Inside Dara
ฝ่ามรสุมหัวใจไร้คราบน้ำตากับฟ้าวันใหม่ของ‘โตโน่’

เมื่อพูดถึงชื่อ “โตโน่” ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงผู้ชายที่เต็มไปด้วยความศรัทธาต่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่น ทั้งเรื่องของความรักและการทำงานในเส้นทางวงการบันเทิง วันนี้ทางบันเทิง “คม ชัด ลึก” มีโอกาสนั่งพูดคุยกับผูู้ชายคนนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกเป็นกันเอง

อัพเดทละครเรื่องล่าสุด
พูดถึงละครเรื่อง “หัวใจมีเงา” หน่อย

ตื่นเต้นมากนะ (ยิ้ม) เพราะว่ามันเป็นละครที่ถ่ายไว้นานแล้ว อย่างเรื่องสื่อริษยา ที่เพิ่งจบไปแล้วก็ประสบความสำเร็จ ผมดีใจนะ แต่ว่าในเรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เล่นกับโดนัท (มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล ) และก้อย (รัชวิน วงศ์วิริยะ) แล้วก็มีแฟร์ (กันต์ดนย์ อะคาซาน) อีกอย่างในเรื่องนี้ ผมรับบทเป็นผู้สื่อข่าวด้วย ไม่รู้สึกว่าคนดูจะชอบไหม เพราะว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและการสลับร่างและสลับวิญญาณ ซึ่งในชีวิตจริงมันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย

บทบาทในละครเรื่องนี้ความคล้ายคลึงกับตัวเองมากน้อยขนาดไหน

ในเรื่องนี้ผมรับบทเป็นกวีเป็นเจ้าของช่อง KTV พ่อรวย พ่อเป็นนักการเมือง ซึ่งกวีไม่ชอบธุรกิจของพ่อ และอยากจะนำเสนอความจริงให้กับประชาชนได้รู้ พวกข่าวทุจริต ผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถ และในเรื่องของอุดมการณ์มีความคล้ายคลึงกันนะ กวีมีความที่มุ่งมั่นและมีความชัดเจนในตัวตนในสิ่งที่เขาเป็น มีความรักที่มั่นคงกับละเวง (ก้อย)

กับเรื่องนี้เป็นละครเรื่องที่เท่าไหร่แล้ว

เป็นเรื่องที่ 6 แล้วนะ กับอาชีพนักแสดง ผมไม่เคยคิดเลยนะว่า มันจะมาได้ไกลขนาดนี้ คือเราไม่ได้คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมาทำอาชีพนี้ด้วย แต่กลับกัน 6 เรื่อง กับประมาณ 5 ปีกว่า มันก็ให้อะไรกับชีวิตผมเยอะ ในช่วง 3-4 ปีแรก ภาพกับการเป็นนักแสดง ชัดเจนกว่าการที่เป็นนักร้องอีกนะ จนผมได้มาทำวงดนตรีจริงๆ จังๆ ในช่วงหลัง จะว่าไปแล้วการแสดงก็เป็นพื้นฐานหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าถึงแฟนๆ เข้าถึงคนดู และผมได้พัฒนาตัวเองในอาชีพนี้ แล้วได้เอาสิ่งเหล่านั้นมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองด้วย ผมรู้สึกว่าโชคดีและพร้อมที่จะสนุกกับมันในทุกๆ เรื่อง

ในเมื่อ 3-4 ปีแรกภาพชัดเจนในการเป็นนักแสดง หวั่นใจไหมว่าอาจจะไม่ได้กลับมาเป็นนักร้องอีก

