กำลังเร่งทำคะแนนครองใจแฟนๆ ละครซีรีส์ "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายธราธร" อยู่ในขณะนี้ สำหรับสาวน้อยลูกครึ่งไทย-อิตาลี "พรีม-รณิดา เตชสิทธิ์" รับบท "หม่อมหลวงระวีรำไพ" หรือ น้องมะปราง ประกบพระเอกหนุ่มผิวเข้ม "เกรท" วรินทร ปัญหกาญจน์ รับบท "หม่อมราชวงศ์ธราธร" วันนี้จะพาไปพูดคุยกับสาวน้อยอายุเพียง 16 ปี แต่เธอมีดีมากกว่าอายุจริง
ละครฟอร์มยักษ์เรื่องนี้จะเป็นซีรีส์ฟอร์มใหญ่ของช่อง 3 มีทั้งหมด 5 เรื่อง เกี่ยวกับคุณชาย 5 คน และเป็นเรื่องราวความรักของคุณชาย 5 คน ซึ่งพรีมจะเล่นเรื่องแรก คือตอนคุณชายธราธร รับบทเป็นหมอมหลวงระวีรำไพ เป็นนักศึกษาที่หลงรักอาจารย์ของตัวเอง ที่เป็นนักโบราณคดี เพราะในเรื่องพรีมจะชอบประวัติศาสตร์มาก ในเรื่องต้องปลอมตัวเป็นผู้ชาย เพราะต้องการไปดูแลคุณพ่อที่เป็นนักโบราณคดีเหมือนกัน
ยากแค่ไหนกับการปลอมตัวเป็นผู้ชายมีความลำบาก และความง่ายอยู่ในตัว หนึ่งคือเราไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ อาจจะมีแค่รองพื้นอย่างเดียวสบายๆหน่อย เสื้อผ้าจะมีแค่กางเกง เสื้อ หมวก ดูทะมัดทะแมงมากขึ้น มีการใส่ที่กันหน้าอก และเสริมสะโพกให้ดูตัวใหญ่ขึ้น แต่ถ้าเป็นผู้หญิงจะต้องมีเกล้าผม และใส่เสื้อผ้าเน้นหุ่น สวมรองเท้าส้นสูงอีก
กดดันหรือเปล่ากับการต้องมาประเดิมเรื่องแรก ฉายก่อนคนอื่นๆ ในซีรีส์ 5 เรื่องกดดันนะ เพราะว่าเป็นซีรีส์เรื่องใหญ่ด้วย ทุกคนคาดหวังกับซีรีส์เรื่องนี้ แล้วพรีมไม่เคยเล่นละครพีเรียดมาก่อนเลย แต่พรีมเชื่อว่าองค์ประกอบของละครทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม สถานที่ รวมถึงทีมงานและนักแสดงทุกคนตั้งใจทำงานกันมากๆ พรีมเชื่อว่าทุกคนต้องไม่ผิดหวังแน่นอน
คาแรกเตอร์หม่อมหลวง ระวีรำไพ มีอะไรที่เหมือนหรือต่างกับพรีมบ้างที่เหมือนกันคงจะเป็นความแก่นแก้ว เพราะพรีมจะไม่ค่อยมีความเป็นผู้หญิงมาก จะมีความห้าวๆ นิดหนึ่ง แล้วก็เป็นคนที่กล้าพูด ถ้ารู้สึกว่าอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราจะพูดออกมาเลย แต่จะไม่กล้ามากเท่ารวีรำไพ ส่วนที่แตกต่าง อาจจะเป็นเรื่องของความเสียสละ เพราะเขาจะยอมเสียสละเกือบทุกอย่างทั้งเรื่องของครอบครัว เรื่องเพื่อน ชื่อเสียง หรือแม้แต่จิตใจของตัวเอง แต่ตัวของพรีมเองก็มีความเสียสละ แต่คงต้องขึ้นอยู่กับเหตุและผลด้วย ซึ่งคงไม่เท่ากับรวีรำไพ ที่เสียสละทุกอย่างในชีวิตเลย
ปะทะพระเอกผิวเข้มมีเขินๆ เกร็งๆ แต่พอถ่ายทำไปเรื่อยๆ รู้สึกโอเค เพราะพี่เกรทเป็นคนทำงานง่าย สบายๆ เวลาเล่นด้วยกัน เขาจะทำให้เราไม่เกร็ง และทำให้เราสนิทสนมกันมากขึ้น
