Inside Dara
เปิดอีกมุม แน๊ต เกศริน สาวรักความสะอาด เจอเรื่องลี้ลับเพราะปฏิบัติธรรม

เผยความเซ็กซี่จนเป็นภาพจำของหลายๆ คนไปแล้ว สำหรับดาราสาวแซ่บ แน๊ต เกศริน ชัยเฉลิมพล แต่ก็มีอีกหลายมุมที่หลายคนไม่เคยเห็นจากเจ้าตัว มีเพียงคนสนิทที่จะรู้เท่านั้น

ซึ่ง แน๊ต เกศริน เล่าให้บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ฟังถึงความเป็นสาวที่รักสะอาดมากๆ ชอบทำงานบ้านเองจนมือสาก รวมไปถึงเรื่องการเรียนธรรมะมาเกือบ 10 ปี ชอบเข้าป่า นั่งสมาธิ จนเจอเรื่องลี้ลับหลายอย่าง

ถ้าคนนึกถึงแน๊ต เกศริน คนจะมีภาพจำว่าเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ มีภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างแรง มองตัวเองว่าจริงๆ เราเป็นคนแบบไหน?

“คนจะไม่ค่อยเห็นแน๊ตในภาพไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในบ้าน นอกจากคนที่เป็นเพื่อนอยู่ในไลน์ส่วนตัว ถ้าในเฟซบุ๊กทุกคนก็จะเห็นการทำงานของเราแต่งตัวเซ็กซี่ หรือแม้กระทั่งอาจจะไปเที่ยวเดินสตรีท แต่งตัวถ่ายรูป อันนั้นก็จะเป็นอีกแนวนึง

แต่ในชีวิตจริงๆ ของแน๊ต แน๊ตไม่ใช่ผู้หญิงที่แต่งตัวเลยนะ แน๊ตเป็นผู้หญิงแมนมาก ลุยมาก และแน๊ตให้ความสำคัญกับการดูแลบ้านมากกว่าการแต่งตัว เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง เพราะแน๊ตไม่ใช่ผู้หญิงที่รักสวยรักงามขนาดนั้น เพราะแน๊ตคิดว่าแน๊ตทุ่มเทกับการทำงาน แล้วมันแต่งตัวตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะ

คือถ้าหลังจากเสร็จงานปุ๊บ แน๊ตเข้าบ้านเลย เป็นผู้หญิงคนนึงที่ต้องทำงานบ้านเอง แน๊ตไม่เคยให้ใครทำงานบ้านให้ เพราะว่าแม่บ้านยังทำงานบ้านสู้แน๊ตไม่ได้ ขนาดน้องทีมงานช่างแต่งหน้าบอกว่า เห็นห้องน้ำแม่แล้วอยากกลับไปขัดห้องน้ำตัวเอง คือห้องน้ำแน๊ตสะอาดมาก กระจกนี่สักนิดก็ไม่มีรอย แม้กระทั่งน้ำยาแปรงฟันที่จะกระเด็นก็ไม่มี”

เป็นคนรักความสะอาดมาก?

“ต้องลองถามน้องช่างแต่งหน้าดู แม้กระทั่งฝุ่นในบ้านก็ห้ามมีค่ะ เป็นคนอย่างงั้นจริงๆ ถึงขนาดถ้าวันนี้แน๊ตจะอยู่บ้านแน๊ตก็จะอยู่บ้านทั้งวัน จะไม่ออกไปไหนเลยค่ะ เป็นคนติดบ้าน แน๊ตเป็นคนที่ไม่ได้เรียบร้อย จับมือแน๊ต มือแน๊ตยังสากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ เลย เพราะแน๊ตเป็นคนชอบทำงานบ้าน

แม้กระทั่งล้างหลังบ้าน เราก็ไม่ได้บอกว่าเราจิตใจดีนะ ขนาดนกพิราบมาขี้ เราก็สงสารมัน ก็ปล่อยให้เค้ามา แล้วเราก็หาวิธีการดูแลของเราเอง โดยการซื้อน้ำยามาทำความสะอาด บางทีเค้ามารบกวนเรา เราก็ต้องไล่เค้าบ้างไม่งั้นก็จะเป็นรัง เพราะว่าระเบียงหลังห้อง แน๊ตเคยเลี้ยงนกพิราบขนาดออกลูกออกหลาน พอหมดยุคของเค้าไป เราต้องทำความสะอาดเยอะเลย”

เป็นตั้งแต่เด็กเลยมั้ย?

“ถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ เพราะคุณอาผู้หญิงสอน ก็เลยติดมาจากคุณอาผู้หญิง แม้กระทั่งทุกวันนี้คุณอาผู้หญิงรักความสะอาด แต่ยังไม่ระเบียบเท่าแน๊ตค่ะ แม้กระทั่งครีม ยาสระผม ที่วางขวด แน๊ตต้องไล่ตั้งแต่ขวดแบน แบนก็ต้องแบนเหมือนกัน ขวดกลมก็อยู่ฝั่งขวดกลม ก็ต้องไล่ลงมาจากสูงลงต่ำ

แล้วเราใช้อะไรอยู่ก็ต้องเก็บเข้าที่ คือใครมาห้องแน๊ตแล้ว ถ้าใช้อะไรไม่เก็บเข้าที่เดิมแน๊ตก็จะรู้ว่าใครใช้อะไรของเราไป เพราะปกติเราหยิบอันไหนเราก็วางที่เดิม ยิ่งกว่าแม่บ้านโรงแรม (หัวเราะ)”

ด้วยความที่เป็นคนรักสะอาด คนที่จะอยู่กับเราก็ต้องเป็นคนสะอาดเหมือนกับเรามั้ย?

“ไม่เกี่ยวค่ะ เพราะว่าผู้ชายคนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นมีใครสะอาดสักคนเลย แน๊ตว่าการดูแลทำความสะอาดบ้านมันเป็นหน้าที่ของฝ่าย ผู้หญิงมากกว่า แน๊ตยังหัวโบราณนะ ผู้ชายเค้ายังมีหน้าที่ที่จะต้องออกไปทำงานหาเงิน ผู้ชายน้อยมากที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากน้องชายแน๊ตแล้ว แน๊ตก็ไม่เห็นมีใครนะ”

มีติดนิสัยรักสะอาดมั้ย เวลาอยู่ข้างนอก?

“มี ยิ่งเมายิ่งความสะอาดมาก อย่างโต๊ะที่มีน้ำ แก้วเปื้อนก็จะเอาผ้าเช็ด แล้วจะเช็ดเผื่อถึงคนอื่นด้วย อย่างจานเนี่ยกินอิ่มแล้วใช่มั้ยคะ ให้เด็กมาเคลียร์ๆ บางทีเด็กเคลียร์ไม่ทันใจเราก็เดินหยิบไปวางให้เค้า ทุกคนก็จะรู้ว่าให้แน๊ตเมาไม่ได้นะ ถ้าเมาปุ๊บเดี๋ยวแน๊ตคลีนทุกอย่างออก (หัวเราะ)”

รักสะอาดขนาดนี้ เคยมีเพื่อนตั้งฉายาให้มั้ย?

“ไม่ค่ะ เพราะเพื่อนๆ จะรู้จักนิสัยเราดี แม้กระทั่งครอบครัวยังไม่ชินเลยค่ะ เรามีพี่สาวที่เป็นทอมซึ่งโตมาจากครอบครัวเดียวกัน แต่ด้วยความที่เค้าเป็นคนที่ไม่สะอาด เป็นคนง่ายๆ บางทีเค้ามาเค้าก็แกล้งเราค่ะ เค้ารู้ว่าเรารักสะอาดแต่เค้ากลัวเราด่า เค้าแปรงฟันแล้วเค้าก็เอาผ้าที่วางบนขอบอ่างไปเช็ดที่ก๊อกน้ำ คอยเช็ดคราบที่กระเด็น

แล้วเรารู้ว่าที่เค้าเช็ดแล้วมันไม่เอี่ยมมันก็จะเป็นคราบน้ำอยู่ พอมันแห้งเราก็เห็น เราก็เลยบอกทำไมทำอย่างนี้เนี่ย ถ้าผ้ามันไม่เอี่ยมต้องเปลี่ยนเข้าใจมั้ย หรือไม่ก็ไม่ต้องเช็ดเดี๋ยวทำเอง (หัวเราะ) เราก็จะบ่นจิกๆ คือแน๊ตเป็นคนที่มีจิตวิทยาในการพูดแต่จะไม่บ่นตรงๆ จะพูดอ้อมๆ เค้าก็จะรู้ละ พวกพี่ๆ จะกลัวมากกว่า คนในครอบครัวจะกลัว”

นอกจากนี้เป็นคนชอบช่วยเหลือเด็กๆ ไปให้เงินทุนการศึกษา?

