Inside Dara
ชื่นมื่นวันวิวาห์ 'ตั๊ก' จูงมือ 'ป๊อก' ฉลองมงคลสมรส

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2555 นักแสดงหนุ่ม ตั๊ก-นภัสกร มิตรเอม จูงมือนักแสดงสาวเจ้าบทบาท ป๊อก-ปิยธิดา วรมุสิก เข้าพิธีฉลองมงคลสมรส ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยก่อนเริ่มงานทั้งคู่ได้จัดงานแถลงข่าวขึ้น ณ ห้องดำรงราชานุภาพ อาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งธีมงานนี้เป็นบรรยากาศแบบไทยร่วมสมัย โดยเจ้าบ่าวและเจ้าสาวออกมาในชุดไทยร่วมสมัยสีทอง การจัดงานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้เจ้าบ่าวเป็นผู้จัดแจงงานเองทั้งหมด ส่วนเรื่องทายาททั้งคู่บอกยังไม่มีแพลน ขอทำงานก่อน

ความรู้สึกในวันนี้? ป๊อก “อยากจะบอกว่าในส่วนของป๊อกนอกจากการเตรียมตัวแล้วไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ เพราะว่าพี่ตั๊กจัดการให้หมดเลย เราไม่ต้องกังวล” ตั๊ก “คือหลังจากที่เราได้รับพระราชทานน้ำสังข์จากสมเด็จพระเทพฯ แล้ว ก็มาทำเรื่องขอสถานที่จากผู้ใหญ่ ที่ขอไว้นานมากแล้ว กว่าผู้ใหญ่จะอนุญาตให้ใช้สถานที่ และเรามีเหตุผลที่ดีท่านเจ้ากรมศิลปากรเลยอนุญาตให้เราใช้สถานที่ครับ อนุญาตในก่อนหน้านี้แค่ 2 เดือน ต้องขอบคุณหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ผู้ใหญ่ที่เราเคารพรักหลายท่านช่วยเราในหลายเรื่อง ความรู้สึกในวันนี้ผมดีใจมาก ตามที่น้องบอก ผมทำคนเดียว แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้ทำคนเดียว มีคนอื่นมาช่วยผมเยอะมาก มีคนเมตตาเยอะมาก”

งานออกมาแบบนี้สมใจไหม? ป๊อก “สวยงามมากค่ะ ก็รู้สึกดีใจค่ะ ทุกอย่างออกมาสวยงามกว่าที่เราตั้งใจไว้ ซึ่งเราเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่ากว่าพี่ตั๊กจะทำอะไรให้เรามากเท่านี้ เราผ่านอะไรกันมาเยอะมาก แล้วเขาก็ทำให้เราเยอะมาก ให้เกียรติเราอย่างเต็มที่ (น้ำตาคลอ)” ตื่นเต้นไหม? ป๊อก “จริงๆ มีคนถามว่ามันจะเหมือนฉากในละครไหม เหมือนฉากแต่งงานหรือเปล่า ป๊อกก็เลยบอกว่าความรู้สึกมันต้องพิเศษกว่า เพราะว่าวันนี้อาหารในงานทานได้จริง (หัวเราะ) ไม่เหมือนตอนถ่ายละครซึ่งอาหารในงานทานไม่ได้ ได้แต่มองอย่างเดียว ทุกอย่างมันเป็นของจริง แล้วความรู้สึกมันมากกว่านั้นเยอะ เลยรู้สึกว่าคนที่เขาผ่านงานแต่งงานที่ดีที่ครบที่สมบูรณ์แบบนี้เขาอิ่มเอิบใจแบบนี้นี่เอง” วันนี้ตั๊กเตรียมเซอร์ไพรส์หรือเปล่า? “ถ้าถามว่ามีไหม ก็มีครับ เพราะว่าจริงๆ แล้วผมไม่ค่อยมีอะไรให้เขามาก ในฐานะเป็นคนที่เรารักกัน คือผมก็เป็นคนที่ไม่ค่อยจะโรแมนติก ออกไปทางบทโหดซะมากกว่า วันนี้เพิ่งจะมาโกนหนวดออก คิดว่าวันนี้น่าจะมีของขวัญให้เขาสักชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นการแสดงเล็กๆ น้อยๆ จากผมเอง”

