Inside Dara
ก้าวสำคัญของ ‘แยม-มทิรา’ กับบทพิสูจน์นางเอกมือใหม่

ถึงก่อนหน้านี้จะเคยชิมลางกับงานแสดงมาบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นนางเอกใหม่เกือบแกะกล่องทีเดียว สำหรับสาวน้อยวัย 17 ปี แยม-มทิรา ตันติประสุต ที่ล่าสุดเธอได้ขึ้นแท่นเป็นนางเอกเต็มตัวครั้งแรก ประกบคู่พระเอกรุ่นพี่ สมาร์ท-กฤษฎา พรเวโรจน์ ในละครเรื่อง “ไฟรัก...เพลิงแค้น” ดาวต่างมุมวันนี้ เลยขอนัดพูดคุยกับสาวแยมที่ร้าน “ทรีท คาเฟ่ แอนด์ แฮง เอ้าท์” ย่านเสนา เพื่อให้แฟน ๆ เดลินิวส์ได้ทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น

พูดถึงบทบาทในละครเรื่อง “ไฟรัก...เพลิงแค้น” หน่อย?

“เรื่องนี้เป็นละครที่แยมเป็นตัวเดินเรื่องเลย รับบทเป็น “วีรดา” หรือ “วีต้า” ในเรื่องจะมีผู้ชาย 3 คนเป็นพี่น้องกัน เราเองมีความตั้งใจที่จะมาแก้แค้นพ่อเขา เพราะเขาทำให้พ่อเราตาย เราเลยใช้วิธีทางธุรกิจ เรารู้ว่าพี่ใหญ่คนโตมีอำนาจมาก ก็เลยไปยั่วเขาให้หลงเสน่ห์ ให้เขาหลงรัก ส่วนอีก 2 คนที่เหลือเขามารักเราเอง ส่วนแผนการของเราสำเร็จไหม เอาไว้เดี๋ยวรอดูดีกว่า แยมยังไม่เล่า (ยิ้ม)”

เป็นละครหลังข่าวเต็มตัวเรื่องแรกของแยม?

“ใช่ค่ะ เราก็กลัวเหมือนกัน ทั้งตื่นเต้นด้วย หลายอารมณ์มากเลย”

ร่วมงานกับพี่สมาร์ทเป็นไงบ้าง?

“น่ารักดีค่ะ พี่เขาเป็นคนใจดี เขาเป็นคนเงียบ ๆ แต่ตลก ชอบแกล้งด้วย”

พี่ก้อง-ปิยะ กับ พี่ชุ-ชุดาภา ได้บอกไหมว่าทำไมถึงเลือกเราเป็นนางเอก?

“ก่อนที่ละครเรื่อง “แค้นเสน่หา” จะออนแอร์ พี่ชุเห็นรูปแยมจากในนิตยสารดิฉัน มีแยม มีแพทริเซีย แล้วก็พี่อีกคนหนึ่ง พี่ชุบอกว่าตอนนั้นเขารู้แล้วว่าเขาต้องการคนยังไง พอเห็นแยมแล้วพี่เขารู้สึกว่าตรงกับบทดี โชคดีที่แยมเป็นนักแสดงของทางช่อง 3 ด้วย เลยได้นัดพูดคุยกัน เขาคงมองบุคลิกแยมว่าเหมาะกับบทนี้ ต้องเป็นคนดูดุ ๆ ดูเฉี่ยว ๆ แต่พอเจอตัวจริงก็คงไม่ใช่แล้วแหละ (หัวเราะ)”

บุคลิกจริง ๆ ของแยมเป็นยังไง?

“แล้วแต่ว่าอยู่กับใครค่ะ แยมคงเรียบร้อยถ้าอยู่กับผู้ใหญ่ แต่ถ้าอยู่กับพี่ ๆ ที่สนิทก็จะเล่น จริง ๆ แยมเป็นคนเปิดเผยนะ เห็นแบบไหนก็เป็นอย่างนั้น เราไม่ใช่คนปิดบังอะไร คือมีอะไรก็พูด แล้วเราก็ชอบพูดให้คนฟังด้วยค่ะ”

เท่าที่ลองงานแสดงมา 2-3 เรื่องแล้ว เราชอบไหม?

