Inside Dara
“เจนี่” ยอมจ่าย 3 ล้านให้ “บุ๋ม” ย้ายออก ลั่นเคารพเหมือนพี่สาว แต่ลำบากใจทำธุรกิจด้วย

“เจนี่” ยอมจ่าย 3 ล้าน ปิดฉากดราม่าแย่งที่จอดรถลูกค้า “บุ๋ม ปนัดดา” ยันอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ถือหุ้นแค่เช่าที่ แถมผิดสัญญาทำธุรกิจทับซ้อน บอกตนลำบากใจที่จะทำธุรกิจด้วย ย้ำชัดเลยจุดเคลียร์กันแล้ว ยืนยันสัญญาเก่ายังไม่โมฆะ ส่วนสัญญาใหม่คิดหนัก เพราะอีกฝ่ายค้างจ่ายค่าเช่าที่ - ค่าส่วนกลาง ส่วนกรณีลูกน้องปล่อยคลิป “เอก เอกริน” เป็นปัญหาส่วนตัว ยันกล้องวงจรปิดไม่มีเสียง ลั่นยังเคารพอีกฝ่ายเหมือนพี่สาว

ออกมาเคลียร์เรียบร้อยแล้ว หลังจากปล่อยเรื่องคาราคาซังมาร่วมสัปดาห์ สำหรับ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ซึ่งถูก “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” และสามี “เอก เอกริน นิลเศรษฐี” ออกมาฉะแหลก กรณีกันที่จอดรถให้ลูกค้าตัวเองจนลูกค้าสแมชยิมได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ อีกทั้งทวงถามหนังสือสัญญาเช่าไปหลายครั้งแต่ไม่เคยได้คำตอบ นอกจากนี้ บุ๋มยืนยันว่าตนไม่ใช่แค่คนเช่าที่แต่เป็นหุ้นส่วน

ล่าสุด เจนี่แถลงเปิดใจพร้อมทนายความส่วนตัวที่ 911 by JT ถ.เกษตร-นวมินทร์ แยกลาดปลาเค้า ระบุว่า ยินดีจ่าย 3 ล้านให้อีกฝ่ายย้ายออก และไม่อยากให้มีเรื่องถึงขั้นต้องฟ้องร้องต่อกัน

เจนี่ : “เข้าเรื่องปัญหาหลักกันเลยดีกว่า คือ เรื่องที่จอดรถ ตัวเจนี่ และ 911 เราพยายามแก้ไขมาโดยตลอด เราหาทางออกด้วยการไปเช่าที่ข้าง ๆ แต่ต้องบอกว่าคลาสที่มีปัญหาคือคลาสซุมบ้า ใน 1 อาทิตย์ มีคลาสซุมบ้า 4 คลาส คลาสละ 1 ชั่วโมง แล้วของพี่บุ๋มเองเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึง 5 ทุ่ม คลาสที่มีปัญหาเรื่องที่จอดรถ คือ คลาสของซุมบ้า ในชั่วโมงอื่น ๆ สามารถจอดรถได้ตามปกติ แล้วเจนี่ไม่ได้มีนโยบายกันที่ไว้ ยังไงตัวเจนี่ก็ขอโทษลูกค้าสแมชยิมทุก ๆ คนด้วยที่ทำให้เกิดปัญหานี้ เจนี่เชื่อว่าเป็นปัญหาที่เกิดกับทุก ๆ คน และทุก ๆ ที่คือปัญหาที่จอดรถ ส่วนประเด็นที่ 2 คือ เรื่องสัญญาเช่า”