“จริงๆ แน๊ตให้มานานมากแล้วค่ะ แน๊ตให้หมดค่ะ แม้กระทั่งสัตว์ อย่างที่บอกว่าการปฏิบัติต่อสิ่งพวกนี้ไม่ใช่ปฏิบัติเฉพาะกับสัตว์เท่านั้น กับคนก็ให้ได้ค่ะ แน๊ตเชื่อว่าการให้ทาน แน๊ตให้ตามที่แน๊ตไม่ได้เดือนร้อน แล้วแน๊ตหาได้ ซึ่งของเราไม่ใช่ทรัพย์ก้อนใหญ่ มันแค่หลักหมื่นค่ะ แต่มันมาจากน้ำพักน้ำแรงที่หลายๆ งานเราเอามา จากที่เราแบ่งจากงานนั้นงานนี้ 10-30 เปอร์เซ็นต์ แต่ทุกงานจะแบ่งจากรายได้ของแน๊ตมาทำบุญทั้งหมดค่ะ”

ทำมานานแค่ไหน?

“แน๊ตทำมานานมาก ก่อนที่จะมามีชื่อเสียงอีกค่ะ แน๊ตทำมาตลอด บางทีทำก็ไม่ได้บอกผ่านโซเซียลแบบชัดเจน แล้วถ้าสมมติว่าแน๊ตจะทำบุญไหนที่มากหน่อย แน๊ตจะทำด้วยตัวเอง บุญไหนที่ทำแล้วผ่านคนอื่นต่อๆ กันเราจะไม่ค่อยทำเยอะค่ะ เพราะเค้าบอกว่าบุญต้องทำด้วยตัวเอง อานิสงส์จะเยอะกว่าค่ะ คือการให้คนอื่นทำก็ได้บุญเหมือนกัน เป็นสะพานบุญ เหมือนการทำบุญครั้งใหญ่มันจะได้เรื่องของบริวาร แต่ว่าบุญถ้าเราถวายกับมือเราเองยังไงก็ถึง แล้วอานิสงส์ก็เต็มที่เพราะว่าจิตของเราไปถึงแล้วค่ะ”

เวลาทำดีก็จะมีพวกแก๊งคิดลบ หาว่าทำดีสร้างภาพ เราเจอบ่อยมั้ย?

“ยังไม่เคยมองทางด้านบูลลี่ เพราะแน๊ตไม่เคยเอาตัวเองไปเปิดออกอีกโลกนึงที่เค้ามีกระแส คนบางคนโดนกระแสบูลลี่แล้วจะเป็นจะตาย แน๊ตว่าเค้ายังอยู่ในโลกโซเชียลไม่เป็นค่ะ เราก็อ่านข่าวที่เค้าตั้งใจเขียนมาให้เราอ่าน เราจะไปอ่านคอมเมนต์ทำไม เพราะรู้อยู่แล้วว่าคอมเมนต์มันมีทั้งดีและไม่ดี จริงๆ ทีมงานแน๊ตก็มีนั่งอ่านคอมเมนต์ แล้วเค้าจะมาอ่านให้เราฟัง แต่ว่าแน๊ตก็เฉยๆ เพราะว่าสิ่งที่แน๊ตต้องการเสพไม่ใช่การเสพคอมเมนต์ แน๊ตต้องการเสพข่าว ต้องการความรู้ เนื้อข่าวที่เราอยากทราบเท่านั้น

แน๊ตจะบอกว่าจริงๆ แล้วการทำสมาธิมันมีผลต่อแน๊ตนะ อย่าหาว่าแน๊ตแต่งตัวเซ็กซี่ เข้าวัดแล้วไม่ได้อะไร แน๊ตอยู่กับมันได้เพราะทุกอย่างคือการทำสมาธิ สมาธิสอนให้เราเข้มแข็ง สอนให้เรามีเกราะป้องกันตัว อะไรที่เข้ามากระทบจิตใจมันจะรับรู้ แล้วมันจะรู้เท่าทันอารมณ์ มันจะไม่ทำให้เราดิ่งลงไปตามอารมณ์”

สิ่งที่ทำให้เข้มแข็งมาได้จนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะธรรมะ?

