Inside Dara
วิ่งอย่างมีความสุขกับ ‘เอิร์น-จิราภรณ์ กมลรังสรรค์’

“เข้าใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ อย่าเพิ่งกระโจนเข้าไป วิ่งไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนเริ่มต้นแล้วจะมีความสุข” ในยุคที่การ ‘วิ่ง’ คืออีกหนึ่งในการออกกำลังกายยอดนิยม เพราะสามารถทำได้ง่าย และทำได้ด้วยตัวเอง โดยจะเห็นได้ว่ามีการจัดงานวิ่งประเภทต่างๆ แทบจะทุกสัปดาห์ตลอดทั้งปี แถมยังเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ดีๆ ที่สามารถบอกใครต่อใครได้ว่าเราเป็นคนรักสุขภาพ แต่หลายคนก็น่าจะยังมีคำถามกับการวิ่ง เพราะแม้ว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ทุกคน มีหลายคนพยายามจะรักสุขภาพด้วยการวิ่ง แต่กลับไม่เป็นอย่างที่ใจคิดด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ วันนี้ mars talk เลยเอาเหตุผลในการวิ่งของสาว ‘เอิร์น-จิราภรณ์ กมลรังสรรค์’ สาวสวยหน้าใสเจ้าของฉายา ‘นางฟ้านักวิ่ง’ มาบอกกัน เชื่อว่าหลายคนอาจมีแรงบันดาลใจในการวิ่งมากขึ้นก็ได้

นักวิ่งรายงานตัว

สวัสดีค่ะ ชื่อบังเอิญ หรือเอิร์น-จิราภรณ์ กมลรังสรรค์ อายุตอนนี้ 28 ปีค่ะ ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่วิชาการในแผนระบบสื่อและวิถีสุขภาวะทางปัญญาของ สสส. หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพค่ะ ที่ชื่อบังเอิญ เพราะตอนคุณแม่ท้องเนี่ยก็คือไม่รู้ว่ามีเอิร์นเป็นฝาแฝดอีกคนกับพี่ชาย มารู้ว่ามีคือตอนคลอดแล้วค่ะ เลยชื่อบังเอิญ ต่อมามีหลายคนทักว่าชื่อเอิร์นอย่างเดียวก็พอ เพราะชื่อบังเอิญมันดูน่าสงสารไปค่ะ

เหตุให้ต้องออกวิ่ง

มันเริ่มจากเราสุขภาพไม่แข็งแรงค่ะ เอิร์นเป็นโลหิตจางอยู่แล้ว เพิ่งมาเริ่มอยากวิ่งตอนอายุ 23 ค่ะ เมื่อก่อนอยู่กระทรวงสาธารณสุข คือสวนสาธารณะอยู่ข้างๆ ออฟฟิศเลยค่ะ คิดว่าวิ่งแล้วจะแข็งแรงขึ้น อยากวิ่งก็วิ่ง วิ่งแบบวิ่งเร็วสลับกับเดิน ไม่มีความรู้ ไม่มีทักษะอะไรเลย มันทำให้เราวูบ หน้ามืด ไม่สนุกกับการออกกำลังกาย พอวิ่งแล้วไม่สนุกก็ไม่มีใครอยากวิ่ง วิ่งแล้วบาดเจ็บ วิ่งแล้วเป็นลมคือเคยไปงานวิ่งงานหนึ่งแล้วเป็นภาระของเพื่อนมาก เป็นลมกลางงาน ต้องขึ้นรถพยาบาล เพื่อนต้องไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เพิ่งมาวิ่งแบบมีความรู้ แบบเข้าใจว่าวิ่งให้ถูกต้องวิ่งยังไงประมาณปีครึ่งที่ผ่านมาเองค่ะ

วิ่งแล้วดีจริงหรือ?

