Inside Dara
หมอริท ปลื้ม คนชื่นชม ช่วยคนเกิดอุบัติเหตุ เผย คนทำดี ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอ

18 ก.พ. ที่ลานหน้า เกตเวย์ เอกมัย หมอริท เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช นักแสดงหนุ่ม มาร่วม ถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง แค่โสด เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง สิ้น3ต่อน จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องจอดรถลงไปช่วยคนบาดเจ็บ ที่ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถโม่ปูน เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

โดย ริท เผยว่า “ตอนนั้นติดไฟแดงอยู่ ก็กำลังกดกูเกิลแม็พก็ได้ยินเสียงตู้มขึ้นมา ที่ริทเห็นก็คือมอเตอร์ไซค์เข้าไปอยู่ใต้รถโม่ปูนแล้ว พอไฟเขียวมันมีที่จอดข้างๆ พอดีก็เลยรีบไปจอดข้างๆ ก็เดินลงไปดูมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะตอนแรกริทยังไม่เห็นคนไข้”

เราตั้งใจใส่แมสก่อนลงไปช่วย ?

“วันนั้นเพิ่งตรวจเสร็จพอดีก็เลยใส่แมสลงไปดีกว่า ก็ไม่อยากให้คนโฟกัสที่ริท อยากให้คนโฟกัสที่คนเจ็บมากกกว่าจะได้ช่วยกัน เหมือนเราเป็นคนแรกๆ ที่เข้าไป เพราะตอนนั้นก็มีพี่ๆ วินมอเตอร์ไซค์ หรือคนที่ผ่านไปผ่านมามุงดูอยู่ แต่เหมือนเขาน่าจะไม่เคยเจอเหตุการณ์ น่าจะตื่นเต้นทำตัวไม่ค่อยถูก ริทก็เลยเดินเข้าไปแล้วบอกว่า ขอโทษนะครับ ผมเป็นหมอขออนุญาตเข้าไปช่วย เขาก็บอกว่าดีเลยมีหมอมาพอดี ให้หมอช่วยดูแล้วกัน ริทก็ดูเบื้องต้น ตอนแรกมองด้วยตาก่อนเขายังโอเคอยู่ ก็เลยบอกคนข้างๆ ให้ช่วยโทร 1669 ให้หน่อย ริทคนเดียวไม่น่าไหว เพราะริทไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย ระหว่างนั้นริทก็ไปประเมินคนไข้รอดูการหายใจ ดูชีพจร ดูการเลือดออก แล้วก็เห็นขาที่ผิดรูป ก็ช่วยได้แค่เบื้องต้น”

ตอนนั้นเราประเมินว่าร้ายแรงขนาดไหน ?

“ตอนนั้นคนไข้มีสติดี พูดได้ ชีพจรค่อยๆ ต่ำลง ซึ่งตอนนั้นริทไม่ได้เห็นเลือดออกเยอะ แต่คิดว่าขาเขาผิดรูปเยอะอาจจะมีเลือดออกข้างใน และอากาศก็ร้อน อาจจะช็อกได้ ริท ก็คิดในมุมที่รุนแรงไว้ก่อน ก็เลยยังไปไหนไม่ได้ จึงอยู่ตรงนั้นรอให้รถกู้ภัยกับรถพยาบาลมา”

เป็นครั้งแรกไหมที่เจอเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ ?