“ใช่ ธรรมะล้วนๆ เลยค่ะ จิตใจของแน๊ตเข้มแข็ง ใครมาว่าแน๊ตหรืออะไร แน๊ตบอกแล้วแต่เลย (หัวเราะ) แน๊ตไม่ใช่คนที่ไหลไปตามกระแส แน๊ตก็จะมีหลักของแน๊ตอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราจะไปว่าใครเราก็ต้องมีเหตุมีผล ก็ต้องดูและวิเคราะห์ให้เป็นค่ะ เราสบายใจในจุดที่เราจะอยู่อย่างนี้ค่ะ แล้วเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร”

แน๊ตเรียนธรรมะมาได้เกือบ 10 ปีแล้ว แน๊ตปฏิบัติไปเรื่อย นิสัยชอบเป็นคนลุย ชอบเข้าป่า ชอบไปนั่งสมาธิ เวลาป้าเห็นเราชอบนั่งสมาธิ แต่ไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้อง เค้าก็เลยส่งให้เราไปเรียนครูสมาธิเพื่อให้รู้หลักการปฏิบัติอย่างถูกต้อง หลังจากนั้นพอเราไปปฏิบัติ เราก็จะมาบอกป้าว่าเป็นอย่างนี้ๆ ป้าบอกว่าเรามีของเก่าอยู่เยอะ เค้าก็เลยบอกว่าต้องไปเรียนครูสมาธิเพื่อที่จะได้รู้อย่างถูกต้อง จะได้ตรงกับแนวทางที่พระพุทธเจ้าท่านสอนค่ะ

เพราะไม่อย่างงั้นเดี๋ยวกลายเป็นโลดโผน อยู่ๆ ไปป่าช้าไม่ยอมกลับบ้าน มีไปอยู่ป่าเป็น 1-2 เดือน แล้วไม่ยอมกลับ พอเราเรียนครูสมาธิจบ รู้หลักการปฏิบัติอย่างจริงจัง รู้ว่าสมาธิคืออะไร ก็เริ่มเข้าใจหลักของพระพุทธศาสนา เริ่มรู้จักเส้นทางแก้ไขปัญหาได้อะไรต่างๆ เป็น 10 ปีแล้วค่ะ”

มีประสบการณ์ไปวัดแล้วเจออะไรที่น่ากลัวมั้ย อย่างสิ่งลี้ลับ?

“จริงๆ ถ้าบอกไปหลายคนก็อาจจะไม่เชื่อด้วยภาพลักษณ์การทำงาน แต่คนปฏิบัติทุกคน ถ้าปฏิบัติแล้วถ้าเรามีของเก่าอยู่เนี่ยก็ต้องสัมผัสได้ แต่ว่าก็ต้องขึ้นอยู่กับของเก่าที่ตัวเองทำมายังไงด้วย คือแน๊ตเหมือนมีสัมผัสที่ 6 อยู่แล้วค่ะ คือสามารถรับรู้ได้ก่อนที่แน๊ตจะเรียน แน๊ตรู้สึกว่าแน๊ตเริ่มทำสมาธิตอนเลิกกับแฟนคนแรกได้ประมาณเดือนนึง แน๊ตก็เหมือนรู้สึกว่าตัวเองรับรู้โลกวิญญาณอีกโลกนึง เราได้ยินเสียงที่พวกเค้าคุยกันตลอด แต่ไม่ได้เห็นนะคะ เพราะเคยบอกว่าแค่ได้ยินเสียงก็พอ อย่าเห็นไม่ชอบ

เราสามารถได้ยินโลกวิญญาณในช่วงวันพระ หรือแม้กระทั่งใครเลี้ยงกุมารไว้รู้หมด เพราะพวกเค้าจะคุยให้เราได้ยิน ตอนแรกเราคิดว่าเราเพี้ยนรึเปล่า จนเราไปศึกษาถามครูบาอาจารย์เค้าบอกว่าของเก่าเรามีมาเยอะ แต่ของพวกนี้ก็อย่าไปยึดเพราะว่าถ้ารู้มันก็จะไม่ไปไหน การทำสมาธิการปฏิบัติจะไม่พัฒนาเพราะมันจะยึดกับเสียงที่เราได้ยินตลอด

ทุกวันนี้ก็ได้ยินค่ะ แล้วก็จะรู้หมดเวลาไปวัด วันพระ โลกวิญญาณทะเลาะกันเหมือนโลกมนุษย์เลยค่ะ ภูตผี วิญญาณตีกัน มันจะมีทั้งผีดีทั้งผีไม่ดี ผีนักเลงกับผีบ้ามีเหมือนกันหมดค่ะ ไม่ต่างจากโลกมนุษย์เลย บางทีนอนอยู่ในป่าช้าก็จะมีถ้วยชาม หม้อ เสียงป๊องแป๊งๆ ด่ากัน มีจริงๆ ก็เลยบอกว่าโลกวิญญาณกับโลกมนุษย์ไม่ต่างกัน เพียงแต่เราไม่รู้ไม่ได้เห็นด้วยตาแต่เราได้ยิน

