Inside Dara
"ยิปซี" เชื่อความรักคือความเสี่ยง ขอปล่อยใจไปตามธรรมชาติ

เป็นอีกหนึ่งสาวน่ารัก สดใส ที่หลายคนหลงเสน่ห์สำหรับ ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ ที่วันนี้ขอมาเผยตัวตนผ่าน “ดาวต่างมุม” ถึงแง่มุมต่าง ๆ ในชีวิตที่เจ้าตัวก็แอบยอมรับว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง รวมทั้งอัพเดทหัวใจที่หลังจากเลิกรากับแฟนหนุ่ม ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย ด้วยว่าตัวเธอนั้นจะเลือกเดินไปในทิศทางใด

ตอนนี้มีผลงานอะไรบ้าง?

“ก็มีภาพยนตร์ “รักโง่ ๆ” รับบทเป็น “โจ” ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เกิดจากหลอดแก้ว ที่ต่อต้านและไม่เชื่อในความรักหนุ่มสาว ความคิดแปลก ๆ ขวางโลก และก็มีละคร “หัวใจเรือพ่วง” ซึ่งเรารับบทเป็น “รัน” มีคาแรกเตอร์เป็นผู้หญิงที่ดาร์ก ๆ เก็บกด เพราะมีอดีตแย่ ๆ เต็มไปหมด ตัวละครนี้มีประสบการณ์ชีวิตที่โตกว่ายิปซีเยอะมาก เรียกว่าพลิกบทมาเล่นดราม่าสุด ๆ เราก็เลยต้องทำการบ้านเยอะมาก เป็นอะไรที่ไกลตัวมาก ถามว่าคอมเมดี้กับดราม่าชอบอันไหนมากกว่ากัน คือถ้าความสบาย คอมเมดี้สบายกว่าเยอะ แต่ถ้าถามความชอบยิปซีชอบเสพอะไรที่เป็นดราม่าอยู่แล้ว ยิ่งเศร้ายิ่งชอบ ซึ่งพอมาเล่นเองก็รู้สึกท้าทายและเหนื่อยกว่าที่คิดเยอะเลย”

จากวันแรกที่เราไปแคสติ้งเพื่อเข้าวงการบันเทิง คิดมั้ยว่าวันนี้จะมาได้ไกลขนาดนี้?

“ก็ไม่ได้คิดนะคะ เพราะตอนแรกมันก็เป็นแค่งานพาร์ตไทม์ เราเป็นแค่เด็กมหาวิทยาลัยที่คิดว่าหาเงินได้จากการถ่ายโฆษณามาหมื่นกว่าบาทก็ดีใจแล้ว ซึ่งพอมองย้อนไป ยิปซีคิดว่าเราได้อะไรจากวงการนี้เยอะเลยค่ะ ฝึกความอดทน ความรับผิดชอบ ได้พัฒนาตัวเอง สามารถดูแลตัวเองได้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ คือการอยู่ในวงการ ด้วยธรรมชาติของมันจะมีปัญหาจุกจิก ซึ่งบางคนที่ไม่สามารถเข้าใจและมองข้ามมันไปได้ก็จะจมและทุกข์อยู่กับสารพิษของมัน แต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็นธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็พยายามหาทางที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างโอเค มันก็จะลอยตัว”

ตั้งแต่เข้าวงการมาข่าวไหนบั่นทอนจิตใจที่สุด?

