Inside Dara
เปิดโปงกลยุทธ์ดังนานดังทนแบบดาวเด่น

จะดังมีหลากวิธี มีหลายเวทีให้แจ้งเกิด เลือกกันไปเลยตามใจชอบ แต่จะเป็นดาวให้ดังและทนนั้น ไม่ใช่แค่ฝีมืออย่างเดียว หรือไม่ใช่ฟลุกเรื่องดวงมาดันอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการบริหารจัดการอย่างมีระบบ เรามีเคล็ดไม่ลับมาเฉลยให้ศึกษากันเบาๆ เพื่อให้ได้รู้ว่า ดาวแต่ละดวงกว่าจะได้มาเป็นขวัญใจของมหาชนอย่างยาวนานและแท้จริงนั้น ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

1. มีความสามารถดี สั้นๆ ง่ายๆ ดูเหมือนจะทำตามได้ไม่ยากเย็น แต่ก็ไม่หมูอย่างที่คิดนะเออ ศักยภาพของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ค้นหาให้เจอแล้วดันให้สุด จะแจ้งเกิดเป็นนักร้อง หรือใฝ่ฝันอยากจะเป็นนางเอก พระเอก คุณต้องเจ๋ง บทต้องส่งจริง ทีมงานก็ต้องเอื้อด้วย หรือจะเล่นเป็นตัวร้ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากเล่นให้เด่นก็ดังได้ไม่ยาก หรือจะเป็นตลกเอาฮา ก็ดังสนั่นโกยเงินล้านได้เช่นกัน

2. มีสังกัดดี ต่อเนื่องเกี่ยวมาจากข้อแรก จะได้งานดีมาให้โชว์ความสามารถอันเลิศเลอ ก็ต้องได้รับโอกาสดีๆ มีช่อง มีค่าย มีสังกัด มีผู้ใหญ่ใจดีคอยป้อนงานชั้นเริ่ดให้ หรือจะทำตัวอิสระรับงานเองไปทั่วก็ได้ แต่ก็ต้องตาแหลมพอที่จะเลือกร่วมงานกับทีมงานที่เก๋าและเก่งจริง ยิ่งถ้ามีโอกาสมากพอที่จะเลือกรับงานด้วยก็จะเวิร์ก การรับงานดะ มีงานเยอะ ไม่ใช่เครื่องการันตีคุณภาพเสมอ เลือกรับงานน้อยแต่เปี่ยมคุณภาพก็เปรี้ยงแล้ว

3. มีความประพฤติดี หล่อลากสวยใสแสดงเป๊ะ ดึงดูดได้แค่แป๊บๆ หากตัวตนของดาราไม่ดีพอ ขาดวินัย ขาวีนเรื่อย ไร้ความรับผิดชอบ เรื่องมากเยอะสิ่ง นิสัย-่วยแตก เข้าขั้นนางฟ้า-เทวดาเดินดิน ถึงจะฮอตฮิตติดจอ ก็คงไม่มีใครอยากจะชวนมาร่วมงานด้วย ทีมงานก็คงส่ายหน้า ผู้จัด ผู้จ้าง ผู้กำกับก็คงโบกมือไม่เอา ทำตัวให้น่ารักน่าอยากจะให้ใครเชิญชวนมาทำงานด้วยไม่ยาก นิสัยปรับเปลี่ยนได้ ถ้าคิดจะทำตัวให้ดีจริงๆ แต่ดาราบางคนไม่รู้ตัว อาจจะเหลิง คงว่าแน่ หลงว่าดัง โดนเขี่ยออกจากวงการถึงจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว

4. มีการพัฒนาศักยภาพ ดาราใหม่ๆ ใสปิ๊งรอเกิดรอเสียบอยู่เยอะ หากดารารุ่นเก่าๆ เผลอคิดว่าฮิตติดลมบนแล้ว แต่ไม่เชี่ยวในสาขาที่ตนทำอย่างกระจ่างแจ้ง หรือไม่สามารถรับบทที่หลายหลากได้ ไม่สามารถทำให้ผมร้อง ว้าว!!! ได้อีก ก็จะถูกลบลืม และในที่สุดก็จะไม่มีงานให้เคาะสนิม วันเวลาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จับกระแสให้ถูก เอาตัวเองไปอยู่ในกระแสเพื่อให้หมุนไปกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาด ก็จะทำให้เป็นดาราที่ยังมีมูลค่าอยู่ได้เรื่อยๆ หมั่นหาโอกาสใหม่ๆ ให้ตัวเอง เปิดหูเปิดตาเปิดใจกับบท กับทีมงานใหม่ๆ ที่ดีๆ บ้าง เผื่องานจะได้หลากหลาย และมีความน่าสนใจมากกว่าเดิม

