Inside Dara
“แอฟ” กับชีวิตคู่ที่รื่นรมย์ แต่ยังต้องปรับตัว

ผ่านพ้นปีใหม่ พ.ศ. 2556 ไปแล้วกลับเข้าสู่วงกลมของการทำงานอีกครั้งคนบันเทิงก็เช่นกัน เริ่มลงมือทำงานให้แฟนได้ชมแล้ว แต่อีกหนึ่งนางเอกที่แฟน ๆ เรียกร้องอยากเห็นผลงานมากที่สุดคงต้องยกให้ แอฟ-ทักษอร เตชะณรงค์ ที่หลังจากแต่งงานก็ขอพักไม่รับละครกว่าครึ่งปี งานนี้เลยขอนัดสาวแอฟคุยสบาย ๆ ถึงชีวิตหลังแต่งงานว่าดูแลสามีสุดหล่อ สงกรานต์ เตชะณรงค์ ยังไงบ้าง แล้วเมื่อไหร่จะใจอ่อนรับละคร และที่สำคัญจะมีทายาทน่ารัก ๆ ปีนี้หรือเปล่า

ปีนี้ทั้งปีก็ยังไม่มีละครให้เห็นเลย?

“จริง ๆ ไม่นานเท่าไหร่นะคะ ถ้านับจริง ๆ ครึ่งปีเอง เพราะเรายังมีละครเรื่อง “รักประกาศิต” ไง ฉายไปช่วงก่อนแต่งงาน แต่เวลาไปเจอแฟน ๆ เขาก็คอยถามไถ่เราตลอด ตอนนี้คำถามเวลาใครเจอหน้าแอฟมีอยู่ไม่กี่คำถามคือจะมีน้องหรือยัง จะมีละครหรือยัง เราก็ยิ้มแล้วก็บอกไปว่ายังเลยค่ะ ลูกก็ปีหน้า ละครก็ปีหน้าเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่เราก็ดีใจมากนะที่เขาถามถึงเรา ดีกว่าเขาบอกเราว่าไม่อยากดูแล้ว ต้องขอบคุณมาก ไปไหนมาไหนใคร ๆ ก็คอยถาม ทำให้แอฟรู้ว่ายังมีแฟน ๆ รอคอยชมละครที่แอฟเล่นอยู่ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”

10 ปี ในวงการบันเทิงจากวันแรกถึงวันนี้เป็นยังไงเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน?

“เป็นชีวิตของแอฟเลยค่ะ เราเรียนจบมาสายนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้ทำงานสายนิเทศฯ เพราะเราเล่นละครตั้งแต่เรียนจบ เล่นเรื่อยมาทั้งหนังและละครก็เรียกได้ว่าเป็นอาชีพและเป็นชีวิตหนึ่งของเรา”

บทบาทไหนที่เรายังไม่เคยเล่นแล้วเป็นไปได้ในปีหน้าอยากลองซักหน่อย?

“มันแล้วแต่หลาย ๆ อย่างเนอะ แล้วแต่ผู้ใหญ่จะมองแล้วให้โอกาสเรา ส่วนแอฟเองต้องดูระยะเวลาการถ่ายทำด้วย ส่วนอยากเล่นบทไหนจริง ๆ มีหลายบทมากที่เรายังไม่เคยได้ลอง แอฟเล่นละครมา 10 ปีแล้วนะยังมีหลายบท พูดเป็นบทก็ลำบากเนอะ เอาเป็นว่าแล้วแต่เรื่องดีกว่าค่ะ เพราะยังมีหลายบทบาทที่อยากลองเล่นดูเหมือนกัน แต่ก็ดูเยอะขึ้น เพราะงานละครเราต้องอยู่กับเขา 8-9 เดือนเหมือนคนท้องเลย แล้วแอฟชอบเจอ 9 เดือนทั้งนั้นเลยไม่เคยเจอ 8 เดือนเลย”

ไม่ได้คิดจะเฟดตัวไปช่วยงานสงกรานต์แล้วไม่รับงานละครอีกแล้วใช่มั้ย?