ทนาย : “เรื่องสัญญาเช่าระหว่างคุณอาทิตย์ กับคุณเจนี่ เป็นสัญญาเช่าพื้นที่เพื่อต่อเติมสิ่งปลูกสร้างเพื่อทำสถานที่ออกกำลังกาย ในการประกอบธุรกิจทางเจนี่ได้ส่งมอบพื้นที่ให้ผู้เช่ากับคุณอาทิตย์ หรือหุ้นส่วนของคุณบุ๋มได้ใช้พื้นที่แล้ว โดยการต่อเติมตกแต่งสิ่งปลูกสร้างขึ้นมา ในระยะเวลาที่มีการตกแต่งต่อเติมอาคารทางคุณเจนี่เองก็ไม่ได้เก็บค่าเช่า สัญญาเช่ามีข้อตกลงกันว่าจะเริ่มเก็บเมื่อพร้อมที่จะเปิดธุรกิจ ในระยะเวลาที่ผ่านมามีการวางบิลเรียกเก็บเงินมาตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงมิถุนายนแต่ก็ยังไม่มีการชำระทั้งค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการจากฝั่งของสแมชยิม ในสัญญาเช่าหลักกำหนดไว้ชัดเจนว่าหากมีหากมีการผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่า 2 งวดฝ่ายของผู้ให้เช่าสามารถยกเลิกสัญญาได้ 2.ทั้งสองฝ่ายจะไม่ทำให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเสียชื่อเสียง ถ้ามีฝ่ายใดทำให้เสียชื่อเสียง อีกฝ่ายสามารถขอยกเลิกสัญญาเช่าได้ และข้อ 3 คือ บุ๋มได้มีการประกอบธุรกิจอื่นนอกเหนือฟิตเนส”

เจนี่ : “เจนี่ขอขยายความเองแล้วกันค่ะ ว่า เจนี่เป็นเจ้าบ้านซึ่งมีลูกบ้านหลายคน แต่ละบ้านจะทำธุรกิจไม่เหมือนกัน ส่วนธุรกิจหลักของสแมชยิม คือ การยกเวตจะไม่มีการทำอย่างอื่น ล่าสุด ตัวพี่บุ๋มมีการทำคลาสเต้นขึ้นมามันตรงกับคลาสซุมบ้าของเจนี่ เจนี่มีอยู่ใน 911 อยู่แล้ว แล้วก็ยังมีโยคะ ซึ่ง 911 ก็มี อีกเรื่องเลยคือเรื่องของอาหารคลีนและเครื่องดื่ม ในตัว 911 ก็มีขายอาหารคลีน แล้วตอนนี้พี่บุ๋มก็มีขายน้ำและอาหารคลีนด้วยเหมือนกัน”

ทนาย : “ระหว่างที่เจนี่เงียบหายไป เขาได้มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว ข้อตกลงหลัก ๆ คือจบแล้ว ลำบากใจที่จะทำธุรกิจร่วมกัน ก็อาจจะมีการยกเลิกสัญญาเช่า อาจจะมีการชดเชยในส่วนที่คุณบุ๋มก่อสร้างไปตามที่บุ๋มได้เสนอมาก่อนหน้านี้ เจนี่ตัดสินใจจะยุติปัญหาไม่อยากให้ลำบากใจทั้งสองฝ่าย คุณเจนี่เลยตอบตกลงคุณบุ๋มไปว่าจะซื้ออาคารทั้งหมดในราคา 3 ล้านบาทตามที่เสนอมา ส่วนย้ายออกเมื่อไหร่อันนั้นเป็นข้อปลีกย่อยที่ยังไม่สรุปกัน”

ยืนกรานสัญญาเก่ายังไม่เป็นโมฆะ

ทนาย : “ต้องบอกว่าสัญญาหลักยังมีอยู่ มันไม่ได้ตกเป็นโมฆะ สัญญาหลักจะตกเป็นโมฆะได้ก็ต่อเมื่อเซ็นชัดแจ้งด้วยกฎหมายของระหว่างผู้เช่ากับผู้เช่าถึงจะสมบูรณ์ ฉะนั้นสัญญาเช่าหลักที่เซ็นกันไว้สามารถนำไปใช้ประกอบบัญชีในการวางบิลสั่งจ่ายชำระค่าเช่าได้ครับ เป็นข้อตกลงที่มีการคุยกันเบื้องต้น จบหมดแล้ว เหลือแค่รายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้นว่าจะย้ายกันยังไงเมื่อไหร่เท่านั้นเอง (อีกฝ่ายยื่นข้อเสนออยู่ต่อ 6 เดือน?) ผมขอไม่พูดดีกว่าครับ อันนี้เป็นรายละเอียดไปแล้ว หลัก ๆ คือลำบากใจที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว”

