Inside Dara
ไขหัวใจนางเอกสุดฮอตชีวิตลงล็อกของ‘เบลล่า-ราณี’

เรียกว่าเป็นนางเอกที่ฮอตที่สุดในตอนนี้ก็ว่าได้ เพราะแฟนๆ ได้เห็นหน้าของ “เบลล่า” ราณี แคมเปน ทางหน้าจอทีวี 5 วันต่อ 1 สัปดาห์ จากละคร 2 เรื่อง 2 รส “ปดิวรัดา” และ “วิมานเมขลา” วันนี้ บันเทิง "คมชัดลึก” เลยขอถือโอกาสคว้าตัวสาวสุดฮอตมานั่งพูดคุยถึงเรื่องราวในชีวิต ว่าแต่ว่าเรื่องราวของเธอจะน่าสนใจแค่ไหน ไปสัมผัสกันเลย...


ละครแน่น
บท “เมขลา” ในเรื่อง “วิมานเมขลา” ถือเป็นการพลิกบทบาทของเบลล่าเลยใช่ไหม

ใช่ เพราะเมขลาในเรื่อง เป็นคนที่ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องเกิดขึ้น ซึ่งเป็นบทที่ท้าทาย เพราะเราต้องเอาให้อยู่ เนื่องจากบทนี้เป็นเหมือนคนที่สร้างสถานการณ์ เลยค่อนข้างยาก และในตอนแรกเราค่อนข้างเครียด อย่างที่หลายคนเห็นว่าเบลไม่เคยเล่นแนวนี้มาก่อนเลย ตัวละครของเมขลา จะต้องแสดงออกมาให้ชัดในทุกอารมณ์ ช่วงถ่ายฉากแรกๆ พี่ๆ ทีมงานจะบอกว่าวีนไปเลย ไม่ต้องกลัวคนรำคาญ


การร่วมงานครั้งแรกกับพระเอก แอนดริว เกร้กสัน เป็นอย่างไรบ้าง

ครั้งแรกที่เจอพี่แอนดริวเขาเป็นผู้ใหญ่ จะขรึมๆ หน่อย และเป็นสุภาพบุรุษจ๋ามาก ให้เกียรติมาก คือเจอกับพี่แอนดริว เรียก “น้องเบลครับ” ทำเอาเกร็งเลย เพราะก่อนหน้านี้พระเอกของเบลคือแบบเจมส์ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) พี่บอย(ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) หมาก(ปริญ สุภารัตน์) ซึ่งคงไม่ต้องอธิบายสรรพคุณว่ายังไง พอมาเจอแนวพี่แอนดริวแบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ก็เกร็งๆ แต่พอทำงานด้วยกันไปสักพัก มีการละลายพฤติกรรม ความสนุกก็บังเกิด ทำให้เบลได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก


เคยได้ยินกิตติศัพท์ของแอนดริวมาก่อนหน้านี้ไหม

เคยได้ยินมาว่าพี่แอนดริว คือ ณเดชน์(ณเดชน์ คูกิมิยะ) คือเจมส์(จิรายุ ตั้งศรีสุข)ในยุคนั้นเลย แล้วก็มีคนบอกว่า พี่แอนดริวเป็นอาร์ติสต์นะ แต่พอมาได้ร่วมงานกันจริงๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย พี่แอนดริวเป็นคนน่ารัก อาจจะมีบางช่วงเวลาที่เขาจะขอความเป็นส่วนตัว อย่างตอนทำการบ้าน หรือตอนที่เขาพักผ่อน การทำงานกับพี่แอนดริวเป็นอะไรที่ราบรื่นมาก และพี่เขาสอนและช่วยเราเยอะมาก อย่างฉากบู๊เบลไม่ค่อยถนัด แต่พี่แอนดริวจะเก่งมากจะช่วยสอน หรือฉากบู๊บางฉากที่ต้องเข้าด้วยกัน พี่แอนดริวจะคอยเซฟให้เรา


เป็นช่วงที่ละครแน่นจนมีฉายา “เบลล่า 5 วัน”

ฉายานี้มาจากที่ละครออนแอร์ 5 วัน คือเรื่อง “ปดิวรัดา” ออกอากาศวันพุธ วันพฤหัส และ “วิมานเมขลา” วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ แต่สองเรื่อง ก็สองคาแรกเตอร์ ที่แตกต่างกันมาก จนคนดูสามารถเข้าใจและแยกได้ว่าเป็นคนสองคน และเชื่อว่าคนดูไม่เบื่อ