“ยังอยู่ค่ะ ๆ อย่าเพิ่งให้ไปไหนเลยนะคะ (หัวเราะ) แต่จะอยู่ในรูปแบบไหน หรือเล่นละครอะไรจะมีหลักในการพิจารณามากกว่าเดิม เพราะเมื่อก่อนแอฟคิดว่าขอแค่ให้เป็นเรื่องที่เราอยากเล่นเท่านั้น นานแค่ไหน ไกลแค่ไหนไม่เคยมีข้อจำกัดใด ๆ คิวเราเทให้หมดเต็มร้อย แต่ตอนนี้เรามีครอบครัวแล้วก็เป็นปัจจัยในการพิจารณาเลือกรับงานนะ ถ้าเกิดต้องไปต่างจังหวัดนาน ๆ 2-3 อาทิตย์ไม่ได้กลับบ้านเลยก็คงลำบากหน่อย ต้องขอดูนิดนึงเนอะ”

แต่งงานไปแล้ว 1 ปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?

“จะว่าเปลี่ยนก็เปลี่ยน หรือบางทีแอฟก็คิดว่าไม่ได้เปลี่ยนอะไรนะ แต่ไม่เปลี่ยนเลยก็คงไม่ใช่ เราก็มีความผูกพันกันมากขึ้น คู่ของเรายังคงมีเรื่องต้องปรับตัวกันต่อไป แล้วยังมีเรื่องใหม่ ๆ ที่ตอนเป็นแฟนกันเรายังไม่พบเจอ (หัวเราะ) แต่ความเสมอต้นเสมอปลายในการดูแลกันยังเหมือนเดิม บางอย่างก็มีมากขึ้น บางอย่างก็ลดน้อยลงแล้วแต่เรื่องราวที่ได้เจอกัน เราเองก็เป็นคนมีความสุขมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งคิดย้อนไปมาจนถึงแต่งงานนี่ขนาดยังไม่มีลูกนะ เราออกมามีครอบครัวชีวิตคู่ของตัวเอง บางครั้งแอฟว่าลูกผู้หญิงทุกคนต้องเป็นนะกับการแอบรู้สึกคิดถึงครอบครัว พอออกมาใช้ชีวิตเองคุณพ่อคุณแม่ก็จะเว้นช่องว่าง ต่อไปนี้ไม่ใช่ลูกที่จะคอยตามดูแลทุกฝีก้าวแล้ว ก็เว้นช่องว่างให้เราใช้ชีวิตตัดสินใจอะไรเอาเอง คอยดูอยู่ห่าง ๆ แล้วพอเราออกมาอยู่ห่าง ๆ ก็รู้สึกเองว่าเราโชคดีที่โตมาโดยที่เราไม่เคยเจอปัญหาหนักใจถึงขั้นต้องใช้คำว่าเป็นทุกข์ คุณพ่อคุณแม่ดูแลได้อย่างดี หนึ่งคิดได้เลยว่าเราโชคดีจัง สองคือถ้าเรามีลูกจะเลี้ยงยังไงให้มีความสุขแล้วไม่ต้องเจออะไรที่ไม่ดีแบบนี้ได้เหรอ ก็ยังไม่มั่นใจตัวเอง (หัวเราะ)”

ได้คุยกับสงกรานต์ถึงเรื่องนี้มั้ย ถ้าต่อไปมีลูกจะเป็นยังไง ดูแลกันยังไง?

“กรานต์เป็นผู้ชายเลยไม่คิดมาระแวงแบบผู้หญิง ผู้หญิงเราคิดหน้าคิดหลัง ย้อนไปย้อนมาแต่ผู้ชายเขาไม่คิด เขาจะบอกว่าคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ ผู้ชายเขาลุย เขามั่นใจ แต่ในสังคมทุกวันนี้ก็เนอะผู้หญิงอย่างเราคิด กังวล โลกปัจจุบันมีด้านที่เราเห็นว่าอันตราย อีกหน่อยมีลูกก็ต้องห่วง ลูกผู้ชายก็ห่วงอย่างหนึ่ง ลูกผู้หญิงก็ห่วงอีกอย่าง แบบนี้แหละที่กรานต์ชอบบอกว่าคนอื่นเขาทำได้ลูกเราก็ต้องทำได้ซิ เราก็โอเค ๆ”

แล้วในมุมมองเราในความเป็นแม่มองตัวเองออกหรือยังจะเลี้ยงลูกและเป็นคุณแม่แบบไหน?