ย้ำไม่ได้มีปัญหาตลอด 24 ชม. ยังยกบุ๋มเป็นพี่สาวคนหนึ่ง

เจนี่ : “เจนี่ยังเคารพพี่บุ๋มเป็นพี่คนหนึ่ง ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของธุรกิจระหว่าง 911 กับสแมชยิม ตัวเจนี่ยังเคารพพี่บุ๋มเป็นพี่สาวคนหนึ่ง พร้อมขอโทษลูกค้าสแมชยิมจริงๆ ที่มีปัญหาเรื่องที่จอดรถ ต่อไปนี้เจนี่จะจัดการให้ดีขึ้น จะหาคนมาช่วยดูที่จอดรถเพิ่มขึ้นด้วย”

ทนาย : “ตัวคุณเจนี่เองพยายามแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแล้ว พยายามจ้างคน เช่าพื้นที่จอดรถมากขึ้น เรื่องเช่าพื้นที่จอดรถทางคุณเจนี่เช่ามาก่อนหน้านี้แล้ว”

เจนี่ : “มันมีปัญหาแค่ 1 ชั่วโมงใน 4 วัน ไม่ใช่เป็นปัญหา 24 ชั่วโมง หรือช่วงระหว่างเปิดยิมตั้งแต่เช้าจรดเย็น ต้องบอกว่าคลาสที่ฮอตฮิตจริงๆ คือคลาสของครูหนุ่ม มี 4 วันใน 1 อาทิตย์ 1 วันก็จะมีปัญหาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง หลังจากที่ได้ที่คืนจะทำอะไรก็ยังไม่ได้คิดค่ะ”

ชี้แจงประเด็นปล่อยคลิปสามีบุ๋ม บอกเป็นปัญหาส่วนตัวพนักงาน ยืนยันกล้องวงจรปิดไม่มีเสียง

ทนาย : “ต้องเรียนก่อนว่าน้องที่เขาไปโพสต์คลิปไม่เกี่ยวกับ 911 อันนั้นคือเรื่องส่วนตัวของเขา น้องแนทเขาเป็นคนที่ทำงานอยู่ที่นี่อยู่แล้ว เขาจะไปดูกล้องวงจรปิดตอนไหนเขาก็ไปดูได้ เท่าที่ทราบเขาไปถ่ายจากจอมอนิเตอร์อีกทีหนึ่ง”

เจนี่ : “ซึ่งกล้องวงจรปิดไม่มีเสียงนะคะ ถามว่าจะเอาเรื่องเขามั้ยที่ทำให้เสียชื่อเสียง เป็นเรื่องที่เราไปตกลงกันเองได้ วันนี้ขอพูดเรื่องหลัก ๆ ดีกว่า”

บอกบุ๋มเปิดคลาสทับซ้อน ล่าสุดขายอาหารคลีนขายน้ำเหมือนกันอีก

เจนี่ : “พี่เขาได้พูดค่ะว่าจะเป็นคลาสแต่ไม่เหมือนกัน ซึ่งตัวเจนี่ไม่ขอเป็นคนตัดสินแล้วกัน ให้ทุกคนตัดสินว่าถ้าเห็นคลาสแบบนี้อยู่ด้วยกันจะคิดว่าเป็นคลาสเดียวกันมั้ย คราวพี่บุ๋มเขียนโยคะ ของเจนี่ก็มีเขียนโยคะ จริง ๆ การทำธุรกิจอยู่ในบ้านเดียวกันโดยพื้นฐานก็น่าจะรู้ว่าไม่ควรทำอะไรเป็นคู่แข่งกัน อยู่ในบ้านเดียวกันต้องช่วยเหลือกันและกัน ช่วยกันทำคลาสที่มันแตกต่างกัน แต่ที่ชัดเจนก็คือ อาหารคลีนที่มีอยู่ เพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อเดือนที่แล้ว เจนี่ก็มีลูกบ้านของเจนี่ด้วยก็ไม่อยากให้เขารู้สึกว่ามาอยู่บ้านเจนี่แล้วเขาลำบากใจ เจนี่ก็เพิ่งเห็นในไอจีเหมือนกันว่ามีอาหารคลีนด้วย มีลูกค้าฝั่งเราไปซื้ออาหารคลีนฝั่งนั้น เลยรู้สึกว่าเราไม่อยากให้คนที่เขามาเช่าพื้นที่เราเขาไม่สบายใจว่ามีของเหมือนกันแต่มาขายในราคาที่ต่างกัน”