แน่นอนเลยนะ เพราะว่าผมโดนนาย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) บอกว่าอยากให้ผมไปทางนักแสดง เขาคงแววในตัวเรา เห็นในเรื่องของอินเนอร์ แล้วผมก็จะบอกว่าไงดี (ยิ้ม) คือผมไม่ใช่คนที่ร้องเพลงเพราะ ผมไม่ใช่คนร้องเพลงที่มีเสียงเป็นพรสวรรค์ ผมเริ่มมาผมก็ร้องเพี้ยน ในตอนที่แข่งเดอะ สตาร์ ผมโดนด่าเยอะนะ (ยิ้ม) แต่คือ เรารู้อยู่ว่าเราเข้ามาทำอะไร ว่ามีอะไรที่เป็นความฝัน และมีอะไรที่เป็นแรงผลักดัน ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเข้ามาเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และผมรู้เรียนในสิ่งที่ผมทำ มันจะทำให้อีกหลายๆ คนมีความสุข ผมอยากทำให้เต็มที่ ทุกๆ โอกาสที่เข้ามา ใน 3-4 ปีแรก ผมก็ตั้งใจนะ พี่บอยอยากให้ผมไปเต้น มันก็ไม่ใช่ทางผมนะ บอกตรงๆ เลย (ยิ้ม) ในช่วงนั้น ไม่สินะจนถึงในตอนนี้ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าการที่เราจะเป็นร็อกมันยาก เพราะว่าวงส่วนใหญ่ จะมีความแตกต่างกันในเรื่อของผลประโยชน์ ร้องคนเดียว เต้นคนเดียวได้เงินง่าย ไปโชว์ตัวก็ง่าย แต่ความฝันที่เราอยากเป็น คือการเดินทางไปกับเพื่อนที่รักในดนตรีเหมือนกันเรา แนวเพลงบางครั้งผู้ใหญ่ฟังไม่รู้เรื่องด้วย เมื่อก่อน ตอนได้เดอะสตาร์ใหม่ๆ แฟนคลับเราก็ถือป้ายไฟ น่ารักๆ ทำตัวสดใส ตัวเราก็ต้องทำประมาณอ้อนแม่ยก แต่เรารู้ว่าตัวเราเป็นอย่างไร จริงๆ แล้วผมไม่ถนัดเลยนะ แต่มันเป็นไปตามช่วงอายุนะ บวกกับว่าผมโตขึ้นเรื่อยๆ ความคิด การใช้ชีวิต บางครั้งเราไม่ได้อยากร้องเพลงที่มีคนเขียนเรื่องราวในชีวิตของเขามาให้เราร้อง ผมอยากเล่าเรื่องราวจากตัวเรามากกว่า ผมได้ไปคุยกับพี่บอย ว่าผมต้องทำเพลง ขอทำในสิ่งที่ผมรัก ผมรู้ว่ามันลำบาก รู้ว่ามันได้เงินน้อยกว่าเดิม แต่ผมขอทำเถอะ เพราะว่ามันได้ความสุข

กับการเป็นนักร้องนำวงเดอะ ดัสท์
เส้นทางการเป็นศิลปินกลุ่มที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ผมมาไกลเหมือนกันนะ มองดูงานที่ทำให้เรามีชื่อเสียง ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะทำได้ เนื่องจากว่าผมจากบ้าน เดอะ สตาร์ ที่เป็นเวทีการประกวด แนวเพลงก็จะเป็นแบบใสสว่าง การเป็นเดอะ สตาร์เป็นแบบรักทู้ก...กคน (ทำท่าเลิฟ พร้อมหัวเราะ) แต่ในวันที่เราไปบอกกับพี่บอยว่า ผมไม่ชอบ ผมไม่ถนัด เขาบอกว่าสิ่งที่ผมจะทำมันยาก มันไม่ง่ายเลย แต่พอมองกลับไป เรามีทัวร์คอนเสิร์ต เดือนละหลายๆ งาน วงผมได้ทำความฝันและได้แต่งเพลง มีแฟนคลับทุกเพศ ทุกวัย ผมชื่นใจ ถามว่าเราประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวังหรือยัง ผมว่า พวกเรายังต้องเดินทางอีกไกลนะ คือเราอยากจะเดินกันไปจนกว่า ไม่มีใครเอาแล้วจริงๆ