“จริงๆ ริทเคยเจอแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่จะมีรถพยาบาลและกู้ภัยมาแล้ว ริทก็จะไม่ได้ลงไป เพราะเขามีทีมแพทย์ที่อุปกรณ์ครบแล้ว แต่อันนี้ริทน่าจะเป็นหมอที่เร็วที่สุด ที่เข้าไปตรงนั้นได้ ซึ่งริทไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย ถุงมือริทก็ไม่มี แต่เราก็ลงไปก่อนแล้วกัน เผื่อมันมีอะไรที่ร้ายแรงที่สุด เช่น ต้องปั๊มหัวใจ หรือการช่วยชีวิตที่รุนแรง ริทจะได้ช่วยได้ตรงนั้นเลย ถามว่าริทตื่นเต้นมั้ย ก็ตื่นเต้น เพราะปกติริทไปกับรถพยาบาล จะมีอุปกรณ์ มีทีมทุกอย่าง เตรียมตัวไป รู้เคสก่อนหน้าแล้ว แต่อันนี้เราไม่รู้อะไรเลย เดินลงไปริทก็สั่นเหมือนกัน แต่ก็บอกตัวเองว่า เอาว่ะ ตอนนั้นผิดถูกไม่เป็นไร ขอแค่ช่วยเขาก่อน”

ได้ติดตามหลังจากนั้นไหม ว่าคนป่วยเป็นอย่างไรบ้าง ?

“ไม่ได้ติดตาม เพราะพอหลังจากจบเหตุการณ์ส่งเขาไปโรงพยาบาล ก็เหมือนเสร็จหน้าที่ของเราแล้ว เลยไม่ได้ตามว่าเขาเป็นยังไงต่อ”

มีเสียงชื่นชมเราเยอะมากรู้สึกอย่างไรบ้าง ?

“ขอบคุณมากเลย ขอบคุณที่คนแชร์ ตอนแรกริทก็ช่วยๆ เขาอยู่ แล้วก็ได้ยินเสียงคนมาพากย์เหตุการณ์อยู่ข้างหลัง ริทก็หันไปมองดู อ๋อ ปรากฏเขามีไลฟ์สด ริทไม่รู้เขามาจากไหน ก็เลยคิดว่าคงมีคนข้างนอก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นกระแสมีคนแชร์เยอะขนาดนี้ ขอบคุณที่ช่วยแชร์ แต่ว่าสิ่งที่ริทอยากให้เห็นก็คือ ถ้าเกิดเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ ริทว่าเราเข้าไปแสดงความช่วยเหลือกันก่อนดีกว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอ ไม่ต้องมีความรู้เยอะก็ได้ แต่เข้าไปช่วยเท่าที่เราช่วยได้ อย่างคนรอบข้างวันนั้น บางคนเข้าไปช่วยกั้นถนน ไม่ให้คนเจ็บได้รับบาดเจ็บเพิ่ม หรือบางคนช่วยกางร่ม ช่วยพัด ง่ายๆ ก็ได้ ใครที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ถือว่าช่วยได้หมดครับ”

ตอนนี้เราอยู่ในทำเนียบคุณหมอหล่อใจดี ?

“โอ้โห (หัวเราะ) ก็ขอบคุณมากเลยครับ ริทว่ามันเป็นความบังเอิญมากกว่า อย่างที่บอกเป็นใครเจอแบบนี้ก็ควรช่วย ไม่ควรชื่นชมแค่ริท แต่เป็นสิ่งที่ควรทำ เป็นสัญชาตญาณที่ควรทำครับ”

เราเองก็สุขใจที่ได้ทำ ?

“สุขใจครับ ดีใจ และขอบคุณทุกคน ที่มองเห็นคุณค่าของการทำดี จริงๆ ทุกคนทำดี ก็ไม่มีใครจะไปหวังผลอะไรหรอก แต่พอเขาทำดีไปแล้ว เขาได้รับคำชื่นชม หรือได้รับสิ่งตอบแทน ที่มันชื่นใจแบบนี้ ใครก็อยากทำดี คนอื่นเห็นเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าเกิดแบบนี้ครั้งหน้า คนก็อยากทำดีครับ น่าจะเป็นตัวอย่างในด้านนี้มากกว่า”

ต่อข้อถามถึงเรื่องได้ทุนเรียนต่อไปถึงไหนแล้ว ?

