Inside Dara
"เบลล่า-ราณี" จับคู่ "โป๊ป-ธนวรรธน์" สู่ความประทับใจครั้งใหม่ ใน "พรหมลิขิต"

คัมแบ็กเรตติ้งสุดปังกับละคร "พรหมลิขิต" ทางช่อง 3 ภาคต่อละครฮอต “บุพเพสันนิวาส” ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของรอมแพง ผลิตโดยบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด สมศักดิ์ศรีออเจ้าคนดีคนเดิม นางเอกซุปตาร์ “เบลล่า-ราณี แคมเปน” ที่เพิ่มเติมในตัวละครใหม่ รวมทั้งตัวละครเดิมตราตรึงใจยังจับคู่กับความปังกับพี่หมื่นในดวงใจ “โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” ที่มนต์กฤษณะกาลีจะพาคุณย้อนอดีตสู่ความประทับใจครั้งใหม่

เห็นเรตติ้งตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ทำเอา “เบลล่า” หายเหนื่อยชื่นใจ เล่าความรู้สึกที่ละคร “พรหมลิขิต” มาแรงตั้งแต่ตอนแรก “โอ้โห มันเกินเหนือความคาดหมายไปเยอะมาก ไม่ได้คาดหวัง ด้วยความที่มันเป็นภาคต่อด้วย ด้วยธรรมชาติอะภาคแรกมักจะดีที่สุดเสมอ เพราะมันใหม่ มันเป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นว่าคนยังรอดูรอต่ออีก ดีใจมากๆ เพราะมันเป็นโปรเจกต์ที่ใหญ่มาก ถ่ายเหนื่อยกว่าภาคแรก ด้วยความที่เป็นภาคต่อ ทั้งนักแสดง ผู้จัด ผู้กำกับ ทุกอย่างทุกฝ่าย คนเขียนบทอยากใส่อะไรให้มันมากขึ้นมากที่สุดเพื่อให้คนดูได้รับมากที่สุดอุดรูรั่วต่างๆ พี่หน่อง-อรุโณชา ก็คือจัดเต็มมากแบบทุกอย่าง รวมถึงตัวเบลที่ต้องมี 2-3 คาแรกเตอร์ที่จะต้องเล่น ซึ่งมันก็ยากมาก ทำการบ้านเยอะมาก ตัวเก่าอย่าง “คุณหญิงการะเกด (เกศสุรางค์)” ก็ยังต้องเล่นให้ดีและโตขึ้น ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและตัวใหม่ที่เข้ามาอย่าง “พุดตาน” เป็นคนที่เหมือนทุกคนมีคำถามว่าสรุปแล้วชีเป็นใครทำไมถึงแบบดูแปลกๆเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดี เป็นจิตใหม่จิตเก่า มันก็จะมีแบบเลเยอร์ในตัว ต้องเวิร์กช็อปกัน เลยต้อง ตีความกันเยอะเลยค่ะ”

ส่วนบท แม่นายการะเกด ก็คือแม่ที่เติบโต “เบลล่า” เล่าว่า “ยากมาก เบลรู้สึกกดดันมากกับการรับบทเป็นแม่เอาจริงๆอายุเราก็ไม่ได้ใกล้เคียง แต่ว่าจะให้คนอื่นเล่นมันก็ไม่ได้ ก็พยายามใช้ความเชื่อ ต้องเชื่อก่อนว่าเราผลิตลูก 4 คนนี้ เบลก็ต้องหาเรฟเฟอเรนซ์ว่าการจะเล่นเป็นแม่ยังสาวยังไงให้มันเหมาะสมเพราะตอนนั้นเหมือนเค้าแต่งงานเร็วถือว่ามีลูกเร็ว แต่มีความมีวุฒิภาวะความเป็นแม่ ความเป็นห่วงลูก เป็นผู้นำในบ้าน ความสวีตกับพี่หมื่นก็ยังมี เลยลองหาเรฟดูแล้ว มีความคล้ายคุณแม่ของเบลเอง ที่เป็นคนที่มีความสดใสร่าเริงเลี้ยงลูกเหมือนเป็นเพื่อน เข้าใจโลกเข้าใจวัยรุ่น นี่ล่ะน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดี”

