Inside Dara
“แพทริเซีย-ธัญชนก กู๊ด” อัปเกรดเวอร์ชันแซ่บ ใน “ปมเสน่หา”

อัปเกรดเวอร์ชันใหม่ นางเอกสาว “แพทริเซีย-ธัญชนก กู๊ด” ณ วันนี้ เติบโตทั้งงานแสดงและชีวิต!!!

ห่างหายจากหน้าจอละครไป 3 ปี คัมแบ็กทีก็มาแบบพลิกบทบาทครั้งสำคัญในชีวิต!! นางเอกสาว “แพทริเซีย-ธัญชนก กู๊ด” อัปเกรดการแสดง “ปมเสน่หา” ละครโรแมนติกดราม่าสุดร้อนแรงแห่งปี ผลงานละครเรื่องแรกกับทางช่อง 3 ของผู้จัด เมย์–ปทิดา กำเนิดพลอย แห่งค่ายโชว์อิท จำกัด กับความแซ่บสุดลึกของบทบาท ดร.ปาริฉัตร ไลฟ์โค้ชคนดังที่ “แพทริเซีย” ขอทุ่มสุดตัว!! และยังอัปเกรดความเซ็กซี่ พร้อมมองโลก มองรักอย่างเข้าใจ!!

กับบทนี้ “แพทริเซีย” เล่าว่า “เป็นการเปลี่ยนลุคเป็นผู้หญิงที่แรงที่สุดในชีวิตตั้งแต่ที่เคยเล่นละครมา พลิกบทบาทเป็นผู้หญิงเก่ง สวย เซ็กซี่ มั่นใจในตัวเอง ต้องปรับบุคลิกสีหน้าท่าทางต่างๆ ก็ต้องทำการบ้าน ตีความบทในแต่ละฉาก ผู้กำกับ พี่วุ้น-ทรงศักดิ์ แล้วก็ผู้จัด พี่เมย์ รวมทั้งพี่เกรท-วรินทร พระเอกช่วยเยอะ ต้องพยายามปรับน้ำเสียง การพูดการจา ช้าๆชัดๆทุกอย่าง ทำยังไงให้ปาริฉัตรดูเป็นผู้หญิงลึกลับเข้าถึงยาก ให้คนที่เข้ามาหาไม่รู้เราคิดยังไง เราจะดีหรือร้าย ยอมรับว่าแอบขัดใจเหมือนกันเพราะตัวตนของแพทเป็นคนพูดเร็วทำเร็ว แล้วต้องมาบังคับให้ตัวเองพูดช้าๆชัดถ้อยชัดคำ

กดดันตั้งแต่แรก พอ เมย์-ปทิดา ผู้จัดถามว่ามาเล่นได้มั้ย สนใจมั้ย เราก็บอกว่าขอลองอ่านขอไปเวิร์กช็อปก่อน พอไปเวิร์กช็อปสองสามครั้งเลยสงสารตัวละครนี้ แล้วเรารู้สึกอยากเล่นจริงๆอยากถ่ายทอดทุกอารมณ์ของเค้า เพราะเป็นคนชอบร้องไห้ด้วยเลยมีความสุขมากในการได้เล่น ทั้งฉากดราม่าทั้งฉากเชือดเฉือนไม่คิดว่าจะทำได้ ไม่เคยคิดว่าจะสู้สายตา โยเกิร์ต-ณัฐฐชาช์, แพร์-พิชชาภา ที่เป็นเจ้าแม่ตัวร้าย ท้าทายฝีมือมากๆจริงๆ และต้องเป็นไลฟ์โค้ช ยากพอสมควร ต้องเป็นคนบิลต์คนได้ เรื่องนี้ถือว่าได้เล่นบทฟาดฟันสู้คนแบบจริงๆจังๆ