“อ๋อ ไม่ครับ ตอนนี้ริทออกมาเรียนอีกรอบนึง เป็นสาขาผิวหนังและความงาม เรียนไปจะครบ 1 ปีแล้ว แต่ต้องเรียนทั้งหมด 2 ปี ก็ยังเรียนที่ธรรมศาสตร์เหมือนเดิม ที่เรียนต่อด้านนี้เพราะ ตอนแรกริทไปใช้ทุนด้านอายุรศาสตร์ แต่ริทรู้สึกว่างานค่อนข้างหนักและริทต้องทำงาน 2 อย่างไปด้วยกัน มันค่อนข้างบั่นทอนสุขภาพเยอะ เลยคิดว่าด้านนั้นน่าจะไม่เหมาะสมกับริท ถ้าริทเลือกทำงาน 2 อย่างคือ อยากเป็นหมอด้วยและทำงานในวงการบันเทิงด้วย ริทต้องเลือกอะไรที่มันสามารถไปด้วยกันได้ ริทก็เลยเลือกออกมาเรียนต่อกับอะไรที่มันเบาลงและมีวิชาชีพให้ตัวเอง”

จะเปิดเป็นคลินิกไหม ?

“ก็คิดว่าจะเปิดคลินิกในอนาคตด้วยเหมือนกัน คิดไว้หลังเรียนจบก็จะทำคลินิกของตัวเอง ตอนนี้ก็กำลังทำอยู่ เป็นบ้านหลังนั้นที่เพิ่งซื้อที่กรุงเทพฯ เป็นโฮมออฟฟิศ ก็กำลังวางแผนเตรียมการอยู่ว่าจะใช้เป็นที่อยู่และเป็นคลินิกในอนาคตครับ เพราะเราก็เรียนมาต้องเริ่มใช้วิชาความรู้จริงๆ บ้างแล้ว”

พอมีคนแชร์เรื่องของเรามากๆ ตอนนี้โตโน่ก็ทำโครงการเก็บรักษ์ คนเลยคิดว่าจะมีอะไรที่เชื่อมโยงถึงเราบ้างไหม ?

“ของพี่โน่เขาทำดีตลอดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีสื่อหรือไม่มี เพราะเขาเป็นคนคิดดี ทำดี ริทว่าทุกคนต้องชื่นชมเขาอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ของริทมันคนละเรื่องกันมันเทียบกันไม่ได้ พี่โน่เขาทำเสมอต้นเสมอปลาย เขามีความสุขที่เขาได้ทำแบบนี้ ส่วนของริทเป็นแค่เหตุการณ์บังเอิญ ก็แค่ช่วยตามสัญชาตญาณมนุษย์เฉยๆ ซึ่งจริงๆ ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนอะไรอยู่แล้ว”

เราอยากจะทำโครงการอะไรบ้างไหม ?

“ถ้าเป็นโครงการเลย ตอนนี้ริทยังไม่มีครับ เพราะว่าอย่างที่บอกตอนนี้ริทเรียนต่อ แล้วต้องตรวจคนไข้ด้วย มีงานวงการบันเทิงด้วย เลยคิดว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมครับ”

ถ้าโตโน่ชวนไปช่วยก็ไปได้ ?

“พี่โน่เขาก็ส่งเข้ามาในกรุ๊ปว่าจะไปช่วยตรงนั้นตรงนี้ เราก็ติดตามจากโซเชี่ยล และชื่นชมเขา คือ ก็อึ้ง และยอมใจเขาเหมือนกัน ที่เขาเสียสละและทำดีเพื่อสังคม จริงๆ เขามีคิวคอนเสิร์ตประจำเลยนะ เวลาส่วนตัวค่อนข้างน้อย แต่เขาเลือกที่จะเอาเวลาส่วนตัวของเขาไปช่วยสังคมแบบนี้ทุกคนต้องชื่นชมเขา แบบนี้แหละควรชื่นชมจริงๆครับ”