“ชอบค่ะ รู้สึกว่าท้าทายดี สนุกดี เราได้ขึ้นไปร้องเพลงบนคอนเสิร์ตซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดจะทำในชีวิตนี้มันทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้น แล้วมันยิ่งสนุก อย่างกองนี้คนช่วยเราเยอะ อย่างเรื่องนี้พี่ชุ หรือพี่ผู้ช่วยผู้กำกับ เขาจะช่วยเราตลอด ตอนแรกก็จะมีปัญหาเรื่องพูดไม่ชัด แต่ตอนนี้พี่ชุไม่บ่นเรื่องนี้แล้ว เพราะถ้าพูดไม่ชัด พี่เขาจะไม่ยอมปล่อย พี่ชุจะเคี่ยวมาก ๆ ค่ะ เคี่ยวจนหนูเหนื่อย พอเราบอกว่าหนูได้แค่นี้ พี่ชุก็จะบอกว่าไม่ได้ เอาใหม่ เราได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก เพราะกองอื่นจะไม่ได้มาสอนเราแบบนี้ อย่าง แค้นเสน่หา เราก็เจอพี่ไก่-วรายุฑ หรืออย่างตอนเล่นละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ทางช่อง 7 เขาก็สอนกันคนละแบบ เราก็ต้องเก็บเกี่ยวไปเรื่อย ๆ”

กับเรื่องนี้เราคาดหวัง หรือกังวลกับคำวิพากษ์วิจารณ์หรือเปล่า?

“แยมเป็นคนไม่คาดหวัง ไม่กล้าคาดหวังจริง ๆ ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์เราเจอมาตลอด ชินแล้ว แยมคิดว่าทุกคนต้องเจอเหมือนกัน ส่วนจะรับมือกับมันยังไงคืออีกเรื่องหนึ่ง แยมเป็นคนไม่คิดมาก ถ้าคนด่าว่าแยมไม่สวยก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าด่าในเรื่องการแสดงเราก็จะเอามาคิด เอามาปรับปรุง คือจริง ๆ แยมเป็นคนไม่ชอบเช็กอะไรแบบนี้ แต่ก็จะมีคนมาเล่าให้ฟังอีกทีหนึ่งค่ะ”

แยมเกิดและเติบโตที่ออสเตรเลีย?

“คุณพ่อคุณแม่แยมเจอกันที่โน่น แยมเกิดที่เมืองนอก อยู่จนอายุประมาณ 9 ขวบ แล้วย้ายมาเมืองไทย พออายุ 11 ขวบ คุณย่าไม่สบายเลยย้ายกลับไปอีก จนอายุได้ 13 ก็ย้ายมาอยู่เมืองไทยจนถึงตอนนี้ค่ะ เราจะมีปัญหาเรื่องเพื่อนนิดหน่อย เพราะว่ามันก็จะมีเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมานาน ๆ แต่ก็ปรับตัวได้ เพราะว่าเราไม่ได้เป็นคนติดเพื่อนขนาดนั้น”

มีพี่น้องไหม?

“แยมเป็นลูกคนเดียวค่ะ แต่ว่าคุณแม่ก็จะมีลูกติด คุณพ่อก็จะมีลูกติด เหมือนละคร 3 ใบไม่เถา แยมจะสนิทกับลูกของคุณแม่เพราะว่าโตมาด้วยกัน ส่วนลูกของคุณพ่อจะอยู่ออสเตรเลีย ก็สนิทแต่ไม่ได้คุยกันทุกเรื่องค่ะ”

แล้วเพื่อนสนิทในวงการ?

“แยมสนิทกับแพทริเซีย เพราะเคยเล่นละครกับเขา คือจริง ๆ แพทต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยช้ากว่าแยมนะ แต่เขาสอบเทียบได้ ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่สอบเราก็จะไปด้วยกัน แต่เรื่องงานเราไม่ได้คุยอะไรมาก อาจมีถามว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะตอนนี้เขาถ่ายลมซ่อนรักอยู่ แล้วพี่ชุเป็นผู้กำกับเหมือนกัน แพทก็บอกว่ายังไม่ค่อยชินเพราะพี่ชุเข้มงวด แยมเลยบอกแพทว่ามันจะดีกับตัวเองมาก ๆ ให้ฟังไว้เยอะ ๆ”

ตอนเด็ก ๆ แยมมีความฝันอะไรไหม?

“ไม่มีเลยค่ะ แยมไม่มีความฝันอะไรเลย แต่ตอนแรกแยมอยากเรียนแฟชั่นดีไซน์ แต่เรามาค้นพบตัวเองว่าเราไม่ได้ชอบดีไซน์เลย เราวาดรูปไม่เก่ง แล้วก็ไม่ค่อยครีเอทีฟเท่าไหร่ค่ะ ”

หลายคนจะมองว่าเราเป็นเด็กนอก ดูมั่นใจในตัวเอง?

“แยมยอมรับว่ามารยาทเราไม่ได้ไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ แยมอาจจะติดความเป็นฝรั่งนิดหนึ่ง แต่แยมมองตัวเองว่าเป็นคนไม่มั่นใจนะคะ มันแล้วแต่สถานการณ์ แต่เวลาเราอยู่กับคนเยอะ ๆ โดนข่มเยอะ ๆ เราก็เลือกที่จะไม่มั่นใจดีกว่า (หัวเราะ)”

เห็นว่าชื่อเดิมคือ ทิชา แล้วเปลี่ยนมาเป็น มทิรา?