5. มีข่าวดีๆ มากกว่าข่าวเน่า ไล่ย้อนมาจากข้อ 1-5 ถ้าทำดีจริงทั้งต่อหน้าและลับหลังแล้ว สื่อทั้งหลายก็ย่อมเสนอด้านดีมาให้มวลชนได้รับรู้ ตรงกันข้ามหากทำตัวแย่ ข่าวเสียๆ หายๆ ก็จะออกมาตามฆ่าทีละนิดทีละหน่อย ข่าวดีๆ ก็ต้องมาจากตัวดารานั่นเองที่ปฏิบัติดี นั่นย่อมจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้มีราคา แลดูขลัง เปี่ยมบารมีมากขึ้นตามวัยและเวลา


ทิ้งท้ายกับตัวแม่ตัวจริง!!! ที่ใครๆ ก็ต่างซูฮก นก-สินจัย เปล่งพานิช นี่แหละ !!! เพชรแท้อยู่ทนของวงการบันเทิงไทย

ดารารุ่นลูกๆ น้องๆ ก็ล้วนนับถือ ยึดพี่นกเป็นต้นแบบอยู่ อยากจะแนะนำอะไรเพิ่มเติมบ้าง เพื่อให้อยู่ยาวนานเหมือนพี่นก? "ก็ไม่รู้จะไปแนะนำ บอกอะไรกับใครได้ เพราะแต่ละคนก็มีมุมมอง มีชีวิตที่แตกต่างกันไป เรื่องการปฏิบัติก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละคนก็มีสำนึกอยู่แล้วว่า จะทำดีต้องทำอย่างไรบ้าง อยากจะให้ชีวิตดีต้องทำแบบไหน อาชีพนักแสดงก็เหมือนกับอาชีพอื่นๆ เรารู้ๆ กันอยู่แล้วว่าจะต้องทำยังไงชีวิตถึงจะดี คือเราก็ต้องมีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ตั้งใจทำงาน เคารพอาชีพของเรา เคารพเพื่อนร่วมงานของเรา"

ดาราแต่ละคนก็จะได้รับโอกาสที่ไม่เหมือนกัน อย่างพี่นกจะได้แต่โอกาสดี ได้บทที่ดีๆ อยู่เสมอทุกปีๆ? "ถูกต้องค่ะ โอกาสแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่โอกาสทั้งหมด ครึ่งหนึ่งก็คือตัวเราเองกำหนดด้วยว่าจะให้ออกมาเป็นแบบไหน วิธีการทำงานของเราเป็นอย่างไร ก็ถือว่าตัวเองโชคดีได้รับโอกาสดีๆ อย่างพี่นกก็จะได้ยินผู้ใหญ่หลายๆ คนชอบพูดว่า เวลามีชื่อเสียงแล้ว มีงานอะไรก็รับๆ เอาไว้เถอะ จะได้มีเงินมากๆ เพราะการเป็นดาราอายุมันสั้น ซึ่งอาจจะเป็นจริงแบบนั้นส่วนหนึ่งก็ได้ แต่สำหรับพี่นกบางทีเลือกที่จะทิ้งโอกาสบางอย่าง เพื่อที่จะรับโอกาสบางอย่างแทน"

เลือกงานให้มากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง? "ถูกต้อง งานทุกอย่างที่เข้ามาไม่ใช่ว่าเราจะรับได้หมด คือเราก็ต้องรักษาตัวเองด้วย รักษาคุณภาพงานของเราด้วย บางทีก็ต้องยอมมีงานน้อยหน่อย ไม่ใช่ทำงานเพื่อเงินอย่างเดียว เพื่อที่จะทำงานอย่างมีความสุข ได้แฮปปี้กับงานที่ทำ"

'บี้'เห็นคุณค่าการทำงาน เดินถนนบันเทิงเจอทางขรุขระ

แค่ระยะเวลาเพียง 6 ปี ทำให้นักร้องหนุ่มจากเวทีเดอะสตาร์ 'บี้'สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว ดังเป็นพลุแตก กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย

แต่กว่าจะผ่านมาถึงวันนี้ได้ เจ้าตัวบอกไม่ใช่เรื่องง่าย

นอกจากการทำงานที่หนักแล้ว ยังต้องผจญปัญหานานาอีกร้อยแปด

ซึ่งวันนี้เจ้าตัวเจียดเวลางานมาปักหลักพูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตเป็นฉากๆ


เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เป็นอย่างไรบ้าง?