อุปสรรคเยอะ เคยถอดใจไหม

มีนะ เพราะว่าในช่วงแรกๆ ที่เราเริ่มกันไม่นาน ผมก็เจอกับกระแสข่าว มีหลายๆ เรื่องเข้ามาในชีวิต เพื่อนผมไม่มีเงิน แต่ผมยังพอมีละคร หนี้เราก็มีด้วย แต่เพื่อนเรา (นึก) คือมีวงที่แตกกันเพราะขัดกันเรื่องเงิน แต่วงผมมันยังอยู่ทั้งๆ ที่มันไม่มีงาน มันทำให้ผมรู้สึกว่าแล้วผมจะทิ้งเพื่อนผมไปได้อย่างไรล่ะ ในวันที่ผมประสบความสำเร็จ ในวันที่ผมแข็งแรงขึ้น พวกเขาลำบากมากกว่าผม ในวันที่ผมหรือเขาท้อ เราก็ต้องช่วยกันปลอบ นีี่คือสิ่งที่พวกเราช่วยกัน ถ้าผมมีงาน ซึ่งทางงานไม่ได้จ้างวงผม เพราะวงไม่ดัง เขาจ้างผมคนเดียว ผมก็จะขอเขานะว่า ขอเอาวงผมไปเล่นด้วย ผมไม่เอาเงินเพิ่มด้วย และผมเอาเงินผมแบ่งให้เพื่อนๆ อยู่ได้ ผมใช้วิธีนั้น เดือนๆ หนึ่งผมมีงานแบบนี้ 3 ครั้งเอง ผมแบ่งให้เพื่อนไป ผมมีความรู้สึกว่าผมท้อไม่ได้ เขาคือกลุ่มเพื่อนของผมที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ว่าผมคือโตโน่ที่ดังแล้วเอาพวกเขามาเป็นแบล็กอัพ ถ้าไม่มีพวกเขา ผมทำความตามฝันไม่ได้ จนความรักและมิตรภาพมันสู้ๆ กันมาเรื่อยๆ จนคนได้เห็น ถามว่าเป็นแบบนี้อยู่นานแค่ไหน ก็ตลอด 2 ปี เพราะไม่มีใครเอา แต่พวกเขาคือครอบครัว เราทิ้งกันไม่ได้ เมื่อผมอิ่ม เพื่อนผมต้องอิ่มด้วย บวกกับเพื่อนพยายามฝึก จะว่ากันจริงๆ มันคือคอนเสิร์ต 7 วันเดอร์ ที่ทำให้ทุกๆ คนรู้จัก ผมให้เพื่อนผมขึ้น ถ้าเพื่อนผมไม่ได้ขึ้น ผมก็จะไม่ขึ้นคอนเสิร์ตนี้เลย เดอะสตาร์คือดาว ส่วน เดอะ ดัสท์ ก็คือเศษฝุ่น ผมยอมจะคลุกฝุ่นกับพวกเขา โชว์นั้นเป็นโชว์ที่ทะลายกำแพงหลายๆ อย่าง ทั้งตัวของผมเองกับวงและคนดูด้วย เพราะวงเราไม่มีสคริปต์ว่าต้องพูดอะไร ไม่ได้มีมาร์คว่าต้องไปยืนตรงไหน อยากทำอะไรทำ มันเลยมีการพูดคุยว่า มันคือเวลาของความสุข จุดประกายที่ทำให้ทุกคนรู้จักตัวตนของพวกเรา แฟนคลับหลายๆ คนเปิดใจที่รับและจะรัก

ในมุมมองความคิดการเป็น “นักร้อง” กับ “นักแสดง” สามารถควบคู่กันได้ไหม

ผมมองว่ามันไปด้วยกันได้ แต่มันไปด้วยกันยาก เนื่องจากว่ามันไม่ใช่ศาสตร์ที่ง่ายทั้งสองศาสตร์ เราต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับมัน เพลงและละคร แต่ในเมื่อเราเลือกจะเดินทางนี้ มันเหมือนเราจับปลาสองมือ มันยาก (เน้นเสียง) แต่บางทีชีวิตเรากำหนดให้ต้องทำ ผมจะทำ ถึงมันจะเหนื่อยหรือมันจะอะไรก็แล้วแต่ จะทำเท่าที่แรงผมจะทำได้

มรสุมข่าวโหมกระหน่ำตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
การขึ้นคอนเสิร์ต 7 วันเดอร์คือการกลับมาของโตโน่

(เงียบ) เอาตามจริงนะ (นึก) ใช่ มันมีหลายอย่างที่อยากจะพูดกับพวกเขา มันมีหลายอย่างที่ผมอยากทำ แต่ด้วยชีวิตและหน้าที่ ผมต้อง (นึก) ทำออกมาให้ดีที่สุด ตามสถานะที่ผมทำได้ แต่พอวันหนึ่งผมกลายเป็นคนที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เหมือนวันเดิมๆ ที่ผมก้าวเข้ามาในวงการนี้ ผมไม่มีอะไรจะเสีย ทำให้ผมไม่มีความกลัวอะไรเลย ไม่ว่าจะร้อง จะเล่นหรือจะพูด เป้าหมายคือความสุขของคนดูที่มาจากตัวเรา ไม่ใช่มาจากสคริปต์ ไม่ใช่มาจากที่ใครบังคับให้ผมพูด มันมาจากใจ เหมือนวันแรกที่มา ผมได้นั่งดูเทปของคอนเสิร์ตนี้ มันมีอะไรบางอย่างที่มันกลับมา เหมือนมีพลังอะไรสักอย่าง

