Inside Dara
เคล็ดลับ “แอน” เจ้าหญิงวงการทำตัวให้มีค่าในทุกช่วงชีวิต

แอนอยู่ในยุคที่ติดเพดาน กำลังจะเดินลงแล้ว ...เราจะต้องประคองตัวเองให้อยู่อย่างมีประโยชน์ ไม่ได้หมายความอยู่อย่างโด่งดังนะคะ ฉันอาจจะไม่ได้ดังที่สุดในยุคนี้ แต่ฉันก็มีประโยชน์ในแบบของฉัน...

เป็นอีกหนึ่งนางเอกคุณภาพแถวหน้าของวงการสำหรับแอนทองประสมเจ้าของฉายา“เจ้าหญิงแห่งวงการ”ที่ตอนนี้ขอผันตัวมาเป็นผู้จัดฯแถม“สามีตีตรา”เรื่องที่เธอเป็นผู้จัดฯล่าสุดก็กำลังโด่งดังได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากงานนี้“ดาวต่างมุม”เลยไม่รอช้ารีบขอนัดพูดคุยกับเธอทันทีใครอยากรู้จักตัวตนของผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้นพร้อมไขความสำเร็จทั้งเรื่องงานและหัวใจกับ“เอ-ทินพันธ์ตันตินิรันดร์”ห้ามพลาดแม้แต่บรรทัดเดียว

รู้สึกยังไงบ้างที่“สามีตีตรา”ฟีดแบ็กแรงขนาดนี้?

“ดีใจหายเหนื่อยเพราะว่าเราก็ทำงานมาหนักพอคนดูชอบก็ได้ตามเป้าที่อยากได้จริงๆเราเป็นผู้จัดฯใหม่ยังเดาอะไรไม่ได้ว่ารสชาติแบบนี้คนดูจะชอบรึเปล่าแต่ณตอนที่ทำบทและถ่ายทำเราคิดกันอย่างละเอียดและเต็มที่แล้วคือ“กะรัต”เวอร์ชั่นพลอยแตกต่างจากที่แอนเคยเล่นกะรัตในแบบพลอยจะมีความกุ๊กกิ๊กขี้เล่นและเบากว่ากะรัตในเวอร์ชั่นของแอนเพราะแอนจะเป็นแบบจริงจังหนักหน่วงซึ่งเวอร์ชั่นที่แอนเป็นผู้จัดฯก็จะถูกติติงในด้านนี้แหละที่ยังทำแล้วดูไม่มีมิติเท่าของเดิมที่เขาทำไว้ดีมากอยู่แล้วจริงๆมันเหมือนคนละสีนะถ้าเวอร์ชั่นเก่าเป็นสีแดงเวอร์ชั่นนี้ก็จะะเป็นสีส้มเพราะด้วยนิสัยแอนชอบความกุ๊กกิ๊กก็จะมีความน่ารักเพิ่มขึ้นมาซึ่งแอนได้เรียนรู้และได้เห็นอะไรใหม่ๆจากเรื่องนี้เยอะทีมงานและนักแสดงก็เป็นครูให้แอนเยอะเหมือนกันสำหรับทุกคนที่ชื่นชมแอนต้องขอขอบคุณมากๆบางคนติมาคือแอนอ่านแล้วก็รู้เราไม่ได้โง่พอที่จะไม่รู้ว่าอันนี้ที่เขาติคือเขาพูดจริงนะมันเป็นเพราะเราพลาดตรงนั้นจริงๆเราก็เอามาแก้ไขแอนไม่เคยโกรธคำติเลยและต้องขอขอบคุณคือคนเราจะมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเสียเวลาพิมพ์เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเขาและเขาแนะนำมาควรทำแบบนี้เราก็ควรที่จะรู้สึกยินดีพอเราเห็นคนอื่นมาติเพื่อก่อให้เราแบบนี้เราก็เอามาปรับใช้แต่สิ่งที่คุณชมหรือปรบมือให้เราขอขอบคุณจริงๆแอนชอบให้คนชมถ้าแอนทำดีแล้วก็ชมมาเลยเพราะมันเป็นกำลังใจสำหรับคนทำงานค่ะ”

ถามถึงละคร“อย่าลืมฉัน”และ“แอบรักออนไลน์”ที่เราแสดงบ้าง?

