Inside Dara
แรงมาก็ฟาดกลับ ‘กระติ๊บ’ เล่าเจอหนุ่มปากแจ๋วทักแชตขอสักของลับ ลั่นไม่ให้เกียรติกัน

ผันตัวมาเป็นช่างสักแบบเต็มตัวแล้ว สำหรับนักแสดงสาว กระติ๊บ ชวัลกร ที่ล่าสุดมาพูดคุยในรายการ โต๊ะหนูแหม่ม เจอเกรียนคีย์บอร์ดทักข้อความก่อกวนขอสักในที่ลับ ทำเอาเจ้าตัวปรี๊ดไม่น้อย เพราะไม่ให้เกียรติอาชีพช่างสักของเธอ

ตอนนี้ถือว่าเป็นช่างสักเต็มตัวหรือยัง?

“ก็ถือว่าทำเต็มตัวแล้วค่ะ คิวงานตอนนี้ ก็สามารถติดต่อมาตามเพจของร้านได้ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเจ้าของร้านเป็นแค่พนักงานในร้านเหมือนกัน ในส่วนของหนูเราจะเก่งในเรื่องของลายสักงานขาวดำหรือสีเทา เทคนิคของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับความขยันและขี้เกียจด้วย เพราะหนูรู้สึกว่าสีดำมันง่าย”

คิวยาวขนาดไหน?

“ก็มีงานมาเรื่อยๆ ค่ะ แต่ยังไม่ถึงข้ามปีขนาดนั้น แต่เดือนที่แล้วไม่ได้รับเลย เพราะเราได้ผันตัวไปเป็นเชฟ”

เห็นมีลูกค้าติดต่อมาอยากสักของลับด้วย?

“ก็มีเข้ามาค่ะ แต่เราไม่ได้รับนะคะ เหมือนอยู่ดีๆ เค้าก็มาคอมเมนต์ในไดเร็กต์ทางโซเชียล บอกขอสักในที่ลับหน่อยได้ไหม เราก็เลยบอกว่าเค้าไม่ให้เกียรติในอาชีพนี้ แล้วคุณไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลย เอาผู้หญิงมาพูดอะไรแบบนี้ ซึ่งเราก็จัดไปแบบฟาดมาฟาดกลับไม่โกง”

มีคนเคยสักตรงของลับด้วยเหรอ?

“เคยได้ยินนะคะว่ามันมีคนเคยมาให้สักเหมือนกัน แต่ว่าที่ร้านไม่ได้รับ เพราะว่าบางคนแค่สักธรรมดาก็ฉี่ราดเตียงกันหมดแล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่สักของลับก็จะเป็นคนปากแจ๋ว เรียกว่าน้อยมาก น้อยคนที่จะมาสักของลับ”

คนแรกที่เราสักให้หลังเรียนจบคือใคร?

“คนแรกที่สักให้คือแฟนหนู ซึ่งเราสักที่ขาลายคลื่นญี่ปุ่น เราเป็นคนลงเข็มให้เอง (แฟนซัพพอร์ตหมดเลย?) ใช่ค่ะ เค้าเป็นคนทุ่มให้หมดเลย ตั้งแต่เครื่องลงเข็ม ถ้าเกิดไม่มีเค้าบอกกับหนูว่าถ้าอยากทำอะไรทำเลยก็คงไม่มีวันนี้เหมือนกัน”

ไปบอกเขาวิธีไหน แฟนถึงยอมเป็นผู้สนับสนุนให้เรา?

“เคยพูดตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วว่าเราอยากเป็นช่างสัก เพราะมันรู้สึกว่าเท่ แต่เราไม่รู้ว่าจะเข้าไปในโลกนั้นยังไงถึง 10 ปีผ่านมา จนเรามีโอกาสได้พูดเค้าก็เลยบอกว่าวันนี้เค้าจะทำในสิ่งที่เธอพูดให้เป็นจริง ซึ่งเค้าก็พาไปซื้ออุปกรณ์ทุกอย่างให้หมดเลย เค้าก็พูดว่าทำไมอยากทำอะไรไม่ทำเลย ทำไมต้องปล่อยเวลาให้มันผ่านไปด้วย ส่วนคุณแม่ก็บอกว่าสักคิ้วให้แม่หน่อยได้ไหม ทุกวันนี้ก็เป็นคนสักคิ้วให้แม่ตลอด”

ลายสักส่วนไหนที่ตอนนี้คนนิยม?

“ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลายที่เป็นเลขที่คนไปบริจาคร่างกายและนำมาให้เราสักตัวเลขนั้นๆ บางคนก็อาจจะไม่รู้ว่าวันไหนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต เค้าก็เลยเหมือนอยากแสดงเจตจำนงไว้บนร่างกาย ว่าถ้าเกิดวันไหนเค้าเสียชีวิต ให้ดูที่ลายสักบนตัวเขา”