“สิ่งที่วันนี้เกิดขึ้นคือสิ่งที่เจนี่ได้ตัดสินใจแล้ว ถ้าไม่ตัดสินใจคงไม่มาพูดวันนี้ เจนี่ไม่รู้หรอกว่าข้างหน้าจะเป็นยังไงแต่เจนี่อยากให้คนที่อยู่ในบ้าน 911 มีความสุข ทำธุรกิจแล้วยิ้มไปด้วยกัน”

เชื่อเคลียร์ได้ ไม่ถึงขั้นฟ้อง

ทนาย : “ในแนวดำเนินคดีของผมไม่แนะนำให้ฟ้องร้องคดี จะให้คุยกันมากกว่า คนฟ้องกันเขาไม่คุยกันเท่านั้นเอง จะเอาเวลาไปรบกวนศาลผมว่าคงไม่จำเป็น ผมเป็นคนเจรจาเองครับ”

ซัดอีกฝ่ายเปิดคลาสตรงกัน วางบิลแล้วไม่จ่าย จะทำสัญญารอบใหม่เลยขอทบทวนให้ดี ชี้เป็นธุรกิจที่สำคัญกับชีวิต

เจนี่ : “เขาไม่ได้ติดต่อเจนี่ส่วนตัวค่ะแต่ติดต่อทีมงาน ตัวพี่บุ๋มไม่เคยมาเล่าด้วยตัวพี่บุ๋มเองให้เจนี่ฟัง แต่เจนี่เคยคุยกับคุณเอก (สามีบุ๋ม) เจนี่รับรู้เรื่องที่จอดรถ เจนี่เลยไปแก้ปัญหาไปเช่าที่จอดข้าง ๆ แต่มันก็แค่ชั่วโมงเดียวไงค่ะ แล้วเช่าที่เพิ่มให้ที่จอดรถเจนี่ไม่ได้เช่าให้แค่ลูกค้าของเจนี่แต่เจนี่ทำเพื่อทุก ๆ คน”

“เรื่องเลือกปฏิบัติต้องบอกว่าเจนี่ไม่ได้อยู่ 911 ทุกวัน เจนี่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ทุก ๆ เรื่อง เจนี่เข้ามา 911 เดือนละ 2 ครั้งฉะนั้นปัญหามันจะไม่ได้เข้ามาถึงตัวเจนี่ ทางเราแก้ปัญหาให้ดีที่สุดด้วยการจ้างคนเพิ่มขึ้นและเช่าพื้นที่เพิ่ม”

“ที่เขาย้ำว่ารอสัญญาจากเรา เรื่องสัญญาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มันเป็นธุรกิจแรกในชีวิตของเจนี่ จะให้เจนี่ทำสัญญาขึ้นมาใหม่เจนี่ต้องดูอย่างละเอียดรอบคอบ เจนี่เพิ่งเปิดยิมได้ 2 เดือนกว่า สัญญามันเลยเหมือนชีวิตของเจนี่ทั้งชีวิต แล้วตัวเจนี่ได้คุยกับพี่ทนายว่าสัญญาก็น่าจะมีผลอยู่ไม่ได้ป็นโมฆะ พอจะมาเริ่มทำสัญญาใหม่ เจนี่มาเห็นคลาสที่ตรงกัน หรือเห็นที่เราวางบิลไปแล้วแต่ยังไม่ได้จ่าย ฉะนั้นถ้าจะให้เจนี่เขียนสัญญาใหม่เจนี่ต้องคิดทบทวนให้ดี มันต้องมีเยอะขึ้น ไม่ใช่ว่าทวงวันนี้แล้วพรุ่งนี้จะให้เลย มันก็คือชีวิตเจนี่ด้วยเหมือนกัน อยากให้ทุกคนได้รู้ในข้อทุกคนไม่ได้รู้”

บอกมาทีหลังแต่เป็นคนเช่าพื้นที่คนเดียว 100 เปอร์เซ็นต์ ยันบุ๋มแค่คนเช่าที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น

เจนี่ : “เจนี่มาทีหลังค่ะ แต่ด้วยอะไรก็แล้วแต่กลับกลายเป็นว่าเจนี่มาเช่าพื้นที่ตรงนี้คนเดียว 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพี่บุ๋มก็เป็นผู้เช่า ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น”