ในงานเป็นไทยหมดเลย? ตั๊ก “ครับ เราตั้งใจให้เป็นธีมการแต่งชุดไทยร่วมสมัย มีหลายคนถามว่าไอ้ชุดไทยร่วมสมัยมันเป็นยังไง ผมเลยบอกว่าผมยังไม่ตอบแล้วกัน เดี๋ยวผมจะไปถามเอาในงานถามไปเรื่อยๆ เพราะตั้งแต่แจกการ์ดไป มีแต่คนถามว่าชุดไทยร่วมสมัยมันเป็นยังไง” ป๊อก “คือที่ถามเพราะว่าเราอยากจะแชร์ความเป็นไทยว่าชุดแบบนี้มันเป็นแบบไหน คือการมาแชร์ความคิดกันมากกว่า เป็นการถามความคิดเห็น ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นชุดแบบนี้ๆ ความเป็นไทยมันอยู่ตรงไหน มีความเป็นอิสระมาแลกเปลี่ยนความคิดกันมากกว่า” เห็นบอกว่าในงานมีการลอดซุ้มกระบี่แบบไม่เคยมีมาก่อน? ตั๊ก “ใครบอกเนี่ย” ป๊อก “คืออยากจะบอกว่าเป็นเจ้าสาวที่ไม่รู้อะไรเลย ได้แต่แต่งตัวอย่างเดียว พี่ตั๊กบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้หมดเลย ป๊อกแค่จัดการในเรื่องส่วนตัว คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าสาวที่มีความรับผิดชอบน้อยที่สุด” การแสดงโขนเป็นยังไงเห็นบอกว่าจะมีด้วย? ตั๊ก “ครับ เป็นการแสดงในชุดหนึ่งครับ มีให้เห็นแน่นอนครับ” แสดงเองหรือเปล่า? “มีบางส่วนครับ เราก็เป็นนักแสดงถือว่าเราก็ได้ศึกษามา มีความรู้ ผมคิดว่าถ้ามีความสามารถเราก็น่าจะแสดงให้เขาด้วย ผมบอกว่าคนอื่นช่วยผมเยอะมาก แล้วผมทำนิดเดียว ถ้าผมไม่ทำอะไรเลยแล้วผมจะบอกเขาได้ยังไงว่าผมรักเขา”

ศึกษาคบกันมากี่ปี? ป๊อก “ถ้าวันนี้ก็สิบปีจะสิบเอ็ดปีแล้วค่ะ” วันนี้ไปรำลึกความหลังหรือยัง? ตั๊ก “ยังครับ เรากะว่าเราจะไปเดินเล่นนะ เราเจอกันแถวนี้” ป๊อก “คือตอนที่เราคบกันเราจะทำตัวเป็นชาวญี่ปุ่น มาดูละครมาเที่ยววัดพระแก้ว มาทำอะไรให้มันเหมือนนักท่องเที่ยวจริงๆ จีบกันโดยอิงศิลปะวัฒนธรรม” ของชำร่วยในงานเป็นตราประทับขอรับรองว่าเป็นความจริง? ตั๊ก “ครับมันคือธีมของงานที่ผมจะแสดงวันนี้ อย่างน้อยคุณก็มางานผมนะครับ ก็ขอรับรองว่าเป็นความจริง” ป๊อก “คืออยากให้ใช้งานได้ด้วยแล้วบอกว่าวันนี้มันคือความจริง” หลังจากพระราชทานน้ำสังข์แล้วการใช้ชีวิตคู่เป็นยังไงบ้าง? ตั๊ก “คือมันต้องแบ่งกันครับ ต้องแบ่งรับแบ่งสู้กัน เป็นการใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน เป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มันไม่ใช่ว่าเราจะเอาเลย คุณคนเดียว ผมไม่ยุ่งไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่ว่าผู้หญิงจะเป็นใหญ่ซะคนเดียว ซึ่งจริงๆ มันก็ใช่ (หัวเราะ)

อย่างงานวันนี้มันก็เป็นเครื่องเตือนใจสอนผมอีกทางหนึ่งเหมือนกันว่า การที่เราจะมีครอบครัวเราต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อครอบครัวดูบ้าง เพื่อที่เราจะได้อะไรที่เหมาะสมและดีที่สุดกับคนที่จะเป็นคู่ครองและเป็นครอบครัวของผมครับ” ป๊อก “อย่างน้อยมันก็เป็นความอบอุ่นอีกอย่างหนึ่ง เป็นความอุ่นใจที่มีเพื่อนคอยยืนอยู่ข้างๆ คอยเป็นเกราะกำบังให้เราเวลาที่เรายังไม่อยากจะเจอกับอะไร เขาก็จะคอยให้คำปรึกษาไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานเรื่องส่วนตัว เรื่องจิปาถะ ตั้งแต่ปลายเท้าจรดปลายหัว ช่วยดูแลหมดทุกอย่าง คือเขาเป็นเหมือนแฝดของป๊อกอีกคน เป็นแฝดที่เราไม่ต้องรู้สึกลำบากใจที่เรามีเขาอยู่ข้างๆ เราจะไม่รู้สึกว่าเราเหนื่อยหรือว่าเราเป็นภาระ แต่เรากลับรู้สึกว่ามีเขาแล้วทุกอย่างมันเต็ม ทุกอย่างมันใช่ เลยรู้สึกว่ามันเป็นส่วนที่ดีที่สุดที่เราหาเจอ”