บี้ - 'มันไม่ได้ราบเรียบ ค่อนข้างขรุขระ และมีหุบเหวเยอะ บางครั้งเป็นปัญหาการทำงานที่คนนอกอาจไม่รู้ หรือบางครั้งเรื่องกระแสข่าวต่างๆ การทำงานพี่บอย(ถกลเกียรติ) จะวางสเต็ปไว้เลย ตอนนี้ความสามารถคือหนึ่ง งานชิ้นต่อไปจะให้งานที่ต้องใช้ความสามารถระดับ 3 ค่อยๆ ทบไปเรื่อยๆ แต่ละงานที่ได้มาต้องไปฝึกเพิ่มจนทำได้'

'ถามว่างานเยอะแล้วท้อหรือเปล่า เหนื่อยไม่ท้อ จะไปท้อในเรื่องความยากของตัวงาน บางครั้งบทละครซึ่งเป็นเรื่องของศิลปะขั้นลึก เราไม่เข้าใจ เรื่องเต้นเราหาที่มีที่ไปได้ ซ้อมแล้วมันดี การร้องเราหาที่มาที่ไปได้ว่าแก้ตรงไหน แต่เรื่องการแสดง หาที่มาที่ไปมันยาก จุดกำเนิดของอารมณ์คืออะไร จุดกำเนิดของการจะเป็นตัวละคร ทุกวันนี้ก็ยังหาคำตอบอยู่'


ตรงนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ?

บี้ - 'จริงๆ ไม่ใช่ผมคนเดียว นักแสดงและนักร้องทุกคนที่อยู่เอ็กแซ็กท์และซีเนริโอ ทุกคนไม่มีกลีบกุหลาบวางไว้ ทุกคนที่ทำงานกับพี่บอยต้องเจอกับทางขรุขระ แม้แต่ทีมงานทุกคนก็ไม่มีใครเดินด้วยกลีบกุหลาบ'


แต่ก็ยังมีข่าวเม้าธ์ว่าบี้เป็นลูกรัก 'คุณบอย'?

บี้ - 'เมื่อก่อนรู้สึกเซ็งกับข่าว จะซีเรียสและเกรงใจผู้ใหญ่ แทนที่ จะตอบคำถามเรื่องงาน แต่มาตอบคำถามเกี่ยวกับเรา พอหลังๆ ทำงานมากขึ้นและได้บวชเรียนก็ไม่ได้สนใจข่าว ใครบอกว่าผมเป็นลูกรักก็โอเค แล้วแต่ เพราะพี่บอยเขารักทุกคนอยู่แล้วครับ'

'อย่างเรื่องที่ถูกมองว่าได้งานดีๆ ตลอด ผมขอใช้คำว่าโชคดี เพราะงานต่างๆ ได้รับกระแสตอบรับที่ดี เป็นเรื่องของประชาชนตัดสิน บางครั้งถ้าพี่บอยให้งานดีๆ มาแต่ผมทำเจ๊ง ผมก็อาจต้องกลับไปเชื่อมเหล็กเป็นวิศวกร แต่บังเอิญเรามีฐานแฟนคลับ มีกระแสตอบรับที่ดี ทำให้โชคดีมีโอกาสได้ไปต่อ'

'ผมมั่นใจว่าทุกคนได้งานที่ดีหมด มันอยู่ที่ว่าเราตั้งใจทำดีที่สุดหรือเปล่า อย่างที่สองประชาชนให้การตอบรับหรือเปล่า ตรงนี้ผมเชื่อในเรื่องบุญวาสนาหรือดวงชะตาด้วย'


เคยคิดว่าจะมาเป็นซูเปอร์สตาร์ดังได้ขนาดวันนี้ไหม?

บี้ - 'จริงๆ ความเป็นสตาร์หรือยศถาบรรดาศักดิ์ต่างๆ เป็นสิ่งที่บุคคลภายนอกมอบให้ แต่ถ้ามองลึกเข้า ไปในจิตใจ ผมก็เป็นพนักงานของ ซีเนริโอ แกรมมี่ ตำแหน่งที่ติดอยู่คือนักร้อง-นักแสดง จุดประสงค์หลักที่เข้ามาคืออยากร้องเพลง ส่วนงานแสดงเป็นโอกาสที่เข้ามา ไม่ได้เป็นคนหวังชื่อเสียง การเป็นคนมีชื่อเสียงมันอยู่ยาก ไปไหนมาไหนลำบาก เป็นที่จับจ้อง ทำอะไรผิดนิดเดียวกลายเป็นผิดใหญ่หลวง ทำอะไรที่ดีใหญ่หลวงกลับกลายเป็นเรื่องนิดเดียว ผมขอแค่ร้องเพลงให้ทุกคนฟัง เล่นละครให้ทุกคนดู ครอบครัวเรามีความสุข ทุกคนมีความสุขก็จบแล้ว'


คำพูดที่ว่าจะดังเทียบเท่า 'เบิร์ด'ธงไชย แมคอินไตย์ เป็นตัวตายตัวแทนคนต่อไป รู้สึกอย่างไร?