กับความ ชื่นชมการแสดง 2 บท ทั้ง “การะเกด” และ “พุดตาน” ที่แยกกันแบบชัดมาก เล่นละเอียด เบลล่ารู้สึก ขอบคุณมากๆ “ตั้งใจมากเราทำการบ้าน ด้วยบทค่อนข้างมาชัด พอคุยกับพี่นายผู้กำกับเคลียร์ชัดกันเลย เช่น อย่างกับแม่กลิ่น มันจะมีอารมณ์ปกป้องตัวเองทันที แต่ว่าถ้ากับคนทั่วไป เช่นกับอึ่งกับเพิ่ม หรือยายกุยตอนแรกเราก็ยังมีกำแพงแต่พอเห็นเค้าใจดีน่ารักกับเรา เราก็รีแลกซ์ พุดตานจะมีโทนเสียงของโทนเสียงความขรึมๆ แมนๆ ตั้งแต่เด็กที่เขาจะต้องเอาตัวรอด วาร์ปมาแล้วก็คือการตัดสินใจว่าถ้าฉันกลับไม่ได้ก็ต้องเอาตัวรอด ปกป้องตัวเองได้ปกป้องผู้อื่นก็ได้ เสียงและอะไรตรงนั้นมันมาด้วยความบังเอิญ เราเล่นจากอินเนอร์ข้างใน”

ได้ดึงอะไรของเบลล่าออกมาใช้มั้ย? “พุดตานมีความกวนๆ ต่อปากต่อคำ จะเห็นโหมดนี้ตอนกับคุณหนูริด เราก็จะแซวเค้า อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสในบทอื่น? น่าจะเป็นความแบบทำกับข้าวอย่างจริงจังมาก ทำเองทุกขั้นตอนตั้งแต่จับปลาในน้ำด้วยมือเปล่า เรียนฟันดาบ”

กับ “โป๊ป–ธนวรรธน์” พระเอกคู่ใจ “เบลล่า” เปิดใจเบื้องลึกว่า “เราไม่เคยนัดแนะบทกัน จริงๆ เราก็ให้อิสระกัน ทำการบ้านของตัวเอง ซึ่งมันทำให้จะมีแบบเมจิกโมเมนต์ จะมีจังหวะจริง เรียล เกิดขึ้นเยอะสำหรับเบลกับพี่โป๊ป มันเริ่มต้นจากการทำงานด้วยกันครั้งแรกคือบุพเพสันนิวาส เราเคยเห็นผลงานแต่ไม่เคยร่วมงานกับเค้า หลังกองเราก็เห็นความตั้งใจว่าน่าจะไปได้ดีมาก แล้วพอได้มาเล่นด้วยกันมันมันส์มากเลยค่ะ มันเหมือนคนไม่ยอมกันมาเจอกัน ถ้าไม่สั่งคัตก็จะเล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย มันสนุกตั้งแต่บุพเพฯ เราอาจจะคล้ายกันมาเจอกัน ก็ถ้าไม่ได้ พี่โป๊ป เบลว่าเรื่องนี้ก็รอดยากนะ พี่โป๊ปก็เล่นหลายคาแรกเตอร์ เบลก็เช่นกัน มันมีความซับซ้อน ซึ่งความยากอยู่ในนั้น คู่เล่นก็สำคัญมาก”

มาด้วยกัน ถึงวันนี้มองเห็นการเติบโตทางการแสดงของโป๊ป ยังไง? “แน่นอนค่ะ เล่น 3 คาแรกเตอร์ ตอนเล่นเราเห็นแค่หน้าฉากแต่พอเราได้ดูตัดต่อ เปรียบเทียบ 3 ตัวละคร พี่โป๊ปเล่นได้แตกต่างเยอะเลย เค้าก็ตั้งใจสร้างคาแรกเตอร์ให้ชัด พ่อริด กะล่อนน่ารัก พ่อเรือง เป็นผู้ใหญ่ ขรึม คุณพ่อกรุ้มกริ่ม อารมณ์ดี ไม่ใช่แค่ภายนอกแต่มันมองเห็นจากภายในออกมา ถ้ามีพ่อแม่มักจะเข้าฉากกับพ่อริด เค้าก็เล่นสองรอบ เราก็เล่น 2 รอบมองหน้าคนที่หน้าเหมือนกัน (ยิ้ม) เบลก็มีวันที่ต้องเป็นสองคนในเวลาใกล้กัน มีช่วงที่พุดตานได้เข้าบ้าน เราก็ต้องมีเวลาทำการบ้าน ยอมรับว่า พรหมลิขิตเป็นอะไรที่ยากมาก ยากที่สุด หลังจากถ่ายจบถึงตอนนี้พักมา5เดือน แล้วขอเบรกงานแสดงแป๊บนึง เริ่มอีกทีปีหน้า เพราะเรียกว่าได้ใช้ทั้งจิตวิญญาณและร่างกายขุดออกมาเล่นให้หมด เสียแรงไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ (หัวเราะ) ส่วนเคมี “พุดตาน” กับ “พ่อริด” จะไม่ยอมกันเหมือนไม่น่าจะมารักกันได้ คนจริตเดียวกันมาเจอกัน เหมือนไม่มีใครเข้าใจเราที่เป็นเราจริงๆ แต่เค้าดันเข้าใจเรา เคมีความฟินกุ๊กกิ๊ก ก็จะไม่เหมือนเดิมแต่มีเยอะ มีความอยู่ด้วยกันสองต่อสองเยอะ น่ารักตรงไม่ได้ตั้งใจจะหวานแต่หวาน แรกๆแทบไม่โดนเนื้อโดนตัวกันแต่มันฟิน เป็นคู่กัดกันก่อนแต่สุดท้าย ไม่แคล้วกัน กว่าจะลงเอยก็มีอุปสรรคเยอะแต่ต่างคนต่างรู้ว่ารักกันมาก”

