Inside Dara
ละครแห่งปี

วงการโทรทัศน์ปีนี้มีเรื่องที่ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์นั่นก็คือ การสิ้นยุค “เจ้าแม่ 7 สี” ณ วิกหมอชิต

ซึ่งถือเป็นเรื่องช็อกวงการยิ่งกว่าฟ้าผ่ากลางวันแสกๆซะอีก!

สำหรับวงการละครจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ในปี 56 คงยังไม่ต้องไปกังวล ในวันนี้เรามาว่ากันเรื่องละครในปีที่ผ่านมา เจาะทะลุทะลวงเข้าไปถึงไส้ถึงกึ๋น จะเรื่องไหนดี เรื่องไหนเด่น เรื่องไหนดับ!

นั่นทำให้การทำงานของทีมข่าว “บันเทิงทีวี” ที่ทำหน้าที่จัดสรรเฟ้นหาตำแหน่ง “ละครแห่งปี” ในปีนี้พินิจพิเคราะห์อย่างเข้มข้น

ละครเด่นยังคงเป็นเวลาเย็นและหลังข่าวค่ำ เริ่มที่ช่อง 3 ปีนี้มีทั้งหมด 38 เรื่อง แยกเป็นละครเย็น 12 และละครค่ำ 26 เริ่มจากครึ่งปีแรกประเดิมด้วยละครรสแซบ “ต้มยำลำซิ่ง” ที่ได้เห็นลีลาร้องเต้นของ ชมพู่–อารยา ในบทบาทของ “ราชินีลูกทุ่ง”, “มุกเหลี่ยมเพชร” ของ ตู่–นพพล ที่บู๊แอ็กชั่นหักเล่ห์ชิงเหลี่ยมสุดมันส์, “สามหนุ่มเนื้อทอง” รวมดาวพระเอกช่อง 3 ไว้ที่นี่ ทั้ง หมาก–ปริญ, บอย–ปกรณ์ และ เคน–ภูภูมิ สาวๆนั่งดูตาเยิ้มเชียว!, ละครรีเมก “รักประกาศิต” ตำนานรักของ “ภูชิชย์–นริศรา” ที่ แอฟ–ทักษอร ขอทิ้งทวนก่อนหยุดพักไปวิวาห์ และยังไม่มีวี่แววว่าจะรีเทิร์นเมื่อไหร่, ละครโรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง “รักออกอากาศ” ของค่ายหนุก-หนาน ก็หนุกหนานสมชื่อ, เปลี่ยนอารมณ์ด้วยสุดยอดละครผีสยองขวัญสั่นวิญญาณเรื่อง “บ่วง” และละครฟอร์มยักษ์ปลุกสำนึกคนไทยให้รักแผ่นดินเรื่อง “ขุนศึก” ของทีวีซีน ที่เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงของ อั้ม–อธิชาติ ได้เลยกับบท “เสมา”

ฟาก ททบ.5 ทั้งปี มีละคร 8 เรื่องด้วยกัน ในครึ่งปีแรกเริ่มด้วย “น้ำขึ้นให้รีบตัก” ละครไอเดียดีแต่มาช้าไปหน่อย คนดูเลยไม่อิน และค่ายเอ็กแซ็กท์ดูเหมือนจะถูกโฉลกกับละครแนวดราม่า เพราะ “ดอกโศก” ถือว่าดึงเรตติ้งกลับมาได้น่าพอใจ และที่กระแสแรงสุดคือ “มารยาริษยา” ที่ พิงกี้–สาวิกา ได้ปล่อยของเต็มที่กับบท “ดีนี่” นังร้ายมีระดับเชือดเฉือนกับ บี–น้ำทิพย์ จนคนดูแล้วอินจนเกิดอาการคันไม้คันมือกันทั้งเมือง

ขณะที่ทางวิก 7 สี มีละครในปีนี้ 29 เรื่อง แบ่งเป็นละครเย็น 8 และหลังข่าวค่ำอีก 21 เริ่มต้นมีละครน้ำดีทั้ง “หอบรักมาห่มป่า”, “กระบือบาล” ละครเพลงดูสบายๆก็ “เพลงรักบ้านนา” สนุกๆก็เรื่อง “อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว” ดราม่าก็อย่าง “เกิดเป็นหงส์”,“ดุจดาวดิน”, “มาหยารัศมี” หรือแม้กระทั่งบู๊แอ็กชั่นก็มีอย่าง “ลูกผู้ชายไม้ตะพด” ที่ทำให้ไม้ตะพดขายดิบขายดี และ “ขุนเดช” ที่ปลุกจิตสำนึกให้อนุรักษ์โบราณวัตถุ

