Inside Dara
'ซันนี่' โสดเพราะ "รักคนยาก" แต่ไม่เคยเหงา!! ตั้งใจฝังตัวทำงาน "วงการบันเทิง" จนวันตาย

งานนี้พี่ไม่ได้มาเล่นๆ แต่เอาจริง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ พระเอกหนุ่มจากภาพยนตร์ “มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ” ค่ายทรานส์ ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม ลงทุนฟิตหุ่นปั้นซิกซ์แพ็กให้ สมกับเป็นนักกีฬาเทนนิสซุป’ตาร์ ทั้งๆที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน แม้แต่ออกกำลังกายฟิตแอนด์เฟิร์มยังข้ามมาตลอดๆแต่ด้วย “หัวใจ” รักการแสดงทำให้มีแรงผลักดันทำในสิ่งที่รักให้ดีที่สุดเลยไม่หยุดทุ่มเทฟิตหนักเลยได้หุ่นว้าว...ว หุ่นแซ่บ และเป็นการร่วมงานกับ หลิน-กมลพรรณ นางแบบ-นางเอกป้ายแดงเป็นครั้งแรกถึงกับแฉ! เป็นคนมีมุมแปลกๆ ส่วนหัวใจไม่ต้องพูดถึงเพราะ เป็นคน “รักคนยาก” แต่เชื่อในเรื่องพรหมลิขิตใน “คนดังนั่งคุย”

ถูกใจบทตรงไหนถึงรับเล่นเรื่องนี้ ซึ่งเป็นหนังนอกค่ายด้วย

“อ่านบทแล้วชอบเลยบทน่ารักดี เราคงไม่ได้คาแรกเตอร์อะไรแบบนี้หรอกก็เลยเล่น” ปกติเล่นเรื่องไหนจะต้องแนวป่วยๆตลอด “ป่วยบ้างไรบ้างไม่ค่อยเป็นคนสุขภาพดีเท่าไหร่ มาเรื่องนี้ไม่เชิงสุขภาพดีหรอกแต่เราเป็นนักกีฬา นักกีฬาคือคนที่สเปเชียลกว่าคนปกติเท่านั้นเอง” ร่วมงานกับคนใหม่ๆ “ใช่ครับ นักแสดงใหม่ๆ ทีมงานใหม่ จะมีเก่าๆบ้างอย่างเผือก พงษธร สาวๆก็มาเจอกัน เรื่องนี้แหละ” ละลายพฤติกรรมยังไงบ้าง “มีการเวิร์กช็อปการทำงานก็ทำให้เข้าใจว่าตัวละครคืออะไรเพราะเข้าใจก็คุยกันได้เลย” อย่างหลินดูมีมุมเกร็งๆซันนี่อยู่นะ “ไม่นะ ปกติ แต่หลินชีวิตเค้าประหลาดอยู่แล้ว พูดจาก็ประหลาดๆ” หากหลิน ประหลาดแล้วซันนี่เรียกว่าอะไร “ผมไม่ประหลาด ปกติ แต่หลินประหลาด พูดจาแปลก วิธีการแสดงออกแปลก ไม่มีใครบอกผมว่าแปลกสักคนเลย จริง (หัวเราะ)” อะไรที่ทำให้เรารู้สึกหลินแปลกกว่าคนอื่น “จังหวะการพูดของเค้าแปลกไม่เคยเจอคนพูดจังหวะแบบนี้ กิ๊กก๊อก ติ๊งต๊องด้วย” ในเรื่อง ดราม่าขนาดไหน “เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ ความรู้สึกมากกว่าไม่ได้ดราม่าจ๋าอะไร เล่าแบบทัศนคติบวกๆ” ตลกคอมเมดี้ถือว่าเข้าทางซันนี่เลยสิ “ไม่เชิงเข้าหรอก เราเป็นนักแสดงต้องเล่นทุกอย่างบางทีเราทำ หน้าที่ คนซีเรียสแต่เรื่องตลกมันก็ออกมาตลกได้ ไม่ใช่โผล่ไปแหกปากให้ตลกมันไม่เกี่ยว การแสดงคือการอิงจากความจริง”