เลิฟซีนล่ะ? “พอได้เปิดใจได้เริ่มมารักกันจริงๆ ก็แสดงออกทางความรัก บางทีเราก็ไปหอมเค้าก่อนก็มี”

คำว่า “บุพเพสันนิวาส มาจนถึงพรหมลิขิต” มีความหมายกับชีวิตเบลล่ายังไง นางเอกซุปตาร์ เล่าว่า “มันมีค่ามาก เป็นเหมือนเพชรยอดมงกุฎ เปลี่ยนชีวิตจริงๆ ทั้งเรื่องการมีชื่อเสียงมากขึ้น จุดที่เราอยู่และทุกๆอย่าง เหมือนเรามีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะจักรวาลออเจ้านี้ มีบุพเพสันนิวาสเป็นจุดเริ่มต้นคนต่างชาติรู้จักเรามากขึ้นจากผลงานชิ้นนี้ ตอนที่เบลเล่นเบลก็คิดอยากจะตอบแทนคนไทย ตอบแทนประเทศไทยและโปรเจกต์นี้มันสามารถทำให้สิ่งนั้นมันเกิดขึ้นจริง เราก็ดีใจและภูมิใจ มันเป็นจุดสำคัญหนึ่งในชีวิต ทั้งชีวิตจริงและชีวิตการแสดง”

หวังอยากให้ “พรหมลิขิต”เป็นซอฟเพาเวอร์ในเรื่องความเป็นไทยอีกครั้ง เบลล่าเผยว่า “เราไม่ได้ดูกัน แค่ในประเทศ แต่เราดูไปทั่วโลกซึ่งอาหารไทยเป็นอะไรที่ขึ้นชื่อไปทั่วโลกอยู่แล้ว รวมถึงการใส่เสื้อผ้าไทย สถานที่สวยๆไปตามรอยกันได้ อยากให้สิ่งนี้ตอบแทนคนไทย เศรษฐกิจจะได้ดีขึ้น การท่องเที่ยวดีขึ้น อยากให้ละครช่วยให้ดีขึ้นทุกมิติ”

ปิดท้ายล้วงหัวใจนางเอกซุปตาร์ หนุ่มแบบไหนที่จะเอื้อมมาถึง “เบลล่า” ได้? เบลล่าตอบว่า “เพราะคิดกันแบบนี้ล่ะเลยไม่เจอรึเปล่า (ยิ้ม) เบลอยากหาคนที่คลิกกับเบล ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหนยังไงแต่พื้นฐานต้องเป็นคนจิตใจดี รักครอบครัว ไม่คิดร้ายกับคนอื่น ถูกจริตกัน เบลมองว่าดีเทลเล็กๆน้อยๆ สำคัญกว่าที่ต้องเป็นลูกใคร หน้าตาแบบไหน มันเป็นเปลือกนอกมากกว่า”

เวลาฝันมีความรักตอนเด็กๆกับการอยากมีความรักตอนนี้ต่างกันยังไง? “ต่างกัน ตอนเด็กๆคบใครก็ได้เรามีเวลาเลือก มีเวลาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เรามันก็ ไม่ใช่ว่าที่คุยด้วยจะเป็นคนสุดท้าย เราก็ไม่มีทางรู้แต่แค่เรามองที่มุมมองที่โตขึ้น ละเอียดมากขึ้น ไม่ได้ใช้ตามองแต่ใช้ใจมอง”

รักยากขึ้นมั้ย? “ก็แน่นอนค่ะ ไม่ได้ยากขึ้นเยอะนะ พื้นฐานเป็นคนเข้าใจคนง่าย ไม่ได้ตั้งแง่ตั้งเงื่อนไขขนาดนั้นแต่แค่ยังไม่เจอ เอาจริงๆก่อนหน้านี้ก็เคยมีโอกาสได้คุยกับใครแล้วนะ แต่ก็ถึงวันนึงมันก็ไปต่อไม่ได้ เราก็มองทุกมุมนะ ทั้งมุมของเค้าและในมุมเรา มันมีหลายเหตุผลหลายปัจจัย ก็มาทบทวนตัวเองนะว่าเรามีตรงไหนที่มากไปน้อยไปรึเปล่า แต่จริงๆ ถ้าจะเริ่มคุยกับใครใหม่ก็จะยังเป็นตัวของตัวเองนี่แหละ ถ้าจะไปต่อมากกว่านั้นก็จะปรับค่ะ”.