บี้ - 'นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่คนมอบให้ แต่เราไม่รู้สึกกดดันนะ ใครจะมอบอะไรให้ก็ขอบคุณ แต่ลึกๆ เราแค่อยากร้องเพลงเล่นละคร ผมได้ทำงานกับทีมงานมืออาชีพและมีความสุขในการทำงาน ในส่วนทีมงานหรือโปรดักชั่นไม่น่าห่วง สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือตัวเรามากกว่า เราเพิ่งเข้ามาทำงานได้ 5-6 ปี ต้องพัฒนาความสามารถให้รองรับกับงานนั้น บางครั้งทุกคนเต็มที่และพร้อมแล้ว เหลือช่องสุดท้ายที่เราต้องเสียบ แต่เราเสียบไม่ได้เพราะความสามารถเรายังไม่เต็ม ตรงนี้เป็นปัญหาของเราครับ'


คิดว่าระยะเวลาที่จะก้าวให้ดังเทียบเท่านักร้องรุ่นพี่อย่าง 'เบิร์ด-ธงไชย' ต้องใช้เวลาอีกนานหรือเปล่า?

บี้ - 'จริงๆ ผมไม่ได้อยากก้าวไปถึงจุดนั้น ไม่หวังไกลขนาดนั้น ทุกวันนี้ผมยังชอบเที่ยวภูเขา น้ำตก ป่าไม้ ทะเล ตกกลางคืนอยากแฮงเอาต์กับเพื่อน อยากใช้ชีวิตเป็นปกติชน ชีวิตของดาราไม่สามารถแบ่งได้ว่าเวลางานคือเวลางาน ส่วน ตัวคือส่วนตัว เพราะยังไงเวลาส่วนตัวก็คือเวลางาน เวลางานก็คือเวลางาน ชื่อเสียงต่างๆ ถ้ามันพอกพูนมากมายมันทำให้ชีวิตเราค่อนข้างลำบาก'

'เราอยากร้องเพลง ทำงาน อยากให้ทุกคนมีความสุขกับเพลงของเรา อยากให้ทุกคนดูละครแล้วชอบเรา อยากได้แค่นี้ แต่เมื่อเลือกเข้ามาในวงการแล้วไม่สามารถลาออกได้ ต้องไปให้ถึงที่สุด เพราะทุกคนฝากความฝันไว้กับเรา ในรุ่นผมประกวดเดอะสตาร์หมื่นกว่าคน เราเข้ามาเป็นคนกำความฝันของคนอื่นแล้วเราจะมาท้อถอยไม่ได้ ต้องสู้ต่อไป'


6 ปีในวงการบันเทิง มีเรื่องดีหรือเรื่องลบอย่างไรบ้าง?

บี้ - 'สำหรับผมเรื่องดีๆ คือประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับ เราชอบสังเกตคน ชอบรู้จักคนเยอะๆ ได้มารู้จักทีมงาน เจอคนดีๆ ได้ทำงานดีๆ ถือว่าโชคดีและเป็นบุญ แต่สิ่งที่ไม่ดีคือบางครั้งต้องมีในวงการบันเทิง แต่จริงๆ ก็ต้องมีทุกแง่มุม ทุกสาขาอาชีพ ทุกชีวิตมีทั้งสิ่งดีและไม่ดี ต้องบาลานซ์กัน ในเรื่องข่าวต่างๆ ถ้ามีแต่ข่าวดีๆ ก็จะกลายเป็นเทพบุตรจนเกินไป เอาข่าวแย่ๆ มาสักหน่อยเป็นสีสันชีวิต'

'เรื่องข่าวถ้าสังเกตดูผมโดนมาเยอะ แต่ไม่ซีเรียส เพราะเรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ผมไม่เคยเป๋กับข่าว เรารู้จุดมุ่งหมายในชีวิตเรา สิ่งที่เราต้องทำคืองาน ครอบครัว แฟนคลับ ทีมงานและคนที่ติดตามผลงานของเรา'

'ตัวผมไม่ใช่คนดีที่สุด มีทั้งขาวและดำ เพราะมันคือชีวิตคน ถ้าเกิดชีวิตไม่มีอุปสรรค ทุกอย่างได้มาง่ายๆ จะไม่เห็นคุณค่าของการทำงานครับ'


วันนี้คิดว่าประสบความสำเร็จหรือยัง?