“ไม่ผิดหวังที่ทำธุรกิจด้วยกันค่ะ เพราะเจนี่ก็คิดที่จะทำต่อไป มันคือสิ่งที่เจนี่รัก และมันคือความฝันของเจนี่ เนื่องจากเจนี่เป็นคนชอบออกกำลังกาย ข่าวก็ย่อมกระทบกับธุรกิจค่ะ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องแก้ไข เพราะธุรกิจทุกอย่างมันก็มีปัญหาเป็นรายวัน ดังนั้นเราก็ต้องแก้ปัญหาเป็นรายวันไป”

ทนาย : “หลังจากวางบิลไป เดือนแรกเขาไม่จ่าย เรื่องทวงถามอันนี้เป็นในส่วนของออฟฟิศนะครับ ออฟฟิศจะเป็นคนติดตามทวงถาม”

เจนี่ : “(ยืนยันได้มั้ยว่าเราไม่ได้ให้พนักงานกันที่จอดรถสำหรับลูกค้าตัวเอง?) ไม่มีค่ะ”

เลยจุดนัดเคลียร์ ต่อไปขอทำธุรกิจคนเดียวดีกว่า

เจนี่ : “ก็ต้องเครียดเป็นปกติค่ะ ยิ่งธุรกิจนี้เป็นธุรกิจแรกของเจนี่ด้วย ถามว่าจะจบยังไง ไม่อยากให้ทะเลาะกันเอง และเจนี่ก็จะไม่ตัดสินอะไรทั้งนั้น สิ่งที่เจนี่พูดวันนี้เป็นเพียงข้อมูลหนึ่ง นอกเหนือจากที่พี่บุ๋มได้พูดในส่วนของพี่บุ๋ม ดังนั้นเจนี่ก็ต้องพูดในส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงของฝั่งเจนี่ด้วย เพื่อให้คนที่ติดตามข่าวได้ตัดสินดีกว่ามาบอกว่าอันไหนถูกอันไหนผิด ถามว่าจะนัดคุยกันมั้ย คิดว่ามันเลยจุดนั้นมาแล้วค่ะ และอีกอย่างเจนี่ก็ได้ให้พี่ทนายเข้าไปคุยแล้วด้วยค่ะ ต่อจากนี้ขอทำธุรกิจคนเดียวดีกว่าค่ะ ส่วนจะเอายิมไปทำอะไร ในส่วนรายละเอียดขอไม่ตอบดีกว่า เพราะเอาจริงๆ เจนี่ก็ยังไม่ได้คิดด้วยว่าจะทำอะไร”

ทนาย : “จากที่ได้คุยกับน้องเขาก็อาจจะปล่อยให้เช่าต่อ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะมาเช่า หรือไม่แน่ก็อาจจะทำเป็นศูนย์อาหารก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วมันก็เป็นเรื่องในอนาคต”

รับปัญหาบานปลาย อาจเป็นเพราะการประสานงานของคนกลางด้วย

เจนี่ : “ไม่มีค่ะ คือตอนแรกพี่บุ๋มบอกว่าจะมีห้องเทควันโด เนื่องจากหุ้นส่วนเก่าของเจนี่ เขาเป็นครูเทควันโด และเจนี่มาทีหลัง ซึ่งตอนนั้นเจนี่มีแพลนเอาไว้ด้วยว่าจะทำคลาสเต้นซุมบ้า ก็อาจเป็นเพราะคนกลางที่ติดต่อกัน เขาไม่เคยนำเรื่องมาถึงเราทำให้เป็นปัญหาด้วยค่ะ ตอนนี้เรื่องอนาคตไม่ขอตอบนะคะ เพราะมันยังไม่ได้เกิดขึ้น เจนี่ขอตอบเรื่องในวันนี้ก่อนแล้วกัน และไม่มีอะไรจะฝากพี่บุ๋มค่ะ”

รับเห็นคอมเมนต์อีกฝ่ายในไอจี บอกคุยกันได้เพราะแยกงานกับเรื่องธุรกิจ

เจนี่ : “เห็นแล้วค่ะ จริง ๆ มันก็เป็นรูปปกตินะคะ เพราะส่วนตัวเจนี่ก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าหรืออะไร (ยังคุยกันได้?) พี่บุ๋มยังเป็นพี่ของเจนี่อยู่ค่ะ ต้องแยกนะคะเรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว ปัญหาธุรกิจคือปัญหาธุรกิจ และวันนี้เจนี่ก็มาในฐานะตัวแทนของ 911 ค่ะ”