ส่วน “เลิฟซีน” สุดเร่าร้อน “แพทริเซีย” ยอมรับว่าเปลืองตัวมาก ไม่เคยเล่นเลิฟซีนขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่แสดงละครมา ไม่คิดว่าจะได้มาเล่นอะไรแรงขนาดนี้ แต่ผู้จัดเชื่อในตัวเรา เลิฟซีนกับ เกรท-วรินทร และ ท็อป-จรณ กับเกรทมีทั้งจูบแรกที่เพิ่งรักกันก็จะสวีต มีตอนเริ่มทะเลาะกันแล้วจูบกัน ด้วยความดุเดือดนิดนึง แล้วก็จะมีต้องเลิกกัน จากลากันแล้วร้องไห้ทั้งน้ำตาทุกครั้งที่มีเลิฟซีนมันก็มีความหมายและมันก็ถึงเวลาในการดำเนินเรื่อง ถ้าคนดูได้ดูตั้งแต่ตอนแรกก็จะรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล กับพระเอกคมเข้ม เกรท-วรินทร ขอชื่นชมว่าน่ารักมาก เฟรนด์ลีสุดๆ มีความกันเองสูงมาก ช่วยเหลือตลอด แชร์กันพูดคุยกันทุกอย่าง ทำให้ทำงานง่ายขึ้น รวมทั้งเรื่องนี้ได้เปลี่ยนลุคดูสวยแพงเซ็กซี่ เรียกว่าคนดูจะได้เห็น “แพทริเซีย” ในอีกเวอร์ชัน ได้เห็นการแสดงที่เติบโตและพัฒนาขึ้นจริงๆ

พอเปลี่ยนลุคส์มีทั้งคนถูกใจและคนไม่เห็นด้วย “แพทริเซีย” ยอมรับและเข้าใจ โตแล้วแซ่บได้ ก็ต้องแซ่บบ้าง ไม่อย่างนั้นก็สู้คนอื่นไม่ไหวจริงๆ เราต้องได้หลายลุคหลายแบบจริงๆในการเป็นนักแสดง กับการที่มีคนบอกว่าไม่ชอบเลย เมื่อก่อนน่ารักกว่านี้ เผยมุมมองว่า “เข้าใจแหละเป็นความชินของภาพบทต่างๆ ที่เราเคยเล่น ถ้าคนดูลองเปิดใจได้ดูเรื่องนี้ก็จะชอบเหมือนกันและหน้าที่นักแสดงจะต้องเล่นได้หลายบทบาท เราโตแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องโชว์ศักยภาพให้คนดูรู้ว่าเราจริงจังกับงานเราแค่ไหน ไม่ใช่ว่าทำเล่นๆ หรือเป็นงานอดิเรก แต่นี่คืออาชีพเราที่เราก็จริงจัง ที่ผ่านมาแค่รู้สึกว่าเหมือนตัวเองยังอยู่ในกรอบ แล้วได้ทำอะไรเดิมๆไม่ได้พุชตัวเองเลยคิดว่าจะทำอาชีพนี้ต่อไป ถ้าเราจริงจังกับมันและรักมันทำไมเราไม่โชว์ศักยภาพของเราออกมา เลยรู้สึกว่า ถ้ามีโอกาสดีๆอย่างนี้แล้วเราต้องคว้าเอาไว้ รู้สึกว่า เหมือนไฟการแสดงกลับมาแล้ว

ลุคส์ในชีวิตจริง “แพทริเซีย” ยอมรับว่ามีหลายคาแรกเตอร์อยู่แล้วขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่กับใคร รู้สึกว่า การที่ได้เติบโตมาในวงการบันเทิงทำงานมาตั้งแต่เด็กมันทำให้เราโตกว่าเพื่อนในวัยเรา เรามีความเป็นผู้ใหญ่กว่าในมุมทำงานเร็ว แต่ในเวลาเดียวกัน บางทีเราก็ยังมีมุมง้องแง้งแบ๊วๆ แค่รู้สึกว่าการที่เราเล่นบทเดิมๆบทที่ดูเด็กดูอินโนเซ้นส์ อาจจะทำให้คนคาดหวังว่าเราต้องเป็นเหมือนภาพที่เค้าเห็นเราในจอ เค้าไม่ได้สัมผัสตัวตน เราจริงๆ