บี้ - ปีที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี เรื่องประสบความสำเร็จไม่ได้มองตรงจุดนั้น เชื่อว่าเมื่อไหร่ที่เราคิดว่าเราประสบความสำเร็จมันจะทำให้เราไม่ก้าวเดินและจะทำให้เราหยุดนิ่งอยู่กับที่ ค่อยๆ ตายและจางหายไปจากวงการ เราต้องถีบตัวเองตลอด เพราะถ้าเราไม่พัฒนาและหมั่นฝึกฝนตัวเอง ก็เหมือนเราเดินถอยหลังไปโดยปริยาย รุ่นน้องใหม่ๆ แต่ละคนเก่งๆ ทั้งนั้น และผมต้องไปศึกษางานของเขาด้วย'


วางอนาคตไว้อย่างไร?

บี้ - 'อย่างแรกไม่เกิน 35 ปี อยากมีครอบครัว แต่สิ่งที่อยากจะสำเร็จหรือเปล่าอีกเรื่องหนึ่ง และอยากทำงานตรงนี้ไปเรื่อยๆ แบบไม่มีเกษียณ เพราะความรู้ทางวิศวกรรมที่เรียนมาค่อนข้างคืนอาจารย์ไปแล้ว(หัวเราะ) ตอนนี้ความรู้ผมเกือบทั้งหมดอยู่ในวงการบันเทิง อยากทำงานต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีชื่อเสียงต่อไป อย่างไรผมก็ยังอยู่ในวงการนี้ อาจไปเป็นเบื้องหลังโดยใช้ประสบการณ์ที่เรามีครับ'

กว่าจะถึงวันนั้นเชื่อว่าคงอีกนาน

ไม่ใช้'เดอะสตาร์'ตัดสินใจเรื่องชีวิตส่วนตัว

ตั้งแต่เข้าวงการจนถึงวันนี้ ดูเหมือนนักร้องหนุ่ม 'บี้-สุกฤษฎิ์' ไม่มีสาวๆ มาแผ้วพาน จะมีก็แต่พักหลังที่มีข่าวปูดว่าสนิทสนมกับดอกฟ้าอย่างหนู 'อิงฟ้า ดำรงชัยธรรม' ลูกสาวสุดหวงของ 'อากู๋-ไพบูลย์' เจ้าของค่ายแกรมมี่

ซึ่งหนุ่มบี้กล่าวว่า 'ตรงนี้เราไม่ซีเรียสกับข่าว เขียนข่าวถึงผมได้เขียนเถอะ แต่เราจะซีเรียสกับคนที่โดนพ่วงข่าวไปกับเรา รู้สึกเกรงใจ'

โดยส่วนตัวรู้จักกับ 'อิงฟ้า' หรือเปล่า 'รู้จักกันครับ ทำงานด้วยกันสนิทกัน เจอกันที่ตึกบ่อยๆ ข่าวที่ออกมาคงเหมือนทั่วๆ ไป จะสังเกตได้ว่าเวลาผมเล่นเอ็มวี เล่นละคร ถ่ายโฆษณากับใครจะโดนจับคู่ตลอด ตรงนี้อาจจะอยู่ใกล้ตัวเพราะอยู่ตึกแกรมมี่ด้วยกันเลยเป็นข่าว'

เคยไปไหนมาไหนกับน้องอิงฟ้าบ้างหรือเปล่าถึงทำให้ตกเป็นข่าว นักร้องหนุ่มรับ 'น่าจะมีคนเห็นครับ จริงๆ ไปเที่ยวและไปไหนมาไหนด้วยกันค่อนข้างบ่อย เลิกงานไปแฮงเอาต์กันบ้าง แต่เราไม่ได้นึกถึงจุดนั้น เพราะเราเกิดมาก็ต้องใช้ชีวิตให้เต็มที่ ถ้ามัวแต่แอบๆ ซุ่มๆ นั่นคือไม่ใช่ผม'

'แต่เราไม่ได้จีบเขาครับ เราแค่คิดว่าทุกวันนี้เราอยากไปไหนไป เราต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม อยากทำอะไรต้องเต็มที่ แต่อย่างไรก็ต้องรักษากรอบและกฎหมายของบ้านเมืองและประเพณีไว้'