“ยังไม่เคยนึกภาพตัวเองนะ แต่ก็มีความตั้งใจว่าอยากจะเป็นให้ได้เหมือนคุณแม่ เรารับรู้ตลอดมาตั้งแต่เด็กจนโตเลย ถ้านึกถึงคุณแม่เราจะภาคภูมิใจ ภูมิใจทุกครั้งเวลาคุณแม่เราไปโรงเรียน พบผู้ปกครองทุกคนจะถามว่าเป็นใคร เราก็จะบอกว่าแม่เรานะ คุณแม่เป็นคนทำงาน มั่นใจ สวย เก่ง ในขณะเดียวกันทำงานเก่งก็เลี้ยงดูลูกด้วย ครบเครื่องทุกอย่างเราเลยรู้สึกว่าแบบนี้แหละ เพอร์เฟกต์ ซึ่งเราก็คงทำไม่ได้ขนาดนั้น แต่ก็จะพยายามทำให้ดีให้เหมือนคุณแม่ให้ได้มากที่สุดค่ะ การเลี้ยงดูลูกก็ปรับไปตามสภาพแวดล้อมดีกว่าค่ะ ซึ่งสภาพแวดล้อมก็คงเป็นเขาใหญ่มีม้า ป่า เขา ว่ากันไปค่ะ”

ชีวิตการเป็นแม่บ้านเป็นยังไงบ้าง ตอนแต่งงานเห็นว่ายังทำกับข้าวไม่เป็น แล้วหลังจากไปแอบเรียนทำอาหารแล้ว?

“ตอนนี้ทักษะทำอาหารยิ่งน้อยกว่าเดิมเลยค่ะ ช่วงแต่งงานใหม่ ๆ ยังไม่ได้กลับมาลุยโปรเจคท์บ้านเต็มที่ เราหยุดไว้มาเตรียมงานแต่งก่อน จนมาสองอาทิตย์หลังแต่งงานก็แฮปปี้ทำกับข้าวก็อาหารเช้าเนอะ มื้ออื่นยังยากไป เตรียมให้กรานต์เขาแค่นี้ เขาแฮปปี้แล้ว เพราะเขาเป็นคนง่าย ๆ แต่พอหลังงานเยอะมนตร์แต่งงานเริ่มจางหาย กลับสู่ชีวิตจริงต้องไปทำงานเลยยิ่งไม่ได้ทำอาหาร เว้นแต่อยู่บ้านที่กรุงเทพฯ ก็ทำเมนูไข่บ้างค่ะ เคยไปเรียนแล้วบอกคุณครูด้วยค่ะว่าไม่มีพื้นฐานเลยขอเริ่มต้นจากศูนย์ (หัวเราะ) แต่เขาก็เข้าใจ ถ้าทำให้เขาก็แฮปปี้ แต่ถ้าไม่ได้ทำให้ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าเราเป็นแม่บ้านขนาดนั้น บางอย่างต้องให้เท่ากัน เรามาช่วยงานเขาทำโครงการบ้าน งานการตลาดด้วย งานบ้านด้วยจะทำไม่ทัน แต่นี่ช่วงแรก ๆ นะคะ เดี๋ยวอีกหน่อย ถ้าปรับตัวได้แล้วก็อาจจะได้ทั้งสองอย่าง”

ช่วยกันทำโครงการบ้านจัดสรรโมเมนโต้ บาย เดอะโบนันซ่า เต็มตัวแล้ว เป็นยังไงบ้าง?

“หนักค่ะ เพราะเป็นเรื่องใหม่สำหรับแอฟ แต่เมื่อก่อนเราคิดว่าอีกหน่อยอยากทำบูทีคโฮเทลกับน้องสาว เพราะคุณพ่อเป็นสถาปนิก ปัจจุบันก็ได้ทำแล้วแต่อีกรูปแบบหนึ่ง ต้องขอบคุณที่กรานต์เขาให้โอกาส โครงการโมเมนโต้ ที่ทำเราไม่เคยมีประสบการณ์ แต่เราอยากทำแล้วเขาก็ให้โอกาส แล้วก็ต้องขอบคุณคุณพ่อของแอฟที่เข้ามาช่วย เพราะท่านทำบริษัทสถาปนิกอยู่แล้ว ทุกอย่างเลยราบรื่นดีค่ะ”

ตั้งแต่แต่งงานกันมามีทะเลาะกันบ้างมั้ย?