“สำหรับ“อย่าลืมฉัน”ถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะน่าจะได้เห็นกันเร็วๆนี้สิ่งที่แอนชอบอย่างหนึ่งในเรื่อง“อย่าลืมฉัน”คือเขาเปลี่ยนบุคลิกของแอนให้เป็นคนที่เย็นและนิ่งใจแข็งมากเป็นผู้หญิงธรรมดาจริงๆซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้เห็นแอนในลุคนี้ส่วนละคร“แอบรักออนไลน์”ซึ่งจะเป็นละครแนวเบาๆไม่มีอะไรซับซ้อนมากเป็นความรักของคนทำงานที่มีความฝันอยากได้ผู้ชายดีๆสักคนแต่ไม่ค่อยมีผู้ชายดีๆผ่านมาแล้ววันหนึ่งเราก็ได้รับมิตรภาพจากผู้ชายคนหนึ่งแต่ดันเป็นเด็กกว่ามันเป็นรักต่างวัยเราแอบแชตหากันโดยไม่เปิดเผยตัวเองจะเป็นแนวคอมเมดี้กลางๆแต่โทนเรื่องเป็นแนวโรแมนติกมากกว่าตลกค่ะ”

การเป็นนักแสดงกับการเป็นผู้จัดฯมีความเหมือนหรือต่างกันยังไง?

“เป็นนักแสดงก็รับผิดชอบแค่ตัวเองเราตีความเล่นไปตามบทที่เราได้รับแต่การเป็นผู้จัดฯมันเหนื่อยกว่าอีก20เท่าเลยต้องเตรียมเรื่องเสนอช่องคัดเลือกตัวนักแสดงตัวทีมงานดูแลบทดูแลจิตใจทีมงานระหว่างทำงานไปจนถึงตัดต่อมันทำไม่หยุดเลยค่ะซึ่งหลังจากที่เราเป็นนักแสดงมาก่อนก็มีส่วนช่วยในการเป็นผู้จัดฯตรงที่ทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้นเราจะรู้ว่านักแสดงคิดอะไรการเป็นผู้จัดมันสอนให้เราเข้มแข็งรู้จักประนีประนอมปล่อยวางในทุกอย่างเราต้องยืดหยุ่นคือมันสอนด้านจิตใจงานผู้จัดมันฝึกความอดทนสูงสุดจริงๆค่ะเราไม่ได้ผลิตปลากระป๋องที่เข้าโรงงานแล้วปั๊มเป็นผลิตภัณฑ์แต่ละครมันเป็นศิลปะที่ใช้อารมณ์ปั้นออกมาฉะนั้นมันค่อนข้างมีความละเอียดในเรื่องของอารมณ์สูงเราต้องสร้างบรรยากาศกองของเราให้มีความสุขคือเรื่องการใส่ใจความรู้สึกคนในกองแอนว่ามันจำเป็นนะแต่บางครั้งแอนก็ควบคุมไม่ได้ทั้งหมดแค่มีความปรารถนาให้อยู่ในกองแอนแล้วมีความสุขอย่าง“สามีตีตรา”แอนก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีขนาดนี้แต่จริงๆแอนต้องยอมรับของเก่าที่เขาทำได้ดีมากและแอนก็ต้องยึดแกนหลักของเขามาดำเนินเรื่องดังนั้นแอนก็ต้องให้เครดิตงานเก่าของพี่ดา-หทัยรัตน์ด้วยว่าเขาทำให้แอนเห็นภาพตัวละครชัดเราจะเคลมว่ามันเป็นความสำเร็จของเราร้อยเปอร์เซ็นต์เลยก็คงไม่ใช่มันขึ้นอยู่กับหลายๆอย่างทั้งนักแสดงคนเขียนบทผู้กำกับทีมงานแอนไม่กล้ารับว่ามันเป็นความดีของแอนคนเดียวเพราะเรารู้อยู่ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรค่ะ”

อยู่วงการมา25ปีมองตัวเองณตอนนี้คิดว่าแตกต่างจากตอนที่เริ่มเข้ามาใหม่ๆมากน้อยแค่ไหน?

“ทุกอย่างมันก็เรียนรู้ไปตามวัยและจำนวนปีที่มันเกิดขึ้นลองผิดลองถูกทุกวันจริงๆเราพลาดบ้างดีบ้างแต่โดยรวมแอนก็ว่าได้เรียนรู้เยอะเลยทีเดียวสิ่งที่โดดเด่นเลยคือแอนได้เรียนรู้มิตรภาพแอนรู้สึกว่าคนในวงการเป็นคนน่ารักเป็นอาชีพที่มีเสน่ห์เราเข้ามาก็มีความสุขเรื่องเงินทองก็ให้เราดีแต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องแลกมาด้วยความพยายามอย่างสุดชีวิตเหมือนกันถือว่าแอนโชคดีที่ได้เข้ามาอยู่ในอาชีพนี้ดีกว่าที่จะให้แอนไปทำงานประจำแอนคงไม่ชอบและแอนโชคดีตรงที่ว่ารู้จักตัวเองเร็วรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรเลยเริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ13เราได้อยู่ในสายงานที่รักไม่ต้องไปหลงทางนานค่ะ”

ถูกยกให้เป็น“เจ้าหญิงของวงการบันเทิง”และฉายานี้ก็อยู่คู่กับแอนมาอย่างยาวนาน?