ถามจริงๆ สไตล์แบบ 'อิงฟ้า' ใช่สเป๊กไหม 'จริงๆ สเป๊กผมขอข้อเดียว ต้องเข้าใจ เพราะงานผมไม่เป็นเวลา ยอมรับว่าเราคุยกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้ แต่ทุกคนเข้ามาในชีวิตได้เพียงแป๊บเดียวแล้วก็ต้องออกไป เพราะเวลาเราไม่มี ฉะนั้นการที่เขาจะรักกับดาราไม่ใช่เฉพาะแค่ผม นักร้องหรือศิลปินคนอื่นๆ อย่างแรกที่ต้องเข้าใจคือเรื่องเวลาครับ'

ด้วยความเป็น 'บี้' มีผลหรือเปล่าในการเลือกแฟน กลัวเขาคบกับเราเพราะดังไหม 'เวลาผมจะเลือกใครผมก็เลือกปกติเหมือนคนทั่วไป แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามจะมองผมเพราะความเป็นเดอะสตาร์หรือเปล่า ก็แล้วแต่มุมมองเขา ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์'

วันนี้พร้อมหรือยังกับการจะมีใครสักคน 'ผมพร้อมอยู่ตลอดเวลา แต่คนที่จะเข้ามาในชีวิตของเราพร้อมจะยอมรับเงื่อนไขเรื่องไม่มีเวลาตรงนี้ได้หรือเปล่า ซึ่งเป็นข้อหลักที่ยากที่สุด'

สเป๊กเป็นอย่างไรในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก 'รูปลักษณ์ภายนอกขอกลางๆ แล้วกัน ไม่ได้สวยมากมายและไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้น ถ้าจะบอกว่าคบกันที่จิตใจทั้งหมดมันดูเหมือนโกหก'

พร้อมกับการมีครอบครัวเมื่อไหร่ 'ผมตั้งเอาไว้ไม่เกินอายุ 35 ปี อีก 9 ปีครับ'

ที่ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจเพราะยังพอหารายได้ได้อยู่ใช่หรือเปล่า ซูเปอร์สตาร์หนุ่มกล่าวว่า 'ในเรื่องการตัดสินใจในการใช้ชีวิตส่วนตัวหรือครอบครัวผมจะไม่ใช้คำว่าเดอะสตาร์มาเกี่ยว ข้อง ผมจะตัดสินใจต่างๆ เหมือนคนปกติ การตัดสินใจโดยมีคำว่าเดอะสตาร์ มาเกี่ยวเป็นเรื่องของทีมงาน ผู้จัดการ คนดูแลและบริษัท'

'ที่ผมยังไม่มีตอนนี้ด้วยอายุผม 26-27 ปีและยังทำงานอยู่ ตอนนี้คือยังไม่พร้อมครับ' บี้กล่าวทิ้งท้าย


ชื่อเล่น : บี้
ชื่อนามสกุล : สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว
วัน/เดือน/ปีเกิด : 4 ก.ย.2528
บิดา/มารดา : สมจิตร/พรรทิภา วิเศษแก้ว
พี่น้อง : มีพี่สาว 1 คน 'แมลงปอ-สุภรดา'
การศึกษา : อนุบาล ที่อนุบาลร.ร.สายดรุณ, ประถมฯ และมัธยมฯ ที่ร.ร.มงฟอร์ตวิทยาลัย, อุดมศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์ หุ่นยนต์ ม.เทคโนโลยีพระจอม เกล้าธนบุรี
แม่ “อโนเชาว์” เสียแล้ว หลังดูแลลูกชายมา 28 ปี

“อำไพ” แม่ “อโนเชาว์” เสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 88 ปี จากโรคมะเร็งปอด หลังเฝ้าดูแลลูกชายที่เป็นเจ้าชายนิทรามา 28 ปี ด้านพี่สาวอโนเชาว์ รับหน้าที่ดูแลต่อ พร้อมเผยแม่สั่งเสียอย่าทิ้งน้อง

นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการบันเทิงไทย เมื่อ “นางอำไพ ยอดบุตร” ยอดคุณแม่ของ “อโนเชาว์ ยอดบุตร” อดีตพระเอกดาวรุ่งชื่อดัง ที่ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ต้องนอนรักษาตัวเป็นเจ้าชายนิทรามานานกว่า 28 ปี ได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 14 เม.ย.2555 ที่ผ่านมา ด้วยวัย 88 ปี หลังป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด และเข้ารับการรักษาตัวนานกว่า 2 สัปดาห์ ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช โดยจะมีพิธีรดน้ำศพ ในวันที่ 18 เมษายน เวลา 16.00 น.ที่ศาลา 11 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ก่อนจะตั้งศพบำเพ็ญกุศล เป็นเวลา 5 วัน และจะมีพิธีฌาปนกิจ ในวันที่ 23 เมษายนนี้

