทบทวนตัดสินใจ เราได้รับพลังจากอะไรบ้าง? “จากทุกๆทางเลยค่ะ ปิ่นยังงงและตกใจในเวลาเดียวกันที่รู้ว่ามีคนรักปิ่นเยอะขนาดนี้ จริงๆปิ่นก็ไม่ได้คิดอะไรนะคะ คิดแค่ว่าไม่อยากจะให้ลูกเสียใจ ไม่อยากพูดอะไร เป็นห่วงจิตใจลูกแค่นั้นเอง แต่ไปๆมาๆทุกคนห่วงทั้งปิ่น ห่วงทั้งลูก ซึ่งปิ่นอยากจะขอบคุณมากๆจริงๆ มันสัมผัสได้จริงๆน้ำตาไหลเลยว่ามีคนรักเราห่วงเราขนาดนี้ เราต้องดูแลตัวเองให้ดี เราดิ่งไม่ได้ บอกตัวเองกลับมา”

ชีวิตนี้ยอมรับว่าเป็นคนให้ความสำคัญกับความรัก “ปิ่น” เผยว่า “เป็นคนบ้าความรัก เสียสละเพื่อความรัก รักทุกอย่าง คน สัตว์ สิ่งของ ต้นไม้ พูดกับทุกอย่าง”

มาถึงวันนี้ ความอินกับความรัก เปลี่ยนไปมั้ย? “เหมือนเดิมนะคะ ปิ่นเป็นคนที่มักจะหาเหตุผลให้ทุกการกระทำได้ ว่าทำไมคนนี้ถึงทำแบบนี้ เค้ามีปมอะไร ปิ่นจะวิเคราะห์และอยากช่วยเค้าว่าเค้าเป็นแบบนี้ใช่มั้ยและคงไม่ได้อยากทำอะไรแบบนั้นหรอก ปิ่นไม่โกรธ ปิ่นไม่ทะเลาะกับใคร แต่ถ้าเกิดปิ่นไม่ชอบใจอะไรปิ่นก็จะพูดตรงๆและจบตรงนั้น แต่เลือกไม่มีปัญหากับใคร ส่วนตัวเราก็จัดการกับปัญหานั้นมันเป็นการฝึกอารมณ์ฝึกหลายๆอย่าง ปิ่นฝึกมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่ปิ่นดุมาก และแมนๆ ปิ่นเลยได้ความแมนมาจากแม่เยอะค่ะ”.