เม้าท์เกรทหน่อยว่าในกองเป็นคนแบบไหนเขาจะชอบแกล้งให้ทุกคนตื่น อย่างวันไหนที่จะต้องมีฉากเข้าป่า ต้องตื่น ตี 2 ตี3 ทุกคนจะยังงัวเงียกันอยู่ แต่พี่เกรทจะหาทางแกล้งให้ทุกคนรู้สึกตื่นได้ (หัวเราะ) แกล้งทีไรสำเร็จทุกที และเขาจะช่วยหนูในเรื่องแอ็กติ้งด้วย คอยส่งอารมณ์ให้ หรือคอยมาช่วยตีความในบทอีกที
ผู้จัดอย่าง "จ๋า-ยศสินี ณ นคร" รักและเป็นห่วงมากพอสมควรก่อนที่จะมาเล่น เรามีการเวิร์กช็อปกันมาก่อน พี่จ๋าจะบอกว่าหนูต้องไปปรับปรุงเรื่องของภาษา ซึ่งพี่จ๋าสอนหนูมากพอสมควร ทั้งวิธีการเดิน การพูดแบบหม่อมหลวง รวมทั้งสอนในเรื่องของการวางตัวในวงการด้วย พี่จ๋าจะสอนในเรื่องของการตอบคำถาม หรือการคิดก่อนที่จะพูดออกไป
คู่ขวัญคู่ใหม่พรีมเคยร่วมงานกับพี่นกมาแล้ว ในละครเรื่อง "แม่ยายที่รัก" ซึ่งพี่นกเป็นผู้จัด รู้สึกดีใจที่จะได้กลับมาทำงานกับกองละครนี้อีกครั้ง เรื่องนี้พรีมต้องเล่นเป็นหม่อมราชวงศ์ในยุคปัจจุบัน เป็นคนเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี เป็นคนไม่ค่อยแสดงออก จะเชิดๆ เริ่ดๆ อันนี้ต่างกับตัวจริงของเรามาก เป็นละครดราม่าค่อนข้างเยอะ ต้องทำการบ้านเยอะมาก เพราะอยางชื่อเรื่องว่า "สามี" อันที่จริงจะต้องเป็นคำถามว่า สามีเหรอ? เพราะในเรื่องหม่อมราชวงศ์รศิกา ต้องถูกบังคับให้แต่งงานทั้งที่ไม่เต็มใจ
พอรู้ว่าต้องมาทำงานกับเกรทอีกแล้ว รู้สึกอย่างไรไม่มีความหนักใจเลย สบายใจมาก เพราะเนื้อเรื่องของละครมันยาก ถ้าได้ไปเจอกับคนที่ไม่คุ้นเคย อาจจะทำให้เรารู้สึกกังวล แต่พอรู้ว่าเป็นพี่เกรทโอเคเลย และเนื้อเรื่องทั้งหมดถึงจะเป็นละครรีเมก แต่จะมีการตีความใหม่หมดเลย โครงเรื่องยังเหมือนเดิม แต่จะมีการปรับในส่วนของรายละเอียดต่างๆ
ชีวิตหลังม่านมายามีไปถ่ายแบบนิตยสารบ้าง และไปเรียนหลายๆ อย่างเพิ่มเติม ไปพัฒนาตัวเองในหลายๆ ด้าน ถามว่ากลัวคนดูจะลืมหน้ามั้ย พรีมไม่กลัวนะ เพราะพรีมเชื่อในตัวคนดูว่า ถ้าเรากลับมาแล้วเขาเห็นถึงพัฒนาการของเรา เขาน่าจะให้การตอบรับเราดีเหมือนเดิม
ช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยมีข่าวพรีมเท่าไหร่ชีวิตพรีมถ้าไม่ได้ถ่ายละคร ก็จะอยู่แค่บ้านกับโรงเรียน มีไปออกงานอีเวนท์บ้าง ถ้าคนจะเห็นข่าวอาจจะเห็นจากงานอีเวนท์ พรีมอายุ 16 แล้ว แต่ชีวิตเราก็ยังไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องไปเป็นข่าวขนาดนั้น และพรีมก็รู้สึกว่า อยากให้คนสนใจเราที่ผลงานมากกว่า
ชีวิตวัยเรียนตอนนี้ปิดเทอมแล้ว ก็ทำงานอย่างเดียว ถามว่าแบ่งเวลางานกับเรียนอย่างไร คือถ้าต้องไปถ่ายละคร พรีมจะโฟกัสที่งานละคร และการท่องบทอย่างเดียวเลย แต่ถ้าต้องไปเรียน พรีมก็จะโฟกัสที่เรื่องเรียน และพรีมโชคดีที่ได้เจอเพื่อนดี ช่วยตามงานให้เราตลอดเลย
เพื่อนยังเห่อที่เราเป็นดาราอยู่มั้ยเขาไม่เชิงเห่อ แต่เหมือนว่า จะชอบไปหาข่าวหรือดูข่าวอะไรมา ก็จะมาบอกเรา เพราะบางทีพรีมไม่รู้ว่า มีข่าวเราด้วยเหรอ หรือเราไปออกรายการนี้มาด้วย เพราะเราจะลืม แต่เพื่อนจะตั้งไอแพดเปิดให้พรีมดูตลอดเลย (หัวเราะ)