พิสูจน์ฝีมือ
ปีนี้ละครที่ได้เล่นทั้ง “เพลิงบุญ” และ “บุพเพสันนิวาส” ต่างเป็นละครที่ท้าทายมาก

ใช่ เป็นอะไรที่ดีใจมาก และเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ทั้งสองเรื่องนี้เป็นบทบาทที่ท้าทาย และไม่เคยเล่นมาก่อน อย่างเรื่อง “บุพเพสันิวาส” เรารู้ว่าเราเล่นเป็นสองตัวละคร และตัวละครหนึ่งร้าย แต่ไม่คิดว่าจะร้ายแบบที่มือถึง เท้าถึงขนาดนี้ วันแรกที่ไปถ่ายก็เป็นอะไรที่ต้องทำการบ้านหนักมาก “บุพเพสันนิวาส” จะเป็นการเล่นออกมาให้เห็นจากลักษณะท่าทาง ตัดมาที่ “เพลิงบุญ” เราเป็นทีมเมียหลวง(หัวเราะ) ซึ่งบทในเรื่องนี้จะเป็นการแสดงออกมาทางหน้าและแววตา คือเป็นอารมณ์ข้างใน


เป็นปีที่ต้องพิสูจน์ฝีมือมาก ต้องทำการบ้านอย่างไรบ้างกับพัฒนาฝีมือตัวเอง

เป็นปีที่ต้องทำการบ้านและทำงานหนักมากที่สุดเท่าที่เป็นนักแสดงมาเลย เพราะเป็นโอกาสที่ไม่ได้มาง่ายๆ เลยทำให้เราต้องพัฒนา มีการไปเรียนเวิร์กช็อป ทำการบ้านด้วยการอ่านนิยายอย่างละเอียด ได้พูดคุยกับผู้เขียนบทประพันธ์ อย่างล่าสุดมีโอกาสได้เจอกับคุณรอมแพง เจ้าของบทประพันธ์เรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ก็ได้พูดคุยกันว่า ตัวละครที่เขาต้องการเป็นแบบไหน หรืออย่าง “เพลิงบุญ” ก็คุยกับพี่เติม(ชนินทร ประเสริฐประศาสน์) ผู้กำกับฯ พี่เติมก็จะคอยอธิบายว่าจะต้องแสดงออกมายังไง บทเรื่อง “เพลิงบุญ” ดูเหมือนจะเล่นง่าย แต่เล่นยาก ตรงที่เป็นการเล่นจากข้างใน


การได้บทที่ท้าทาย มาพร้อมกับคำสบประมาท รู้สึกอย่างไร

เบลไม่กลัวคำสบประมาทนะ ทุกๆ คำสบประมาทเหมือนเป็นเครื่องกระตุ้นเรา เวลาเรารู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ หรือรู้สึกชื่นชมอย่างมากๆ เวลาได้รับคำชม คำสบประมาทเหล่านี้เป็นตัวฉุดให้เราได้รู้ว่าต้องทำให้ดี ต้องตั้งใจให้มากขึ้น เพื่อใครจะได้ว่าเราไม่ได้


ชีวิตและตัวตน
ตัวตนของเบลล่าเปลี่ยนไปจากเดิมไหม

มีทั้งที่เปลี่ยนและไม่เปลี่ยน ความเป็นเรายังอยู่ เบลยังเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ ยังเป็นเพื่อนของเพื่อน ยังเป็นน้องของพี่ๆ ทุกคน แต่ตลอดเวลา 5 ปีที่อยู่วงการมา ทำให้เราต้องเปลี่ยนหลายอย่าง ทั้งเรื่องของความรับผิดชอบในงาน ความจริงจังมากขึ้นกับงานที่เราทำ และที่สำคัญคือเราต้องซื่อสัตย์กับงานตรงนี้ การเป็นนักแสดง เราต้องเข้าใจในงานแสดงที่เราทำ และเราต้องเข้าใจในการมาใช้ชีวิตตรงนี้มากขึ้นด้วย