ซึ่งหลังจากที่คุณแม่อำไพ ป่วย ทางพี่สาวคนที่สาม “น.อ.หญิง เอื้อมพร ยอดบุตร” ก็ได้รับหน้าที่ดูแลน้องชาย “เปี๊ยก อโนเชาว์” มาโดยตลอด และหลังจากที่คุณแม่เสียไป เจ้าตัวก็ได้เผยว่า แม่ของตนได้ฝากฝังน้องชายไว้ให้ช่วยดูแลตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุใหม่ๆ ยิ่งพอรู้ตัวอาการตัวเองเริ่มไม่ดี คุณแม่ก็ยิ่งฝากฝังน้องไว้กับตนมากขึ้น ซึ่งตนจะบอกกับแม่ทุกครั้ง ว่า ไม่ต้องห่วง จะดูแลน้องเป็นอย่างดี จะดูแลจนกว่าน้องจะทิ้งตนไป หรือตนจะตายและทิ้งน้องไปเอง เวลาใครไปเยี่ยม แม่ก็จะฝากฝังน้องไว้ตลอด และสั่งเสียไว้ว่าอย่าทิ้งน้อง ซึ่งทุกคนก็รับปากแม่ว่าจะดูแลน้องให้ดีที่สุด เราพี่น้องลำบากมาด้วยกันตลอด ก็คงจะช่วยดูแลกันจนวินาทีสุดท้าย

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่คุณแม่อำไพ ดูแล “เปี๊ยก อโนเชาว์” ลูกชายนั้น ได้มีเพื่อนๆ คนในวงการบันเทิงเข้าไปช่วยเหลือดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักแสดงรุ่นๆ เดียวกันอย่าง จารุณี สุขสวัสดิ์, เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์, ราตรี วิทวัส, ดิลก ทองวัฒนา, ธรรมศักดิ์ สุริยน และ โกวิท วัฒนกุล ที่เคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงร่วมกับ สมพงษ์ ภัทรภร วรรณภิญโญ เจ้าของทีวีธีนเดอร์ จัดหาทุนค่าดูแลรักษา 1 ก้อนไว้เป็นค่ารักษา “เปี๊ยก อโนเชาว์” รวมไปถึงทางคลื่นวิทยุ “กรีนเวฟ” ที่เคยจัดคอนเสิร์ตเพื่อผู้หญิง 7 คนที่มีหัวใจพิเศษหาทุนช่วยเหลือ “คุณแม่อำไพ” ในการช่วยเหลือดูแลค่ารักษาให้กับอดีตนักแสดงในช่วงปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คุณแม่อำไพ ยอดบุตร เคยได้รับเลือกจากสภาสังคมสงเคราะห์ ให้เข้ารับพระราชทานรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ.2545 จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะเป็นแม่ผู้มีความอดทน ขยันหมั่นเพียรในการเฝ้ารักษาพยาบาลบุตรชายมานานกว่า 28 ปี นับตั้งแต่อดีตพระเอกดาวรุ่ง “อโนเชาว์ ยอดบุตร” บุตรชายต้องประสบอุบัติเหตุขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “รักกันวันละนิด” ที่จังหวัดเชียงใหม่ และต้องนอนกลายเป็นเจ้าชายนิทราตั้งแต่นั้นมา


สำหรับ “อโนเชาว์ ยอดบุตร” ปัจจุบันอายุ 54 ปี เคยได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยม ประจำปี 2525 จากเรื่อง เทพธิดาโรงงาน เป็นบุตรชายคนสุดท้องในจำนวน 8 คน ของ “นางอำไพ-นายเอื้อม ยอดบุตร” หลังจากจบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้าสู่วงการแสดง แต่ขณะที่เจ้าตัวกำลังเริ่มมีชื่อเสียงนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเจ้าตัวประสบอุบัติเหตุตกจากรถจี๊ปขณะกำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “รักกัน วันละนิด” ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2526 ครั้งนั้นร่างอโนเชาว์ กระเด็นออกจากรถและศีรษะฟาดพื้น เป็นเหตุให้ก้านสมองได้รับความกระทบกระเทือน ร่างกายไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกใดๆ ต้องนอนรักษาตัวโดยไม่มีสติรับรู้มาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 28 ปี โดยมี นางอำไพ มารดา คอยดูแลอย่างใกล้ชิด


“จ๊ะ” เพลงใหม่ “หนูเอาอยู่” ฮิต ยอดคลิกเฉียด 2 แสน!

