Inside Dara
3,000 ล้าน อาจฝันสลาย ผู้เชี่ยวชาญระบุ ไม่ใช่ภาพวาดแวนโก๊ะจริง!?

เป็นข่าวดังฮือฮา ‘อุ๊-หฤทัย ม่วงบุญศรี’ ครอบครองภาพวาดต้นไม้ ฝีมือของ ‘วินเซนต์ แวนโก๊ะ’ คาดมีมูลค่า 3,000 ล้านบาท และภาพวาดดังกล่าวได้รับการตรวจพิสูจน์โดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ว่ามีอายุเก่าแก่ถึงศตวรรษที่ 19 ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ยิ่งทำให้เจ้าตัวเชื่อมั่นว่าเป็นภาพวาดฝีมือของ ‘วินเซนต์ แวนโก๊ะ’ จริง รอเพียงการยืนยันและรับรองจากพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เท่านั้น

ล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘น้ำอ้อย อ่าวสินธุ์ศิริ’ โพสต์สเตตัสกรณีภาพวาดต้นไม้ว่า ตนสอนศิลปะมานาน 27 ปี เคยใช้ภาพวาดของ ‘วินเซนต์ แวนโก๊ะ' นับร้อยๆ ชิ้นประกอบการสอนมาตลอดในวิชาจิตรกรรมและวิชาทฤษฎีสี ระบุแบบฟันธง ‘เป็นเพียงงานเลียนแบบสไตล์การวาดภาพคุณภาพต่ำเท่านั้น’ รวมถึงยังยกตัวอย่างภาพวาดจริงเพื่อเปรียบเทียบและให้ข้อมูลในทางเห็นแย้งในหลายประเด็น...

“สอนศิลปะมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ถ้าจะนับก็นานถึง 27 ปีแล้ว ใช้ผลงานของ van Gogh เป็นร้อยๆ ชิ้นประกอบการสอนมาตลอดในวิชาจิตรกรรมและวิชาทฤษฎีสี นอกจากนี้ ในฐานะของคนทำงานจิตรกรรมอย่างจริงจังและวิเคราะห์เป็น ผมรู้จักประวัติชีวิตและการทำงานของแวนโก๊ะดีกว่าคนในสังคมไทยโดยเฉลี่ย

“ชื่อเสียงของแวนโก๊ะได้รับการยอมรับหลังจากการฆ่าตัวตายของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการรับอิทธิพลเรื่องการใช้สีของเขาโดยศิลปินกลุ่ม Fauvism และ German Expressionism การสร้างสรรค์ของแวนโก๊ะทำให้การทำงานจิตรกรรมสามารถข้ามพ้นความคิดเรื่องการจำลองธรรมชาติภายนอกแบบเหมือนจริงได้

“ในช่วงชีวิตของเขา แวนโก๊ะเป็นคนล้มเหลวและใช้ชีวิตแบบแย่ๆ (มาก) มีสิ่งเดียวในชีวิตของเขาเท่านั้นที่เขาไม่เคยละเลยและเข้มงวดกับมันอย่างถึงที่สุด มันคือการทำงานจิตรกรรม และด้วยการใช้สีและวิธีการปาดป้ายพู่กันที่มีวัตถุประสงค์อันชัดเจน องค์ประกอบสองอย่างของการทำงานจิตรกรรมดังกล่าวนี้เป็นทั้งวิธีการและเป้าหมายในการทำงานศิลปะของเขา

“ความสำเร็จทางจิตรกรรมของแวนโก๊ะเกิดขึ้นอย่างจริงจังในผลงานช่วงท้ายๆ ของชีวิตของเขาเท่านั้น พูดให้แคบลงอีกก็คือ นับตั้งแต่เขาย้ายไปวาดภาพที่ Arles ในปี 1888-89 จนถึงการฆ่าตัวตายในปี 1890 อย่างไรก็ตาม ผลงานช่วงสุดท้ายในปารีสของเขา (1887) ก็มีคุณภาพสูงมากๆ แล้ว

“ดังนั้น หลังจากการย้ายไป Arles เขาไม่เคยใช้สีคุณภาพต่ำเลย (ไม่เหมือนกับโกแกง ที่มีอะไรก็ใช้ไป สีในงานหลายชิ้นของโกแกงในปัจจุบันจึงอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่า "เฮงซวย" มากๆ)

“มาจนถึงปัจจุบัน ประวัติชีวิตและการวาดภาพของแวนโก๊ะกระจ่างชัดหมดแล้ว แทบจะไม่มีอะไรเหลือให้ทำการศึกษาอีกแล้ว ทั้งในเรื่องภาพที่เขาวาด สี และวิธีการที่เขาใช้วาดภาพ มันเป็นเหตุผลทำให้เราทุกคนที่มีโอกาสดูผลงานจริงของเขาเกิดความรู้สึกทึ่ง เพราะคุณภาพอันสดใหม่และความสวยงามของสีที่เขาใช้ ทั้งที่ผ่านกาลเวลามาเกินกว่าร้อยปีแล้ว

“นอกจากนี้ วิธีการจำแนกภาพวาด (ยุคสมัยย่อยๆ ในชีวิตการทำงานของศิลปิน) ยังสามารถจำแนกได้ด้วยการสังเกตถึงวิธีการและลักษณะเฉพาะบางอย่าง เช่น ทักษะในการใช้สี วิธีการ และร่องรอยการปาดป้ายพู่กัน เป็นต้น

“คุณเธออ้างว่ามันเป็นผลงานที่ถูกวาดขึ้นในปี 1888 ผมจึงหาภาพวาดปี 1888 ของแวนโก๊ะมาให้ดูกัน ถ้าสังเกตเรื่องสี จะพบว่าสีในภาพวาดทุกชิ้นของเขาใสกระจ่าง และภาพวาดเกือบทุกชิ้นมีความเป็นเลิศในเรื่องการใช้พู่กันที่เห็นได้อย่างชัดเจน

“ส่วนภาพที่เธอกล่าวอ้างนั้น, สำหรับผม, ถ้าดูวิธีการใช้พู่กัน มันเลอะเทอะครับ สะเปะสะปะ ขาดระเบียบและทักษะระดับสูงของการใช้พู่กันวาดภาพ พื้นฐาน drawing ยังไม่ดีพอ การใช้สีก็ธรรมดามาก เป็นเพียงงานเลียนแบบสไตล์การวาดภาพคุณภาพต่ำเท่านั้น”

ขณะที่เมื่อวานนี้ (31 พ.ค. 61) มีรายงานข่าว ‘เส้นทางพิสูจน์ภาพแวนโก๊ะของอุ๊ หฤทัย’ โดยสำนักข่าวบีบีซีไทย ซึ่งผู้เขียนคือ ‘ฐิติพล ปัญญาลิมปนันท์’ ได้ติดต่อสอบถามไปยังแวนโก๊ะมิวเซียม และทางพิพิธภัณฑ์ยืนยันว่า ‘ได้เคยปฏิเสธภาพเขียนชิ้นนี้ และบอกกับหฤทัยว่า ภาพดังกล่าวไม่ใช่ผลงานของวินเซนต์ แวนโก๊ะ’

ส่วนอุ๊ หฤทัย ยังยืนยันพร้อมจะส่งภาพดังกล่าวให้พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะตรวจสอบใหม่อีกครั้ง “แต่เราไขปริศนาได้แล้ว เพราะฉะนั้นมันจึงตรงกันหมดแล้วทุกอย่าง”