มีคำสัญญาหรือเปล่า? ตั๊ก “ยัง แต่วันนี้จะบอกให้ฟัง บอกคืนนี้ ขอยังไม่บอกตอนนี้ บอกบนเวทีครับ” ป๊อกถือว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดไหม? “ผู้หญิงทุกคนจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดได้ทุกคน ในเมื่อมีสติในการเลือกและต้องใช้เวลา ถ้าทุกอย่างมันเหมาะเจาะในเวลามันจะเป็นอะไรที่ดีที่สุด และป๊อกเชื่อว่าทุกคนจะเป็นได้” เรื่องทายาท? “ยังค่ะ ยังทำงานยังทำอะไรมากมาย ยังมีหลานมาทดลองเลี้ยงอยู่ เราเลยคิดว่าพอเถอะไว้ก่อน เอาไว้เป็นเรื่องของในอนาคต ใช้คำว่าอาจจะมีแต่ตอนนี้ยังค่ะ” จะไปฮันนีมูนกันเมื่อไหร่? ป๊อก “วันอังคารนี้ (25 ธ.ค.) ค่ะ อยากไปภูฏาน ป๊อกยังไม่เคยไป เพราะพี่ตั๊กไปมาแล้วแล้วบอกว่าน่าไปจังเลย แต่ว่าตอนนี้อากาศมันติดลบอยู่ แล้วมันต้องเดินเที่ยวเราจะไปเที่ยวที่ไหนได้ เราก็เลยคิดว่าเราไปญี่ปุ่นค่ะ ไปกันเอง” ตั๊ก “ผมเลยขอว่าถ้าไปญี่ปุ่นก็จะไปเที่ยวกันแบบวัฒนธรรม ผมยังไม่เคยไป” ป๊อก “เราอยากไปดูวัฒนธรรม ก็เลยกะว่าเดี๋ยวจะแบกเป้ไปกัน ไปเคาต์ดาวน์ที่โน่น เพราะว่าถ้าเผื่อไม่ได้ไปตอนนี้ หลังจากนี้เราจะไม่มีโอกาสได้พักเลยเพราะเราทำงานกันตลอดเวลา ก็เลยถือโอกาสช่วงนี้เลยว่าขอฮันนีมูนก่อน ซึ่งมันเป็นข้ออ้างในการหยุดพักที่ดีมาก (หัวเราะ)” ไปประมาณกี่วัน? “10 วันค่ะ” หลังจากกลับมาจะรับงานในวงการปกติเลยไหม? ตั๊ก “ก็ผมกลับมาก็มีงานละครเวทีเรื่อง นางเสือง เลยครับ เล่นเดือนมกราคม ตอนนี้อยู่ในช่วงซ้อมละครพอกลับมาก็ต้องซ้อมเลยเพราะมีหลายคนรอซ้อมอยู่ครับ” ป๊อก “ตอนนี้ถ่ายอยู่ 2 เรื่อง กลับมาก็ต้องถ่ายกันต่อแล้วก็เปิดละครของพี่ต้อ-มารุต อีกเรื่องหนึ่ง เป็น 3 เรื่อง แล้วตอนนื้หนังเรื่อง Together เพิ่งเข้าโรงค่ะ”

การแสดงที่จะได้ชมเลือกตอนอะไรมาแสดงและมีเหตุผลอะไรถึงเลือกตอนนั้น? ตั๊ก “เราจะเน้นในเรื่องของความเป็นยักษ์ เลือกบทบาทความเป็นยักษ์มานำเสนอในตอนนี้ การแสดงชุดนี้เรียกว่า อสุรพงศ์ ซึ่งจริงๆ แล้วที่ทำระบำชุดนี้ขึ้นมาเพราะของกรมศิลป์มีอยู่แล้ว และอีกอย่างหนึ่งผมเคยเล่นเป็นยักษ์ตอนสมัยเรียนนาฏศิลป์โขน ก็เลยใช้ยักษ์เป็นสื่อครับ” มีการแสดงที่เกี่ยวข้องกับความรักของเราทั้งคู่ด้วยหรือเปล่า? ตั๊ก “มีครับ เพราะผมถือว่าผมจัดที่นี่ ผมมีทั้งความรักและศิลปะ และผมก็เชื่อว่ารักก็คือศิลปะ และที่นี่ก็อยู่ท่ามกลางความรักทั้งเพื่อน ทั้งคนที่ผมรัก ศิลปะที่ผมรัก และวัฒนธรรมที่ผมรักครับ”