มันดีสองเรื่อง คือกายกับใจค่ะ อย่างร่างกาย เอิร์นเป็นโลหิตจาง แล้วโดยปกติคนเป็นโลหิตจางมักจะถูกทักว่าไม่ควรวิ่ง แต่จริงๆ แล้วควรค่ะ แต่วิ่งในระยะ ในความเร็วที่เราเข้าใจตัวเอง เราต้องรู้ว่าเราวิ่งได้ในระดับไหน สิ่งที่เราควรจะทำความเข้าใจก่อนคือตัวเราเองค่ะ อย่างเอิร์นเป็นโลหิตจาง ถ้าวิ่งเร็วเราจะวูบ ต้องวิ่งให้ช้าลง วิ่งให้เบาลง พอเราออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะเข้าใจตัวเองแล้ว โรคโลหิตจางของเอิร์นนี่ค่าเลือดใกล้จะเป็นปกติแล้วค่ะ มันเห็นผลได้ชัดมากๆ พอนานไปเราสามารถวิ่งในระยะที่ไกลมากขึ้น ได้นานมากขึ้น ความเร็วก็ค่อยๆ ทำได้ดีมากขึ้น แล้วเอิร์นจะคอยบอกกับเพื่อนๆ นักวิ่งทุกคนว่าจริงๆ เรื่องของระยะกับความเร็ว มันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดค่ะ แต่เราต้องคุยกับร่างกายตัวเอง เหมือนต้องค่อยๆ ไป อีกอย่างเมื่อก่อนเราจะอ้วนกว่านี้ค่ะ แต่ตอนนี้หุ่นดีมากขึ้น แถมมันยังทำให้เราอยากจะลองออกกำลังกายในรูปแบบอื่นๆ ต่อไปอีกด้วยค่ะ บางครั้งการวิ่งอย่างเดียวมันก็ไม่พอ เราก็เริ่มไปหาเครื่องมืออื่นๆ เช่น การต่อยมวย ปีนผา มันช่วยเสริมความแข็งแรงของเรา

ส่วนเรื่องจิตใจ คือในชีวิตประจำวันของเราเราจะเจอความวุ่นวาย เจอผู้คน เจอรถติด เจออะไรมากมาย มันทำให้เราสะสมความเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วมันก็น้อยมากที่เราจะมีโอกาสได้อยู่กับตัวเองนิ่งๆ แล้วคุยกับตัวเอง แต่เวลาวิ่งมันเป็นช่วงที่เราได้อยู่กับตัวเอง เราจะได้คุยกับตัวเองจริงๆ เพราะเมื่อเราตกผลึก ความคิดที่เรากังวลอยู่ เราจะกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีพลัง แล้วก็มีความสุขได้มากขึ้น มันทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นค่ะ

คำแนะนำสำหรับคนเริ่มอยากวิ่งเหมือนเอิร์น

เข้าใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ อย่าเพิ่งกระโจนเข้าไป วิ่งไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนเริ่มต้นแล้วจะมีความสุข บางคนเริ่มจากเดินก่อน เดินจนเข้าใจตัวเองว่าฉันพร้อมที่จะวิ่ง คือคนทุกคนไม่เหมือนกัน บางคนวิ่งได้เลยแล้วก็วิ่งได้ดี วิ่งได้ไกล วิ่งได้เร็ว แต่บางคนก็ไม่ได้ต้องเดินก่อน สำคัญคือเข้าใจตัวเองก่อน ทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเอง คนหนึ่งก็อย่างหนึ่ง อย่าไปบอกว่าจะเป็นเหมือนคนอื่น เราเป็นเหมือนเรา เราเป็นตัวเรา เรามีเป้าหมายของเรา เรารู้ตัวเราดีที่สุด อย่าทำอะไรให้เรารู้สึกว่ามันทุกข์ตั้งแต่แรก เพราะว่าเราจะทำมันได้ไม่นาน ให้ค่อยๆ เริ่ม เพราะถ้าเรามีความสุขกับสิ่งใดก็ตาม เราจะทำมันได้นานและต่อเนื่อง คนที่วิ่งได้เร็วและไกล ถ้าวันหนึ่งเขาไม่มีความสุขจริงๆ เขาก็จะหยุดค่ะ ค่อยๆ ไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง มีความสุขกับมัน ผลดีต่อสุขภาพมันทวีคูณมากกว่า ทุกคนเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้เสมอค่ะ เอิร์นเชื่อแบบนั้น