พอมีคำว่า “นางเอก” พ่วงมาเป็นคำนำหน้าแล้ว ทำให้ต้องเปลี่ยนไปหรือเปล่า

เราเซ็นสัญญาในฐานะนักแสดง เวลาเราต้องบอกอาชีพ ไม่มีหรอก อาชีพนางเอก อาชีพของเราก็คือนักแสดง งานของเราก็คือการเล่นบทบาทที่ได้รับมา ซึ่งเราต้องเล่นให้ได้ทุกบทบาท แต่สิ่งที่ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง เพราะเรามีความคาดหวังของแฟนๆ ที่ติดตามผลงานของเรา


ชีวิตในวันนี้ของเบลล่าเป็นอย่างไรบ้าง

รู้สึกมีความสุขมาก เพอร์เฟกท์ เบลมีความสุขกับการทำงาน ได้ทำงานที่ไม่คิดว่าจะรัก แต่รักมาก เบลเป็นคนโชคดี มีครอบครัวที่ดี มีเพื่อนที่ดี มีคนรอบข้างที่ดี มีผู้ใหญ่ที่ดีให้การสนับสนุน มีเพื่อนร่วมงานที่ดีในทุกๆ งานที่ทำ มีแฟนคลับที่ดีคอยให้กำลังใจ มีคนดีๆ อยู่รอบข้างที่คอยเตือนและก็สั่งสอน


เป้าหมายในชีวิตวันนี้ของเบลล่าคืออะไร

คือคุณพ่อคุณแม่ ที่ทำงานหนักทุกวันนี้ เพราะเบลอยากให้ท่านสบาย ท่านก็มีเบลเป็นลูกคนเดียว เลยเป็นหน้าที่ของเราที่เราต้องดูแลท่าน ตอนนี้เบลมีงานการที่มั่นคงแล้ว ก็อยากให้ท่านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข


เรื่องหัวใจ
สรุปความสัมพันธ์กับ “เวียร์" ศุกลวัฒน์ คณารศ และ “เจมส์” จิรายุ หน่อย

กับพี่เวียร์ก็อย่างที่บอกมาตลอดว่า เราเป็นพี่น้องกัน ช่วงที่ผ่านมาเจอกันน้อยลง เพราะต่างคนต่างทำงานเยอะด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็มีความหวังดีให้กัน ส่วนกับเจมส์ไม่กล้าบอกว่าเป็นเพื่อน เพราะว่าเขาอายุน้อยกว่าเบล (หัวเราะ) แต่ในความรู้สึกคือเจมส์เป็นเพื่อนที่ดี ที่เราทำงานด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ เจมส์กับเบลเหมือนคนที่โตมาด้วยกัน เราเริ่มอะไรพร้อมๆ กัน เจอเรื่องอะไรมาด้วยกันหลายอย่าง


มองความรักตอนนี้ไว้อย่างไรบ้าง

เอาจริงๆ เบลไม่ค่อยมีเวลา เบลไม่ได้รู้สึกว่าต้องรีบหาความรัก ถ้าเบลจะคบใคร เบลอยากค่อยๆ ดูกันมากกว่า เพราะตอนนี้เราเหมือนเพิ่งได้ทำงานอย่างเต็มตัว ทำให้เราอยากโฟกัสในเรื่องของงานก่อน


ผู้ชายที่จะพิชิตใจเบลล่าได้ต้องเป็นแบบไหน

ต้องเป็นสุภาพบุรุษ ต้องให้เกียรติหนู ต้องมีจิตใจดี ขยัน ตั้งใจทำงาน แล้วก็ซื่อสัตย์ เป็นผู้ใหญ่ เข้าใจ และเบลไม่ชอบคนขี้หึงด้วย มันเยอะอะ ชอบคนรักสัตว์ด้วย จะมีไหมล่ะเนี่ย (หัวเราะ)

รู้จักแล้วจะรักสาวคนนี้ “เบลล่า” ราณี !!

สาวคนนี้คือ : ราณี แคมเปน

ชื่อเล่น เบลล่า

เกิด : 24 ธันวาคม

การศึกษา : กำลังศึกษาปริญญาโท คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผลงานที่ผ่านมา : ละคร รอยมาร, ตะวันยอดรัก, พรพรหมอลเวง, ละครซีรีส์ชุด สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายพุฒิภัทร, ลูกทาส, เพลิงฉิมพลี, ภพรัก,

ผลงานล่าสุด : ละคร ปดิวรัดา และ วิมานเมขลา