“จ๊ะ คันหู” ปล่อยเพลงใหม่ “หนูเอาอยู่” ยอดคลิกพุ่งเฉียด 2 แสน หลายคนโพสต์ชมเพลงสนุก-ไม่หยาบ เผย คิวนักร้องสาวแน่นเอี้ยด เจ้าตัวเตรียมบินทัวร์ยุโรปช่วงเดือนพฤษภาฯ

เคยสร้างกระแสฮือฮามาแล้วจากท่าเต้นเพลง “คันหู” ล่าสุด ทางด้านของนักร้องหญิง “จ๊ะ นงผณี มหาดไทย” อดีตนักร้องนำวงดนตรี “เทอร์โบ” ก็ได้ปล่อยเพลงใหม่ออกมาแล้วกับเพลงที่มีชื่อว่า “หนูเอาอยู่”

โดยหลังจากที่มีการนำเพลงดังกล่าวไปเปิดตัวแนะนำผ่านเว็บไซต์ยูทิวบ์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ถึงตอนนี้ปรากฏว่า ได้มีคนเข้าไปคลิกฟังเพลงที่ว่าเป็นจำนวนเฉียด 2 แสนคลิกเข้าไปแล้ว พร้อมๆ กับที่หลายคอมเม้นต์ที่มีเข้าไปนั้นต่างก็ชื่นชมในความสนุกสนานตลอดจนเนื้อหาของเพลงที่ไม่ได้หยาบโลนแต่อย่างใด

นอกจากนี้ หลายคนยังแสดงความชื่นชอบในน้ำเสียงเหน่อๆ ของน้องจ๊ะอีกด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ทำเอา “สุรกิต กิติศักดิ์” ซึ่งเป็นผู้เขียนเพลง หนูเอาอยู่ ขึ้นมาถึงกับเป็นปลื้ม พร้อมกับบอกว่าเป็นความตั้งใจของตนและทีมงานที่อยากจะเปลี่ยนให้คนได้มองนักร้องสาวมุมใหม่ๆ อันเป็นนิสัยของเจ้าตัวที่แท้จริง

“ก็ใช้เวลาเขียนประมาณ 1 วันครับ คือ คำว่าเอาอยู่ตอนนี้มันก็เป็นคำที่แบบว่าใช้กันทั่วแล้ว เป็นคำฮิต สื่อให้เห็นถึงการแสดงความมั่นใจอะไรทำนองนั้น ก็รู้สึกดีครับที่มีคนชอบเพลงนี้ เราเองก็อยากจะทำเพลงให้ออกมาสนุกๆ เพราะจริงๆ น้องจ๊ะเขาเป็นคนตลกนะ เป็นคนฮาๆ ก็อยากให้มองอีกมุมนึงของเขา”

“อย่างเพลงนี้เขามาถามว่า พี่ๆ จะให้หนูร้องยังไง พูดเสียงหน่อๆ นะ เราก็เออ ชอบ ก็เลยให้เขาร้องแบบเหน่อๆ เลยแล้วกัน ซึ่งก็ดี มีคนชอบ...”

สำหรับเพลง หนูเอาอยู่ จะเป็นหนึ่งใน 12 เพลงอัลบั้มใหม่ของนักร้องสาวซึ่งจะใช้ชื่อเดียวกับชื่อเพลงที่ว่า โดยอัลบั้ม หนูเอาอยู่ จะมีเพลงเก่า 1 เพลงนั่นคือ คันหู และมีกำหนดวางแผนในราวๆ กลางเดือนพฤษภาคมนี้ในสังกัด “อีวีเอส”

“อีกเพลงที่เราปล่อยออกไปแล้ว เป็นเพลงช้า ชื่อเพลง อยากมีคนเอา...(ใจ) โดยช่วงนี้ที่จะทำกันต่อไป ก็คือ เรื่องของการถ่ายมิวสิควิดีโอ ก็อยากจะฝากอัลบั้มนี้ไว้ด้วยก็แล้วกันครับ”

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามคิวงานของนักร้องสาว จ๊ะ คันหู ก็ได้รับทราบว่า ช่วงนี้คิวการแสดงของเธอยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง บางวันต้องแสดงถึง 2 สถานที่ โดยใช้ชื่อวง ว่า “จ๊ะ คันหู หนูเอาอยู่” คิดราคาการแสดงต่อหนึ่งโชว์ (1.45 ชั่วโมงขึ้นไป) ที่ราคา 65,000 บาท นอกจากนี้ในช่วงเดือนพฤษภาคมนั้นเจ้าตัวยังเตรียมที่จะไปตระเวนร้องเพลงในประเทศแถบยุโรป อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และ เยอรมนี อีกด้วย