ส่วนมุมมองชีวิตการทำงานก็เปลี่ยนไปเยอะตามวัยที่เติบโต ตอนนี้ “แพทริเซีย” อยากพิสูจน์ตัวเองด้านการแสดงด้วยผลงานที่หลากหลายมากขึ้น มันถึงเวลาลุยงานเต็มที่แล้ว เริ่มคิดทำธุรกิจ พอการแข่งขันสูงทุกอย่างเปลี่ยนเร็วมาก มีแพลตฟอร์มเปลี่ยนไปตามยุคสมัยก็พยายามปรับตัว พยายามทำในสิ่งที่เราชอบ แค่เรามีความสุขในสิ่งที่ทำก็ชนะไปกว่าครึ่งแล้ว

กับเรื่องราว “ความรัก” ครั้งก่อนเหมือน กับเจอมรสุมที่ทำให้แกร่งกล้ามีภูมิมากขึ้น “แพทริเซีย” เปิดมุมมองว่า “2-3 ปีที่ผ่านมา หลังจากมีเรื่องมีราวเยอะแยะไปหมด คนจะบอกว่าไม่ชอบแพทเหมือนเกลียดไปแล้ว บางจุดในชีวิตมันก็คงเป็นแค่ภาพติดตาหรือว่าความคาดหวังจากคนดูที่เค้าเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วพอมาถึงจุดหนึ่งเราอาจจะเป็นตัวของตัวเองเราอาจจะโตเต็มที่ อยากทำนู่นทำนี่ คนดูอาจจะมีความคิดที่มันลบไปแล้ว หลังผ่านเรื่องราวต่างๆเข้าใจโลกมากขึ้นว่าคนมีหลายรูปแบบมาก เมื่อก่อนหนูเป็นคนค่อนข้างมองโลกในแง่ดี จะไม่ค่อยคิดเยอะ ทำอะไรตรงๆ พอโตขึ้นเรารู้สึกว่าทุกอย่างมันต้องคิดเยอะกว่านี้ การทำงานในวงการหรือไม่ว่าอาชีพอะไรก็ว่าการแข่งขันมันเยอะ เราจะทำยังไงให้เราอยู่ได้เป็นที่จดจำ ทุกอย่างมันสอนหนูหมด หนูโชคดีมากที่มีโอกาสยังทำงานตรงนี้อยู่และได้รับบทดีๆ

ส่วนความรัก ณ วันนี้ กับหนุ่ม “โน้ต-วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์” ที่ยังจับมือกันผ่านทุกดราม่ามาเกือบ 3 ปี และเดินหน้ามองไปถึงอนาคต หนุ่ม “โน้ต” เริ่มถึงวัยพร้อมสร้างครอบครัว แต่ “แพทริเซีย” ในวัย 25 ปี ยังอยากทำตามฝันในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจ และรอเวลาที่ตัวเองมั่นใจและเติบโต กับความรักที่อยู่ในสปอตไลต์ตลอดเวลา ถามว่ามีมุมแอบกดดันบ้างมั้ย แพทริเซียเผยว่า การที่ไม่ลงรูปหรือเปิดอะไรขนาดนั้น ก็ทำให้คนไม่ได้จับตามองขนาดนั้น แต่แพทกับโน้ตไม่ได้เอาตรงนี้มาเป็นแรงกดดันเลย ทำในสิ่งที่เราสบายใจ สิ่งที่เรามีความสุขก็พอแล้ว จริงๆคู่เราไม่ได้เป็นคู่สวีตอะไร ใช้ชีวิตปกติ ถ่ายได้อะไรได้ มุมสวีตๆเราก็ไม่ได้ลง.