“แอนดีใจนะคะที่คนเขายังเอ็นดูเราแอนอาจจะไม่ใช่สาวป๊อปปูลาร์มากมายแต่ด้วยความที่เราอยู่มานานคนก็เลยให้ความเอ็นดูไม่เกลียดเราแค่นี้แอนก็มีความสุขแล้วคำว่า“เจ้าหญิง”ไม่ได้ทำให้เรากดดันในการใช้ชีวิตเลยเพราะช่วงชีวิตคนมันมียุคของมันมียุคบุกเบิกเราต้องมีกลยุทธ์ยังไงที่ทำให้คนสนใจเลือกเราใช้งานพอมายุคของการแข่งขันเราก็ต้องรู้ว่าต้องปรับตัวยังไงคนรู้จักเราแล้วแต่เราต้องแข่งกับคนที่เบอร์เดียวกับเราจะทำยังไงให้คนเชื่อว่ามาตรฐานเราไม่แพ้คนนี้แล้วก็มียุคติดเพดานที่เราต้องคิดว่าเราจะอยู่ยังไงสุดท้ายมันก็จะมียุคตกต่ำแอนเชื่อว่าชีวิตคนมันเป็นแบบนี้แอนอยู่ในยุคที่ติดเพดานกำลังจะเดินลงแล้วแอนก็ต้องอยู่ให้ได้คือมันเป็นยุคคูล

ดาวน์ที่ค่อยๆลงมาเราได้รับทุกอย่างมาแล้วและเราจะต้องประคองตัวเองให้อยู่อย่างมีประโยชน์ไม่ได้หมายความอยู่อย่างโด่งดังนะคะฉันอาจจะไม่ได้ดังที่สุดในยุคนี้แต่ฉันก็มีประโยชน์ในแบบของฉันมันเหมือนมีตะปู4แบบทั้งไซซ์เล็กกลางใหญ่และซูเปอร์ใหญ่และถ้าคนต้องการรูที่ต้องใช้ตะปูซูเปอร์ใหญ่เขาก็ต้องเรียกตะปูอย่างเราไปใช้งานคือไม่ว่าเราจะอยู่จุดไหนและในตอนนี้จะมีใครที่เป็นตะปูกี่ขนาดก็ตามแต่เชื่อเถอะว่ายังมีคนต้องการตะปูไซซ์อย่างเราไปใช้งานฉะนั้นทำตัวให้มีค่าไว้หมายถึงทำตัวให้พร้อมที่เขาจะเรียกเราไปใช้งานเติมเต็มธุรกิจให้กับเขาแอนเชื่อว่ายังไงเราก็อยู่ได้แอนไม่ได้มายึดติดกับคำว่า“เจ้าหญิง”แต่แอนก็ดีใจที่ได้รับคำนี้มามันเหมือนคนให้เกียรติเราค่ะ”

มีไอดอลในดวงใจบ้างมั้ย?

“จริงๆมันมีหลายอาชีพที่แอนมองเป็นไอดอลเราก็หยิบเอาความสำเร็จของบางคนมาปรับใช้ส่วนใหญ่แอนจะชอบอ่านชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดแล้วเขาเข้าใจโลกแล้วว่าจะอยู่ยังไงคือทำงานได้เงินและมีความสุขไอดอลแอนจะเป็นคนประเภทที่เข้าใจชีวิตมากกว่าคนที่ประสบความสำเร็จอย่างบ้าคลั่งรวยแต่ไม่มีเพื่อนแอนไม่เอาค่ะมันดูโดดเดี่ยวแอนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร”

มีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้อยู่ในวงการได้อย่างยาวนานและมั่นคงขนาดนี้?

“มันขึ้นอยู่กับหลายอย่างหนึ่งเราต้องทำตัวให้มีประโยชน์อยู่เสมอสองเราอาจจะมีเพื่อนฝูงที่เขายังรักเราสามเรามีผู้ใหญ่ที่เขาเอ็นดูเมตตาให้โอกาสเราสี่เรายังมีประชาชนที่ยังต้อนรับแอนมันคุ้มค่าแล้วนะที่แอนได้มา”

คิดว่าในจุดที่ยืนตัวเองประสบความสำเร็จแล้วรึยัง?