จากทีเซอร์หนัง พอเห็นหุ่นตัวเองพอใจขนาดไหนหลังจากใช้เวลาฟิตหุ่นเต็มที่

“ไม่ได้คิดมุมนี้พอใจหรือเปล่า เป็นวิธีการเล่าเรื่องในภาพยนตร์ง่ายที่สุดคนนี้เป็นแบบไหนไปเจออะไรมาก็เล่าเรื่องด้วยภาพจบ ไม่ต้องอธิบายนี่นะเป็นนักกีฬาระดับโลก” พอเริ่มออกกำลังกายทำให้เราฟิตหุ่นอย่างต่อเนื่องมั้ย “มันเปลี่ยนพฤติกรรมไปแล้ว ฟิตโดยอัตโนมัติ การกินเราเปลี่ยน การดำเนินชีวิตเราเปลี่ยนใช้เวลาหกเดือน อย่างการกินเรากินทั่วไปแต่การกินเพื่อสร้างกล้ามเนื้อต้องกินให้ถูกต้อง สิ่งสำคัญที่สุดไปเล่นฟิตเนสให้ตาย แต่กินไม่ดีกล้ามก็ไม่ขึ้นเพราะการกินสำคัญ 70% แต่การยกแค่ 30% คนอาจจะไม่รู้คิดว่าต้องออกกำลังกายเยอะๆ ทำให้บึกได้ แต่จริงๆต้องกินครับ เพราะหลักการทำลายและสร้าง” ตอนนี้กินอะไรจะดูสารอาหารเป็นหลักหรือเปล่า “ที่ออกกำลังกายทุกวันนี้ออกเพื่อให้กินของอร่อยได้เท่านั้นเอง (ยิ้ม) กินเท่าไหร่ต้องเบิร์น มีมากกว่านั้นร่างกายจะไม่ยอมใช้ไขมันเก่าเด็ดขาดจนกว่าเราออกกำลังกายจนถึงกำหนดของมัน 40 นาทีขึ้นไป ไม่งั้นสิ่งที่เราใช้จะแค่ของวันนี้ที่แล้วๆมาร่างกายสะสม กลายเป็นเรารู้เรื่องพวกนี้เลยจากการเข้าฟิตเนส ออกกำลังกาย ตีเทนนิสที่ผ่านมา เหมือนเราไปเรียนหนังสือเลย ก่อนหน้านี้เราไม่รู้เลยเพราะไม่มีใครมานั่งบอกเรา” เพราะทีเซอร์หนังทำให้บางคนมองหุ่น ซันนี่มีความเซ็กซี่อยู่ในตัวเราเหมือนกันนะ “ไม่น่าจะ (หัวเราะ) ผมเล่นเป็นนักกีฬาเท่านั้นเองไม่ได้กะมาถ่ายแบบอะไร” มีติดต่อให้ถอดเสื้อโชว์ซิกซ์แพ็ก “มีตอนโปรโมตจะทำแบบนี้มั้ย แต่อย่าเลยครับ เพราะเราทำเพื่อสิ่งๆนี้มาแสดงหนัง เราไม่ได้ทำเพื่อมาถ่ายแบบ ซึ่งผมเล่นหนังเรื่องไหนก็ถอดทุกเรื่องไม่ว่าจะหุ่นเละหุ่นพังผมถอดเพราะมันเล่าด้วยความจริงเหมือนเราเล่นเป็นคนอ้วนให้เห็นเลยกินให้เยอะ”

ช่วงแรกๆที่เราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเราคิดว่าเป็นเรื่องยากมั้ย

“ผมไม่เคยคิดว่ายากเลยเพราะเป้าหมายของเราเพื่อเป็นตัวละคร นี่คือทางที่เราจะต้องไปไม่มีทางลัดครับ เราไม่คิดยาก ยังไงเราอยากเป็นสิ่งๆนี้ให้ได้ก็ต้องใช้เวลา” แสดงว่าได้การบ้าน ได้บทอะไรมาซันนี่จะจริงจังกับมันมาก “ใช่ๆ เพราะมันคืออาชีพของเรา เป็นอาชีพเดียวถ้าเกิดผมไม่ตั้งใจทำมันเลยผมจะมีอาชีพทำไม” สิ่งที่ได้จากการเล่นหนัง “มันคือความสุขเพราะอาชีพเราเป็นนักแสดง งานที่ผมทำคือสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขขับเคลื่อนชีวิตเรา อันนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่ง”