“แน่นอนค่ะมีอยู่แล้ว แล้วยิ่งทำงานด้วยกันยิ่งมี แต่ทะเลาะเรื่องงานก็ดีกว่าเรื่องส่วนตัวนะ แต่เราก็มีวิธีคือทะเลาะวันนั้นก็จบในวันนั้น แต่ก็แล้วแต่กรณีด้วย แอฟคิดว่าบางทีทะเลาะกันได้เคลียร์นะ ดีกว่าคนที่เขาเลิกทะเลาะกันเพราะขี้เกียจพูด อันนี้อันตรายนะ แต่กรานต์เขาเป็นคนใจร้อนมาก ด้วยการทำงานเขาบริหารงานคนเดียวตั้งแต่อายุยังน้อย ฉะนั้นภาวะผู้นำเขาจะเร็วทุกเรื่อง เวลาปรี๊ดก็ปรี๊ดเร็วเหมือนกัน (หัวเราะ) ในขณะที่แอฟคิดเยอะ บางทีก็เก็บมามวน ๆ ตามประสาผู้หญิง ผู้ชายจะไม่เข้าใจจะสงสัยเราเป็นอะไรเนี่ย สุดท้ายแต่งงานกันแล้วก็ยังมีเรื่องต้องปรับกันไปตลอด ถึงแต่งแล้วอยู่ตัวพอมีลูกก็ต้องปรับไปตามวิถีชีวิตอีก เดี๋ยวมีลูกเข้ามาก็ต้องปรับครั้งใหญ่เลยค่ะ”

เรื่องลูกก็ตามธรรมชาติ?

“ปล่อยตามธรรมชาติค่ะ เรายังไม่ได้ตรวจสุขภาพ ถ้าตั้งใจพร้อมเมื่อไหร่ก็จะพากันไปตรวจ ส่วนเรื่องอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชายนั้นบ้านแอฟไม่ค่อยมีผู้ชายตั้งแต่รุ่นคุณแม่แล้ว ผู้หญิงหมดเลย 6 คน หลาน ๆ ก็ผู้หญิงกันหมดเลย แต่แอฟยังไงก็ได้ ตอนนี้เราก็เลี้ยงหลานคนแรกของน้องสาวแท้ ๆ ของแอฟไปก่อน เขาน่ารักมาก ๆ ตอนแรกเขาอยู่อเมริกาแล้วไม่มีคนช่วยดูแล ตอนนี้มาอยู่ไทยมีคุณปู่คุณย่าดูแลไม่ปล่อยเลย ผู้ใหญ่ชอบบอกว่าอย่ามีเลยลูกเดี๋ยวนี้โลกมันโหดร้ายมีแต่อะไรไม่รู้เป็นห่วง ต่อมาพอแต่งงานมีลูกเดี๋ยวนี้ไม่ต้องเลี้ยงเลยเดี๋ยวยายเลี้ยงเอง (หัวเราะ)”

วางแผนอนาคตยังไงบ้างในวงการบันเทิง?

“งานบันเทิงแอฟยังมีความรักและผูกพัน ตั้งใจที่จะเล่นละครอยู่ แล้วแต่สถานการณ์ต่าง ๆ ของหนังและละคร ส่วนงานระยะสั้น ๆ ก็ทำเรื่อยเหมือนเดิมพวกโฆษณา ถ่ายแบบ งานโครงการบ้านก็แน่นอนต้องสานต่อ แต่ความยากกว่าคือขายให้หมด ตอนเปิดตัวขายเร็วมาก แต่ก็อยากให้ปิดโครงการได้จะดีใจกว่าขายได้เร็ว แล้วก็จะมีโปรเจคท์ต่อไปกับครอบครัวค่ะ”

ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่คิดถึงแล้วรอชมผลงานละครของเรา?

“ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนมากเลยค่ะ เราก็รู้สึกปลื้มใจทุกครั้งที่มีคนถามคำถามว่าเมื่อไหร่เราจะมีละคร พอรู้ว่ามีคนคิดถึงเราก็อุ่นใจ อยากจะบอกว่าแอฟยังไม่หายไปไหน ยังอยู่ตรงนี้ ถ้าจังหวะพร้อมที่จะได้รับงานที่แอฟสามารถทุ่มเทได้เต็มที่ เพราะที่ผ่านมาปฏิเสธไปบางงานเพราะแอฟรู้จังหวะเวลาอาจทำให้ทุ่มเทไม่เต็มที่คิวละครอาจมีปัญหา รอพร้อมเต็มที่เราทำแน่นอนค่ะ เราเองก็คิดถึงละครมาก บางทีนั่งดูทีวีกับสงกรานต์เขาก็ชอบแซวเป็นไงคิดถึงละครใช่มั้ย (หัวเราะ)”

อ่านไปก็ได้แต่อิจฉาความรักที่ลงตัวของสาวแอฟ แล้วยิ่งได้ฟังมุมมองของการเป็นคุณแม่ของสาวแอฟ ยิ่งรู้ได้เลยว่าต้องเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขจริง ๆ แต่ลูกคนแรกของ แอฟ-สงกรานต์ จะเป็นหญิงหรือชายต้องลุ้นกันต่อไปจ้า.