ส่วนช่องโมเดิร์นไนน์ ไม่ให้ความสำคัญกับละครมากนัก มีแค่ละครซีรีส์ ซิทคอมเท่านั้น

ผ่านมาในครึ่งปีหลัง ช่อง 3 ตั้งใจโกยเรตติ้งถล่มทลายด้วยเรื่อง “ธรณีนี่นี้ใครครอง” ที่จับ “คู่ขวัญ” ณเดชน์– ญาญ่า มาประกบกันอีกครั้งทำเอาคนดูอินไปกับความรักของ “คู่จิ้น” และบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยอารมณ์รักโรแมนติก, เรื่อง “รักคุณเท่าฟ้า” ถูกจับตาในฐานะที่ หน่อย–บุษกร เป็นผู้จัดฯเรื่องแรก และดันสามีสุดเลิฟ เคน–ธีรเดช มาเล่นประกบ 4 นางเอก, “รักเกิดในตลาดสด” เป็นละครม้ามืดที่กระแสดีเกินคาด ต้องยกความดีให้ มาริโอ้ ที่เล่นได้น่ารักอ่ะ, เรื่อง “ซิกซ์เซ้นส์ สื่อรักสัมผัสหัวใจ” เป็นอะไรที่แรงเหลือเชื่อ และยังช่วยแจ้งเกิดนางเอกหน้าใหม่มาประดับช่อง 3 อีกด้วย, “แรงเงา” เริ่มแรกนักแสดงนำทั้ง เคน–ภูภูมิ กับ เจนี่ โดนวิจารณ์หนักว่าเล่นแล้วไม่อิน แต่เล่นไปเล่นมากลายเป็นว่าคนติด ด้วยเนื้อหาที่รุนแรงกว่าบทประพันธ์เดิม และฝีมือของนักแสดงที่จัดเต็ม, “รากบุญ” ก็เป็นละครที่ออกนอกกรอบของละครไทยทั่วไป เนื้อหาแปลกให้แง่คิด, “กี่เพ้า” ก็น่าดู โดยเฉพาะฝีมือการแสดงของ แอน ทองประสม และส่งท้ายเบาๆอย่าง “คุณสามี (กำมะลอ) ที่รัก”

ช่อง 5 เอ็กแซ็กท์ฉีกมาหากินกับละครบู๊อย่าง “นางสิงห์สะบัดช่อ” ดูบ้าง จับ แป้ง–อรจิรา มาปั้นเป็น “นางสิงห์” บู๊ได้น่ารักน่าหยิก, ยังมี “สายฟ้ากับสมหวัง”, “บ่วงรัก” และ “เจ้าแม่จำเป็น” 4 เรื่อง 4 สไตล์