“มันแล้วแต่โจทย์นะเหมือนเราทำโปรเจคท์นี้แล้วเราได้คะแนนเท่าไหร่คือทุกอย่างมันเป็นโปรเจคท์ไม่มีอะไรที่อยู่คงทนถาวรแอนเป็นคนเชื่อเรื่องกราฟชีวิตมากคนเรามันต้องเริ่มจากพื้นดินพอเราทำอะไรเราก็ต้องมีแรงดีดตัวเองแล้วก็ทะยานตัวเองขึ้นไปสูงแค่ไหนไม่รู้แต่มันต้องมีแรงส่งพอถึงเวลาที่กราฟเราติดเพดานมันก็มีช่วงที่เราทิ้งตัวดิ่งลงมาแล้วเซตอัพตัวเองใหม่เพื่อขึ้นไปอีกครั้งดังนั้นงานทุกอย่างเราอย่าไปยึดติดว่าเราทำไม่ดีแล้วมันจะไม่ดีไปตลอดหรือว่าเราทำดีแล้วมันจะดีขึ้นไปอีกมันไม่มีบุญบารมีเก่ามาช่วยในโปรเจคท์ใหม่ทุกอย่างถูกล้างไพ่เคลียร์ไปหมดต่อให้แอนทำละครเรื่องใหม่ความสำเร็จของ“สามีตีตรา”มันไม่ได้ถูกดึงไปใช้ในละครเรื่องนั้นแอนก็ต้องวัดดวงกับเรื่องใหม่ของแอนไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุดถ้าเราทำใจตัวเองยอมรับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เราจะเสียใจเราต้องปล่อยวางและว่ากันเป็น จ๊อบๆไปคือการเริ่มต้นงานทุกชิ้นแอนไม่ได้คิดอะไรมากแค่คิดว่าเราต้องทำให้มันดีที่สุดค่ะ”

“แอนทองประสม”ในเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เป็นดาราเหมือนหรือต่างจากในจอบ้างมั้ย?

“ไม่เหมือนหรอกแอนอยู่บ้านแอนก็เป็นเด็กธรรมดาลูกทุ่งๆอยู่ง่ายเหมือนคนทั่วไปแอนว่านักแสดงทุกคนมีพื้นฐานของความเป็นชาวบ้านเพียงแต่พอเรามาอยู่ในสเตตัสที่ตัวเองต้องยืนมันก็ถูกตกแต่งให้เป็นสตาร์อย่างแอนเข้าวงการมาแอนก็ปรับตัวตลอดเวลาเป็นตัวของตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ในวงการนี้เพราะว่าเราต้องยืนอยู่และประสานสอดคล้องคนอื่นการเป็นนักแสดงต้องทำตัวเหมือนดินน้ำมันที่พร้อมให้ใครปั้นเราเป็นอะไรก็ได้หรือเป็นน้ำที่เขาจับเราอยู่ในภาชนะแบบไหนเราก็ไปในตามรูปทรงของภาชนะนั้นแต่สุดท้ายเราก็ยังคงความเป็นดินน้ำมันหรือน้ำอยู่ดีเพราะฉะนั้นคนเป็นนักแสดงต้องเป็นคนที่มีจิตใจยืดหยุ่นสูงมากแต่ก็อย่าถึงขั้นเสียจุดยืนของตัวเองคือเราไม่ต้องถึงขั้นไปเฟกแต่ถ้าอยากอยู่ในวงการได้นานเราก็ต้องปรับตัวหน่อยค่ะรู้จักใจเขาใจเราอย่างเล่นละครกับเพื่อนนักแสดงซีนนี้ของของเขาเราก็อย่าไปขโมยซีนยอมถอยมาเป็นผู้ซัพพอร์ตบ้างไม่จำเป็นต้องเด่นตลอดเล่นละครมันเล่นคนเดียวไม่ได้มันเหมือนเล่นฟุตบอลต้องเป็นทีมค่ะ”

ความรักกับ“เอ”คบมายาวนานถึง13ปีตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