เรียนสายศิลป์ภาษาจีนใช่ แต่ตอนนี้ยังพูดไม่ค่อยได้เท่าไหร่ (หัวเราะ) ยากมาก เพราะต้องจำคำศัพท์เยอะ รวมถึงสำเนียงเวลาพูดด้วย แต่พอเรียนไปเยอะๆ เวลาที่ได้เจอตัวอักษรภาษาจีนตามสถานที่ต่างๆ พอเราอ่านออกได้บ้าง จะรู้สึกดี ถามว่าทำไมถึงเลือกเรียนภาษาจีน ตอนแรกพรีมจะเลือกเรียนสายวิทย์-คณิต แต่พรีมรู้สึกว่าเราต้องทำงานไปด้วย กลัวจะไม่มีเวลาให้กับการเรียน เลยมาลองดูว่าเรายังสนใจด้านไหนอีก ตอนนั่นเลยรู้สึกว่า พรีมเรียนพูดภาษาไทยได้ภายใน 3 เดือน คิดว่าเราน่าจะมีพรสวรรค์ทางด้านภาษา เลยตัดสินใจเรียนศิลป์ภาษาจีน
ชีวิตในวงการแตกต่างนะ เพราะเมื่อก่อนพรีมมองวงการบันเทิง เป็นอะไรที่ไกลตัวเรามาก แต่พอเราเข้ามาอยู่ เรารู้สึกว่านักแสดงเป็นคนธรรมดาเหมือนกับคนอื่นทั่วไป เพียงแต่ทุกคนต้องทำงาน และอาจจะเป็นงานที่ดูแตกต่างจากงานอื่น แต่สุดท้ายมันก็เป็นงานอยู่ดี พรีมรู้สึกดีกว่าที่คิดเอาไว้ เพราะตอนแรกจะมองว่า คนวงการนี้จะต้องเย่อหยิ่ง แต่พอได้มาทำงานจริงๆ ถึงรู้ว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ทุกคนเป็นคนปกติทั่วไป ทำให้เราเริ่มรู้สึกชอบการทำงานตรงนี้ รู้สึกว่ามันสนุกดี
ตอนนี้ปรับตัวกับวงการบันเทิงได้มากน้อยแค่ไหนตอนนี้เริ่มรักในงานตรงนี้แล้ว เหมือนเราเริ่มจับจุดได้ เริ่มชินกับการได้ไปถ่ายละคร การมาทำงานตรงนี้ แรกๆ อาจจะรู้สึกตื่นเต้นและประหม่ากับทุกอย่าง แต่ตอนนี้ไม่ค่อยเป็นแล้ว ซึ่งหนูคิดว่ายังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ
เสาหลักของบ้านตอนนี้คุณพ่อไปทำงานที่ต่างประเทศ พรีมจะอยู่ที่บ้านกับแม่และพี่ชาย ถามว่าที่บ้านเป็นห่วงอะไรบ้าง คือโอเคนะ เพราะที่บ้านจะปล่อยให้พรีมเรียนรู้โลกกว้างด้วยตัวเอง คุณแม่จะสอนตลอดว่า ควรจะทำตัวอย่างไร หรือในสถานการณ์แบบนี้ควรตัดสินใจแบบไหน คุณแม่จะคอยแนะนำตลอด
เหนื่อยบ้างมั้ยในขณะที่อายุแค่ 16 แต่ต้องรับผิดชอบเยอะมากมีท้อบ้าง รู้สึกว่าบางทีเราไม่มีเวลาส่วนตัวเลย บางทีเราอยากไปเรียน แต่ต้องไปทำงาน ซึ่งพอมาคิดอีกที เรารู้สึกว่ามันคือโอกาสที่ดีของชีวิต เพราะทุกคนอยากเข้ามาทำงานตรงนี้ และมันก็ยากมากกว่าจะได้เข้ามา เพราะหนูทำงานเพื่อทุกคนในครอบครัว เราเหนื่อยแต่เราก็ได้อะไรดีๆ กลับมา คุณแม่ก็ภูมิใจในตัวหนู
หัวใจสาววัยกระเตาะมันยากนะ เพราะในโลกนี้มีผู้ชายหลายแบบหลายบุคลิก มันตีความยาก พรีมชอบคนเท่ๆ เล่นกีฬาเก่ง ตลกอยู่ด้วยแล้วสนุกสนาน แต่ตอนนี้หนูโสด และพรีมไม่เคยกำหนดว่าเราจะต้องมีแฟนอายุเท่าไหร่ เพราะตอนนี้หนูอายุ 16 เอง ขอเรียนและอยู่กับเพื่อนก่อนดีกว่า
เติบโตไปตามวัย น่ารัก สดใส สไตล์ "พรีม" จ้า
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012