คิดไหมว่าการปรากฏตัวบนเวทีในวันนั้นจะได้รับการต้อนรับ

ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย รู้แค่ว่าเรามีอะไร รู้แค่ชีวิตเราเจออะไร ผมเข้าใจพวกเขาด้วย เฮก็เฮได้ไม่เต็มปาก เพราะมีอะไรมาเบรคความรู้สึกของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่ผมเป็นคนไม่ดีหรือผมเปลี่ยนไป ข่าวอะไรก็ตามแต่ ผมรู้ว่ามันทำร้ายความรู้สึกของหลายๆ คน แต่กลับกัน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะ แววตาของคนดูที่เปลี่ยนไป ผมเป็นคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต ตั้งแต่ไหนแต่ไร มันเป็นการแลกความรู้สึกกับคนข้างล่าง เรารู้มาตลอดว่าเป็นอย่างไร

ส่วนตัวมองว่าตลอด 2 ปีที่เจอมรสุมข่าวเป็นช่วงที่ยากกว่าจะผ่านไปได้

จะว่าไปแล้ว จริงๆ ไม่มีความง่ายอะไรเลยนะตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมเข้าใจนะ พี่ๆ นักข่าวก็ต้องทำข่าว ถ้าเราไม่เข้าใจ เราจะอยู่กับมันไม่ได้ ผมเจ็บไหม ผมเจ็บ ไม่เคยรู้สึกเกลียดพวกเขาเลย พยายามเข้าใจและอดทน และเชื่อมั่นในสิ่งที่เราคิด เราต้องเชื่อ ผมต้องศรัทธาในสิ่งที่ผมเป็นและผมรัก

ตัวตนของโตโน่ในวันนี้

ผมเป็นคนที่เข้มแข็งมากนะ มันจะฟังดูน่าหมั่นไส้ไหม (หัวเราะ) ผมเป็นคนที่มีพลังเยอะมาก และเป็นคนที่เข็มแข็งมากด้วย ถ้าผมรบแบบไม่ต้องระวังหลัง ผมไม่กลัวอะไรเลย ใครจะมาก็มาเลย ผมพร้อมจะสู้ไปกับศรัทธาของผม ผมมีคุณแม่ มีน้องสาวที่รอผมอยู่ที่บ้าน และผมมีวงของผมที่จะรบเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน มีกลุ่มแฟนๆ ที่เชื่อมั่นในตัวผม เชื่อมาตลอด 5 ปี ผมจึงรู้สึกว่าตัวเองโชคดี ที่ผมใช้ชีวิตแบบนี้ ถ้าให้ย้อนเวลากลับไป ผมก็จะไม่แก้ไขอะไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำออกมา ทำจากใจ รักก็บอกว่ารัก เป็นคนแบบนี้ก็บอก ถ้าต้องเป็นแบบนี้ ก็เพราะตัวเองเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้บอกว่าความดีชนะทุกอย่าง เพราะว่าเราก็ไม่ดีพร้อม แต่ความจริงก็คือความจริง

คนที่เคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว
พร้อมกับความรักครั้งใหม่หรือยัง

ผมไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะพักนะ ผมยังศรัทธาและเชื่อมั่นในหัวใจของตัวเอง แต่ผมก็รู้นะว่า คนที่มาเป็นแฟนเรา เหนื่อยแน่ กล้าเข้ามาเหรอ ถามว่ามีคนเข้ามาไหม มีเข้ามา แต่ผมไม่ได้ไปอะไรนะ เอาจริงๆ เลยนะ ขอทำงานก่อน ทำงานที่ควรจะทำ พิสูจน์ตัวเองกับชีวิตมาเยอะแล้ว ตลอด 28 ปีแล้ว ขอใส่ทุกอย่างให้คนที่เขารอ ถ้าวันหนึ่งมันใช่มันก็ใช่ แต่ไม่ได้ปิดกั้น ไม่ได้รู้สึกพักก่อน ผมยืนยันว่าความรักยังเป็นสิ่งที่สวยงาม ถ้ารักกันแล้วให้สิ่งที่ดี เข้าใจกันและกัน มันก็คือพลัง


ผู้ชายคนนี้ชื่อ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์
ชื่อเล่น โตโน่
เกิดเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2529
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจาก โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน จังหวัดขอนแก่น และระดับปริญญาตรีด้านธุรกิจการบิน จาก มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ศูนย์หัวหิน
ผลงานสร้างชื่อ รองชนะเลิศอันดับ 2 จาก เดอะสตาร์ 6
ผลงานละครที่ผ่านมา ข้ามเวลาหารัก เรือนแพ นางสิงห์สะบัดช่อ ฯลฯ
ผลงานปัจจุบัน ละครเรื่อง หัวใจมีเงา
ผลงานเรื่องต่อไป เพชฌฆาตดาวโจร
ผลงานเพลง วง โตโน่ แอนเดอะดัสท์