“แฮปปี้ดีมีลองผิดลองถูกเรียนรู้กันไปชอบบ้างไม่ชอบบ้างคือเขาไม่ใช่คนที่ดีกว่าคนอื่นแต่เขาลงตัวกับเราส่วนเรื่องการปรับจูนก็ยังมีแอนยังมีข้อเสียบางอย่างที่ยังปรับตัวไม่ได้ไม่เหมาะกับการเป็นคู่ชีวิตของใครตรงนี้แอนต้องปรับค่ะคู่แอนไม่โรแมนติกเลยวันปีใหม่วาเลนไทน์เราไม่เคยซื้ออะไรให้กันซื้อดอกไม้ดอกนึงก็วางไว้ก็ขอบคุณนะก็จบคือเราผ่านช่วงป๊อปปี้เลิฟมาตรงนี้มันก็ไม่ได้สำคัญแล้วค่ะคือแอนชอบช่วงชีวิตตอนนี้มากกว่ามันนิ่งและไม่มีการบอกถึงความต้องการซึ่งกันและกันแค่คุณและฉันซื่อสัตย์และซัพพอร์ตซึ่งกันและกันเธอเหนื่อยล้าไม่สบายใจฉันก็ให้กำลังใจเธอแอนต้องการแค่นี้ชีวิตแอนไม่ต้องการดอกไม้หรือว่าอะไรสำหรับเรื่องความประทับใจในคู่ของเรามันไม่ได้เป็นเหตุการณ์ใหญ่ๆคือมันเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆแค่เขาเห็นเราเดินถือของเหนื่อยๆเขาวิ่งมาช่วยเราถือแค่นี้หัวใจก็พองฟูแล้วหรือเวลาที่เราเสียใจร้องไห้มานั่งอยู่ข้างๆเราก็ดีใจแล้วค่ะแต่แอนก็ไม่ใช่สไตล์ที่แอนเสียใจแล้วคุณเอจะมานั่งซัพพอร์ตตลอดเวลานะบางทีคุณเอเขาก็ทิ้งให้แอนดิ่งคนเดียวก็มีเพราะบางทีสิ่งที่แอนทำแล้วมานั่งร้องไห้มันเป็นความผิดพลาดที่แอนตัดสินใจเองเขาก็สมน้ำหน้าบางทีมันเป็นอย่างนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะมาโอ๋เราแอนก็ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองค่ะส่วนเรื่องแต่งงานยังค่ะเดี๋ยวคงรอ“แอบรักออนไลน์”ปิดกล้องก่อนเดี๋ยวค่อยมาดูว่าจะเป็นยังไงจริงๆก็คิดเรื่องนี้อยู่เพราะถ้าเกินจากนี้แล้วแอนว่ามันช้าไปแล้วค่ะ”

เป็นเวิร์กกิ้งวูแมนมาตลอดมองภาพตัวเองเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกออกรึเปล่า?

“แอนทำได้นะแอนทำได้ดีแอนมั่นใจแอนเป็นคนค่อนข้างมั่นใจในตัวเองอย่างหนึ่งว่าเวลาแอนทำอะไรเราทุ่มสุดใจอย่างวันหนึ่งถ้าแอนไม่ได้เล่นละครแล้วไปเป็นแม่บ้านแอนก็คงทุ่มสุดชีวิตทำอะไรแล้วต้องเต็มที่กับมันไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะทำทำไมแต่ต้องไม่ให้แอนทำงานเลยนะและจะให้แอนเป็นแม่บ้านที่ดูแลสามีที่ดีแอนก็มั่นใจว่าแอนทำได้แน่นอนค่ะ”

สุดท้ายให้คำจำกัดความความรักในแบบของแอนและเอให้ฟังหน่อย?

“มันไม่มีอะไรตายตัวนะคะความรักมันเป็นเรื่องของความหวังดีต่อกันรูปแบบความรักของเราแอนว่าหวังดีคำเดียวมันจบไม่ว่าเราหรือเขาทำอะไรให้กันมันก็เป็นเรื่องของความหวังดีไม่ใช่รักกันแล้วมาแอบอิจฉากันหรือรักกันแต่ต้องการประโยชน์จากอีกฝ่ายและเราต้องดีใจและแฮปปี้กับความสำเร็จของเขาด้วยความรักไม่ใช่การให้ไม่ต้องมาให้อะไรหรอกแค่คุณไม่ร้ายกับเราก็พอแล้วคุณยิ้มให้เราเดินมาตบไหล่ทีนึงก็พอแล้วอยู่กันแบบเธออย่ามาเป็นหอกข้างแคร่ฉันอย่าคิดร้ายต่อกันเท่านั้นไม่ต้องมาสร้างนู่นนี่พูดจาหวานแต่ไร้ความจริงใจอันนี้ก็ไม่เอาค่ะ”

นั่งคุยกับผู้หญิงเก่งคนนี้แค่ครึ่งชั่วโมงแต่ช่างคุ้มค่าเพราะได้มองเห็นมุมมองเจ๋งๆมากมายที่หล่อหลอมกลายเป็น“แอน”จนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆจึงยกตำแหน่ง“เจ้าหญิงวงการบันเทิง”ให้กับเธอ.