บางทีเรานอนภาวนาจิตเรากำลังจะดิ่งสงบ ก็สะดุ้งออกมาเพราะว่าเสียงโลกพวกเค้ามันทำให้ดึงจิตเราออกมา เราก็แผ่เมตตาให้เค้าไป บางทีไปนั่งสมาธิที่ป่าช้า หลุมแต่ละหลุมที่เค้าฝังศพกันอยู่เค้าก็มาอนุโมทนา ที่เรากล้าไปเพราะว่าหนึ่งเราไม่รู้ว่าหลวงพ่อมา แต่วิญญาณพวกนี้เค้าจะพูดว่านมัสการหลวงพ่อ เค้าส่งจิตถึงหลวงพ่อกันได้ เราก็รู้ว่า อ๋อ ท่านพระอาจารย์เรามาดูจิตเราในการปฏิบัติ เราก็จะรู้ค่ะ”

เคยมีเหตุการณ์ที่วิญญาณมาขอความช่วยเหลือมั้ย?

“มีๆ นอนๆ อยู่เหมือนตัวเองหวีดร้องขึ้นมา ในขณะนั้นเหมือนหวีดร้องเพื่อขอความเชื่อเหลือ เราก็รู้สึกเหมือนโดนอำ บอกความรู้สึกนั้นไม่ได้ค่ะ แล้วเราก็โทรไปถามท่านพระอาจารย์และท่านก็บอกว่าบุญเราเยอะมาก จนสัมภเวสีที่เค้าแรงมากๆ มาขอบุญก็เลยมาหาเรา พอเราหลุดได้เราก็แผ่เมตตา คือตอนนั้นเราตั้งสติได้ ถ้าคนปฏิบัติธรรมมาถ้ามีอะไรมากระทบเค้าจะมีวิธีในการดูแลตัวเอง

อย่างบางทีอะไรจะเกิดขึ้นกับเราเราจะรู้ พอรู้เสร็จปุ๊บเราจะมีคาถาที่สามารถดูแลตัวเองได้ในขณะนั้น แม้กระทั่งเราหลับเราก็สามารถสวดขึ้นมาได้เลยค่ะ อันนี้คือคนฝึกเป็นประจำนะคะ เวลาแน๊ตจะนอนแน๊ตไม่ได้นอนไปเฉยๆ แน๊ตจะนอนไปกับการสวดมนต์แผ่เมตตาตลอดจนจิตแน๊ตหลับไป

ถ้าฝึกแบบนี้เป็นประจำจะดูแลตัวเองได้ในวาระสุดท้าย และแน๊ตก็เป็นแบบนั้นมาตลอด เวลาอะไรเข้ามาหาแน๊ตปุ๊บแน๊ตจะรู้ตัวทันที แล้วมันจะมีคาถาของมันที่เคยฝึกมาอยู่แล้ว ป้องกันดีดขึ้นมาเหมือนใครตกใจปุ๊บทุกคนจะอุทาน แต่เราก็จะเป็นคาถาขึ้นมาเลยเพื่อป้องกันตัวเอง”

หลายคนจะติดภาพลักษณ์เซ็กซี่ แต่พื้นฐานเราไปทางธรรมะ?

“ไม่ค่อยมีใครรู้ เพราะว่าแน๊ตอยู่บ้าน แน๊ตจะสวดมนต์ธรรมจักร จุลชัยยะมงคลคาถา แบบสวดยาวๆ เราชอบ บางทีแน๊ตอยู่บ้าน บ้านแน๊ตก็จะมีวัดใกล้บ้าน แน๊ตจะไปสวดอยู่ที่วัด 1 ชั่วโมง จะเป็นแบบนี้ประจำ ถ้าไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับหน้าที่การงานนะ ก็จะอยู่วัดตลอด

จะเหมือนคนที่เคยออกกำลังกายแล้วไม่ได้ออก การไปวัดก็เหมือนกัน ถ้าเรารู้สึกว่าเราเคยทำบุญแล้วเราไม่ได้ทำมันจะรู้สึกอยู่ไม่ได้ จะรู้สึกเรายังทำบุญไม่เยอะเลยอะ บุญเรายังน้อยเลยอะ มันจะเป็นอย่างนี้จริงๆ เหมือนเราไปฟิตเนสแล้วเรารู้สึกว่าเรายังไม่ได้เล่นอะไรเลย เราต้องไปค่ะ”.