นอกจากงานหนังซันนี่วางชีวิตตัวเองยังไงบ้าง

“ไม่เคยวางชีวิตอะไรเลยเพราะทำตามความรู้สึก มันเป็นเซ้นส์อันไหนจะเวิร์กกับชีวิตเรา เชื่อสัญชาตญาณนี้มาตลอดรับงานจากความรู้สึกที่เราอยากเล่นเพราะมันไม่ผิดอยู่แล้ว เราจะไม่อยากรู้สึก โอ้โหรู้อย่างนี้ไม่น่าไปเชื่อไอ้นั่นเลยดีกว่า เราจะไม่มีความรู้สึกนี้เลย เราเชื่อตัวเอง” จากที่รักอาชีพการแสดงซันนี่ตั้งใจฝังตัวกับวงการนี้แน่นอน “ฝังตัวหรือไม่รู้แต่คงทำจนวันตายเพราะผมไม่เหนื่อยกับมันเลยเพราะมันเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิต” แต่ก็เห็นทำธุรกิจค่ายมวยด้วย “จริงๆไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะทำนะแต่เป็นทัศนคติที่ดีๆ อยากให้คนออกกำลังกาย การให้คนรู้มวยไทยเป็นเจตนาที่ดีและเพื่อนผมชวน ผมรู้สึกมันเวิร์ก ดีกว่าเราไปทำอะไรที่ผิดๆ ทำอะไรไม่ดีแล้วได้เงินมา มันไม่เวิร์กกับอะไรเลย ผมไม่อินกับธุรกิจแต่อินกับทัศนคติที่ดี เจตนาที่ดี สิ่งนี้มีประโยชน์กับคนเท่านั้นเอง อยากให้คนออกกำลังกาย เจตนาดีไม่เปลี่ยน ความดีคือความถูกต้อง” ไปๆมาๆกลายเป็นสนใจสุขภาพหนักมาก “ถ้าไม่ได้เล่นเรื่องนี้ผมก็ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ เล่นเรื่องนี้ไปต่อของมันเอง ได้ทำอะไรเป็นเพราะการแสดงหมดเลย ขับรถเป็น ดำน้ำเป็น มาจากการแสดงหมดเลย เมื่อก่อนไม่คิดจะทำ ผมว่ามันไม่จำเป็น ผมไม่รู้จะดำน้ำไปทำไมผมกลัวน้ำ ผมกลัวปลา กลัวอะไรใต้น้ำ มาว่ายน้ำเป็นตอนเล่นหนังรักเจ็ดปีเพราะต้องไปเรียนดำน้ำ เมื่อก่อนเคยตกน้ำคิดว่าตัวเองตายแน่ และมีเฟซบุ๊กเขียนถ้าคุณเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งในนี้แล้วคุณกลัวแสดงว่าคุณเป็นคนกลัวทะเล ลองเปิดดูอันแรก มีคนอยู่ใต้ทะเลและมีปลาตัวใหญ่ยักษ์ ใครจะไม่กลัวๆ (หัวเราะ) ผมเห็นรูปแรกขี้จะแตกออกมาเลย”