มาที่วิก 7 สีในครึ่งปีสุดท้าย ละครแนวดราม่ามาเด่นอย่างเช่น “เกิดเป็นหงส์” ที่ ขวัญ–อุษามณี สวยมาก, “ชิงนาง” เนื้อหาเข้มข้นตั้งแต่ต้นยันจบ พี่น้องถึงกับฆ่าแกงกันเพื่อแย่งชิงหญิงสาวคนเดียว, “ไฟมาร” ก็ดราม่าทำเอาทั้งคนดูและพระนางอย่าง พอร์ช–ศรัณย์ กับ ฉัตร–ปริยฉัตร อินจนเป็นข่าว “รักนอกจอ” กันทีเดียว, “ปิ่นอนงค์” ก็อีกเรื่องผู้กำกับขยี้เลิฟซีนซะพระเอกนางเอก เวียร์–ศุกลวัฒน์ กับ มิน–พีชญา จูบกันปากจะเปื่อย, แต่ที่กระแส “คู่จิ้น” แรงจนกลายเป็น “คู่จริง” ก็คือเรื่อง “ตะวันทอแสง” ที่โพลีพลัสจัดให้ ใหม่–ดาวิกา สมหวังได้คู่กับพระเอกในดวงใจ โดม–ปกรณ์ แต่เล่นไปเล่นมาคนที่อินกว่ากลับเป็น พี่โดม จนกลายเป็นเรื่องราวถึงกับเลิกร้างแฟนสาวกัสจัง ก่อนที่จะรีเทิร์นรักกันอีกรอบ, “ป่านางเสือ 2” ของกันตนา ก็มาแรงต่อเนื่องจากภาคแรก, “หยก-เลือดมังกร” ก็เด่นทั้งดราม่าและแอ็กชั่น อีกทั้งยังทำให้พระเอกจอมจูบ พอร์ช–ศรัณย์ โคจรมาเจอกับ “คาสโนวี่ 2012” มิน–พีชญา จนเป็นข่าว, ละครรีเมก “อุบัติเหตุ” ก็ดึง อั้ม–พัชราภา ที่หายหน้าไปนานกลับคืนจอมาอีกครั้ง

เมื่อถามถึงละครที่โดดเด่นเข้าตาที่สุดมีอยู่ 4 เรื่อง ได้แก่ “ขุนศึก” ทางช่อง 3 ละครฟอร์มยักษ์ที่ค่ายทีวีซีนบรรจงสร้างอย่างตั้งใจทุ่มงบมหาศาลเนรมิตฉากยิ่งใหญ่ อั้ม-อธิชาติ เองก็ทุ่มเทมากกับบท “เสมา”, เรื่องที่ 2 คือ “ธรณีนี่นี้ใครครอง”ทางช่อง 3 ของ บริษัท โนพรอบเบล็ม ที่เข้ารอบชิงมาด้วยความประทับใจไม่รู้ลืมไปกับความรักโรแมนติกของ 2 พระนาง ณเดชน์-ญาญ่า, ต่อมาเรื่องที่ 3 “ชิงนาง” ทางช่อง 7 ของโพลีพลัส เนื้อหาดราม่าเข้มข้นบีบคั้นหัวใจแฟนละคร เดินเรื่องกระชับฉับไว และเรื่องสุดท้าย “แรงเงา” ทางช่อง 3 ของค่ายบรอดคาซท์ฯ ที่ต้องเรียกว่า “ต้นร้ายปลายดี” เพราะเริ่มเรื่องโดนด่ายับ ทั้งเนื้อเรื่อง ที่บิดไปจากต้นฉบับ แม้กระทั่งพระเอกนางเอก เคน-ภูภูมิ กับเจนี่ ก็โดนถล่มว่าดูแล้วไม่อิน แต่สุดท้ายก็พิสูจน์ให้เห็นว่าของเขาดีจริง

เมื่อพิจารณา 4 ละครที่เข้ารอบสุดท้ายนี้ เรื่องที่สมควรกับตำแหน่ง “ละครแห่งปี” ที่สุดก็คือเรื่อง “แรงเงา” ที่ต้องบอกว่า “แรงจริง” ถึงขนาดมีคำพูดติดปากว่า “วันแรงเงาแห่งชาติ” ซึ่งหมายถึงวันที่ละครเรื่องนี้ออนแอร์ “แรงเงา” แรงทั้งกระแสและเรตติ้ง อย่างที่บอกว่าละครเรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักตั้งแต่เปิดเรื่อง โดยเฉพาะเนื้อหาที่โดนกระทรวงวัฒนธรรมออกมาตำหนิ เล่นเอาทางค่ายผู้จัดฯและช่อง 3 ก้นร้อน ต้องออกมาปรามการประชาสัมพันธ์เพื่อลดแรงสะท้อน แต่ละครมันก็ยังแรงด้วยตัวของมันเอง เรื่องราวยิ่งดำเนินไปก็จะค่อยๆมีข้อคิดคติเตือนใจ พิสูจน์ให้เห็นว่าท้ายที่สุด “ละครไม่ทำร้ายคน แต่คนทำร้ายละคร”

ละครดีดูที่เรตติ้งอย่างเดียวยังไม่ได้ แต่ยังต้อง “คุณภาพ” จึงมี “คุณค่า”.