“ใช่ค่ะ คุณแม่เขาไปดูดวง แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “มทิรา” พอเปลี่ยนมามันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆนะคะ อย่างชื่อใหม่แปลว่า “บุคคลอันเป็นที่รัก” อย่างชื่อเก่าไม่ค่อยมีคนรัก (หัวเราะ) คือตอนนั้นที่ตั้งชื่อ คุณแม่เขาก็อยากตั้งให้มันเรียกง่าย ๆ ไม่ให้ไทยเกิน แล้วก็ฝรั่งเกินไปด้วยค่ะ เลยไม่ได้ดูตำราอะไร”

ถามถึงเรื่องเรียน เห็นว่าเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้?

“ใช่ค่ะ เพิ่งสอบเข้าโครงการการสื่อสารภาษาอังกฤษเชิงธุรกิจ หลักสูตรนานาชาติ คณะศิลปศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ คือจริง ๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะเข้าคณะนี้ เราอยากเรียน วารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน แต่แยมตกสัมภาษณ์ค่ะ แต่วิชาของคณะที่แยมสอบได้ก็น่าเรียนดีค่ะ แยมคิดว่ามันสามารถนำไปใช้ในอนาคตได้เยอะดี ส่วนในชีวิตประจำวันของเรา อาชีพของแยมก็เหมือนเรียนนิเทศทุกวันอยู่แล้ว”

แบ่งเวลายังไง เพราะต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย?

“แยมมีละครอีกเรื่องที่กำลังจะเปิดกล้อง อาจจะมีปัญหานิดหน่อย แต่แยมกับคุณแม่คิดไว้แล้วว่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายแล้วที่จะให้คิว จันทร์-พุธ หลังจากนี้ไปก็ต้องให้คิวเป็น พฤหัสบดี-อาทิตย์ แทน เพราะเรื่องเรียนก็เรื่องใหญ่เหมือนกัน เราคุยกับทางมหาวิทยาลัยแล้วว่างานเราเป็นแบบนี้ ทางมหาวิทยาลัยก็บอกว่าเขาช่วยได้บางส่วน แต่ลาได้ไม่ค่อยเยอะหรอกค่ะ”

เรื่องความรักเป็นยังไงบ้าง?

“ไม่มีเลยค่ะ ไม่ได้โกหกนะ แต่ไม่มีจริง ๆ คุณแม่แยมไม่ได้หวงว่าห้ามมี แต่ถ้ามีใครเข้ามาก็จะช่วยดูให้ แต่แม่ก็จะช่วยสกรีน แต่แม่มักจะบอกว่าไม่ดี อย่าเลยลูก เราก็ควรจะเชื่อเขา เพราะเขาประสบการณ์เยอะค่ะ เมื่อก่อนคุณแม่แยมเปรี้ยวมาก คุณแม่เป็นวัยรุ่น โชคดีที่เขาเข้าใจเรา ก็สามารถคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง”

ถ้าจะมีคนเข้ามาคุยด้วย แยมชอบผู้ชายแบบไหน?

“ชอบคนตลกค่ะ แยมจะแพ้ทางคนตลก ชอบคนมีเสน่ห์ แต่เรื่องหน้าตาแยมไม่มีสเปกเป๊ะ ๆ หรอกว่าเป็นยังไง ถ้าเจอถูกใจก็คือถูกใจ รู้อย่างเดียวว่าต้องเป็นคนจิตใจดี เราไม่ชอบคนที่มีอคติอยู่ตลอดเวลา ไม่ชอบคนปากเสียด้วย”

มีคติที่ใช้ในการดำเนินชีวิตไหม?

“พ่อแม่แยมจะสอนตลอดว่าเวลาจะทำอะไรอย่าให้คนมาว่าเราได้ อาจจะไม่ใช่เรื่องของการงานก็ได้ อย่างเรื่องชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เราจะไปห้ามคนไม่ให้ว่าเรานะคะ แต่อย่าทำอะไรที่มันไม่สมควร อย่างอยู่ในวงการ ผู้ใหญ่ก็จะเตือนว่าต้องระวังตัว เช่น อย่าถ่ายรูปอะไรที่มันทำให้เราเสียหายได้ แล้วก็มีมารยาทเยอะ ๆ”

สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟน ๆ หน่อย?

“แยมมีแฟนคลับที่ตามมาจากละครเรื่องแค้นเสน่หากลุ่มหนึ่งค่ะ แยมจะเขิน แต่ก็ขอบคุณมาก ๆ สุดท้ายยังไงแยมฝากให้ทุกคนติดตามละครเรื่อง “ไฟรัก...เพลิงแค้น” ของแยมด้วยนะคะ รับรองว่าสนุกมาก แล้วทุกคนก็ทุ่มเทกับงานนี้มาก ๆ ค่ะ”

...เราแอบเห็นความตั้งใจจริงที่ซ่อนอยู่ในแววตาและคำพูดของสาวแยมตลอดเวลาที่ได้พูดคุยกัน ยังไงก็ฝากเป็นกำลังใจให้นางเอกน้องใหม่คนนี้อีกแรงนะจ๊ะ