ความกลัวที่ถูกขจัดไป

“เป็นสิ่งที่ไม่อยากทำแต่มันจำเป็น อย่างการขับรถผมไม่จำเป็นต้องขับเลยไม่ได้ขับแต่มาเล่นซีรีส์เรื่องนึงต้องขับก็เลยขับได้ แต่ชีวิตประจำวันไม่ขับอยู่ดีนะ ไม่ได้ใช้รถ เวลาไปไหนรถตู้ แท็กซี่ เอา เวลาไปงานมีรถตู้มารับไปกอง” ไม่ชอบขับรถเซอร์ไพรส์มากเพราะบุคลิกชอบทำอะไรด้วยตัวเอง “เราจะรู้ว่าอะไรใช้หรือไม่ใช้อะไรบ้าง อันไหนไม่ใช้ก็ตัดออกหลักการพอเพียง ทีวีดูทีละเครื่อง เราซื้อแค่สองเครื่องดูข้างบนและข้างล่างไม่จำเป็นจะต้องมีทุกห้อง อย่างตอนนี้ผมอยู่บ้านเป็นทาวน์เฮ้าส์ก็อยู่คนเดียวคือถ้าผมตายในบ้านก็ไม่มีใครรู้ ไม่ซื้อคอนโดเพราะผมรู้สึกไม่คุ้ม ไม่มีพื้นที่ด้วย คอนโดแค่ห้องห้องเดียวแล้วทาวน์เฮาส์มันถูกกว่าคอนโด เลยอยู่นี่แหละคุ้ม” ใช้ชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวงร.9 หรือเปล่า “เพราะเราเป็นคนขี้งกมาก่อนและเริ่มเข้าใจหลักการของพระองค์ท่านในเรื่องความพอเพียงมากกว่า”

เห็นโสดมานานหรือว่าซันนี่พักรักหรือเปล่า

“รู้ได้ยังไงว่าผมพักมานานไม่เคยบอกใครเลยนะ (หัวเราะ) ปกติครับ ไม่ได้มีอะไรเพราะผมรู้สึกว่าวันๆเราจะไปหาใคร เหมือนเราเจอโชคชะตาชีวิตเรา พรหมลิขิตชีวิตเรา เราจะรู้สึกกับมันได้เลย ผมไม่ได้คิดว่าเอ๊ยมีแฟนกันหมดแล้วเราต้องหาใครสักคน ไม่ใช่ใครก็ได้ ต้องเป็นเนื้อคู่ของเรา” เป็นคนรักคนยากด้วยหรือเปล่า “ใช่ ผมไม่ได้ใจง่าย แต่เราไม่ได้หาไง” โสดแบบนี้มีมุมแอบเหงาบ้างมั้ย “อันนี้แปลกมากผมได้ฟังมาหลายรอบมาก ไม่เหงาเหรออยู่คนเดียวอย่างโน้นอย่างนี้ คนเราจะเหงาจะต้องมีคนคนนึงอยู่กับเราแล้วเราชอบเค้า ผูกพันแล้วอยู่ๆวันนึงเค้าไม่อยู่แบบนั้นเหงาเพราะเราเคยอยู่กับเค้า แต่ไม่มีใครให้รู้สึกแบบนั้นเลยมันเหงาจากอะไรล่ะ ไม่มีใครให้เรารู้สึกดีแล้วเหงามันแปลกไป” เชื่อเรื่องพรหมลิขิตบ้างมั้ย “ไม่รู้จะเชื่อหรือเปล่า? แต่มันก็เป็นแบบนี้มาตลอด เปลี่ยนไม่ได้หรอก” ตัวเราก็เป็นคนไม่ให้ความสำคัญกับความรักด้วยหรือเปล่า “จริงๆความรักเป็นสิ่งสวยงามแต่ว่าถ้าเราเจอก็ไม่อยากไปบังคับอะไรใคร เอาง่ายๆ ถ้าจะต้องไปนั่งจีบคน คนเราถ้าคู่กันจะต้องรู้สึกถึงกันและกันได้เองผมไม่อยาก เค้าไม่สนใจเราสักนิดแล้วเราพยายามไปดีอะไรก็ได้ให้เค้าเห็นความดีแล้วเปลี่ยนความคิดมา จากไม่แคร์มารู้สึกกับเรา ผมไม่อยากไปฝืนใจใคร ถามก็อยู่อโลนโดดเดี่ยวแบบนี้ไป”

เป้าหมายชีวิตที่วางไว้ แบบไม่ไกลมากเพราะไม่ใช่คนแบบนั้น

“ผมไม่วางเลย วันนึงผมยังไม่วางแผนชีวิตอะไรเลย รู้แค่วันนี้ทำอะไร รู้แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน ศีลธรรม จริยธรรม สิ่งที่ถูกต้องความดี ที่เหลือสิ่งที่เราชอบแหละ ไม่คิดอะไรไกลๆ”

ถึงใครๆจะมอง He เซอร์ แปลก ติสต์ แต่บอกได้เลยว่าเป็นผู้ชายไม่ไร้สาระนะยูว์ อิอิ