“สำหรับยิปซีจะเป็นเรื่องที่มาแตะกับครอบครัว เราจะเซ็นซิทีฟมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องน้องสาวยิปโซ-รมิตา ก็นานมากแล้วที่มีข่าวว่าเราแข่งกันดัง ซึ่งยิปซีมองว่าการเปรียบเทียบเป็นธรรมชาติมาก ๆ ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ยิ่งเราเข้ามาอยู่ในสปอตไลต์ มันก็เป็นธรรมดาที่คนจะเอาผู้หญิงสองคนมาเปรียบเทียบกัน แต่สถาบันครอบครัวสำหรับยิปซีมันเป็นอะไรที่ไม่อยากให้เข้าไปก้าวก่าย เราให้ความสำคัญมาก และยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างเรากับยิปโซมันดีมากมาตลอด พอมันมีข่าวอะไรแบบนี้ซึ่งมันไม่ตรงกับความจริง ก็ทำให้เราไม่ชอบ แต่ก็มีความรู้สึกเข้าใจได้ปนอยู่นะว่าพี่นักข่าวก็แค่ทำงานของเขา เราก็แค่ทำงานของเรา เราก็ออกไปชี้แจงว่ามันไม่จริง ซึ่งข่าวที่ผ่านมาไม่เคยกระทบความสัมพันธ์ของเราพี่น้องเลยค่ะ มันแค่กระทบความรู้สึก เพราะเราทั้งคู่ก็ไม่ชอบที่จะได้ยินอะไรแบบนั้น เวลามีข่าวแบบนี้เราคุยกันน้อยมาก เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าทั้งคู่รู้สึกยังไง ฉะนั้นความรู้สึกนั้นไม่จำเป็นต้องเคลียร์เลยค่ะ กับยิปโซเราสนิทกันมากค่ะ ปรับทุกข์ได้ทุกเรื่องเลย ซึ่งเวลามีปัญหายิปโซก็ให้คำปรึกษาเราได้นะคะ เพราะเขามีความคิดค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ มีมุมมองแปลก ๆ ที่เราคิดไม่ถึง คือยิปซีจะเป็นคนที่แชร์เยอะ แต่ยิปโซจะเป็นอารมณ์แบบถ้าเขาเล่าจะเล่าเอง เขาจะเก็บกว่าเวลาที่มีปัญหา แต่เราจะเหมือนกันในเรื่องที่เวลามีอะไรชอบแก้ด้วยตัวเองก่อน แล้วค่อยแชร์ทีหลัง ซึ่งยิปซีว่าการที่เราทำงานในวงการเดียว กันมันมีข้อดีมากเลย มันเป็นจุดเชื่อมของเรา ทำให้เราเจออะไรคล้ายกัน ทำให้เราคุยในเรื่องเดียวกัน”

คนมักมองว่าเราสองคนพี่น้องมีโลกส่วนตัวสูง หรือติสท์ จริง ๆ เราเป็นแบบนั้นมั้ย?

“ก็เคยได้ยินบ้างค่ะ แต่เราไม่เข้าใจว่าคำจำกัดความของคำว่าติสท์คืออะไร ถ้าถามว่าเรามีโลกส่วนตัวสูงมั้ย ก็ใช่ค่ะ ยิปซีโลกส่วนตัวสูงตั้งแต่เด็ก ชอบอยู่คนเดียว มีเพื่อนน้อย ชอบอยู่กับในหัวของตัวเอง ยิปซีเป็นคนพูดน้อยมาก เหมือนอยู่ในฟองสบู่ที่หุ้มตัวเองเอาไว้ แต่พอเข้ามาวงการนี้เราต้องปรับตัว พูดคุยกับคนมากขึ้นแบบเป็นไปเองอัตโนมัติ

จริง ๆ คนชอบถามว่าชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมั้ยหลังจากเข้าวงการ คือเราเปลี่ยนน้อยมากเลย เพราะยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ซึ่งที่ยิปซีบอกว่าตัวเองยังใช้ชีวิตแบบเดิมได้นั้น ยิปซีว่ามันเป็นเพราะตัวเรามีเจ้าฟองสบู่ที่ว่านั้นครอบตัวอยู่ ที่บ้านก็ปล่อยให้ดูแลตัวเอง ดังนั้นยิปซีสามารถไปไหนคนเดียว กินข้าว ดูหนังคนเดียวได้มาตั้งนานแล้ว และจุดนี้มันก็ยังไม่เปลี่ยน ทุกวันนี้ยังขึ้นรถไฟใต้ดินเหมือนเดิม บางทีคนก็จะมองเราแปลก ๆ ว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ แต่ด้วยความที่ยิปซีมีฟองสบู่ของตัวเอง เราก็รู้สึกอยู่ได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ถ้าถามในแง่การปรับตัว มันก็มีแค่เรื่องการเรียนรู้ธรรมชาติของสายอาชีพนี้ไปเรื่อย ๆ เท่านั้นเองค่ะ”

มองอนาคตตัวเองในวงการบันเทิงยังไง?

“ตอนนี้ก็เซ็นสัญญากับเอ็กแซ็กท์เพิ่มอีก 5 ปี ก็ลองดูนะคะว่าเราจะสามารถพัฒนาด้านการแสดงได้ไกลขนาดไหน และเมื่อถึงตอนนั้นค่อยมาดูอีกที เพราะยิปซีเป็นพวกวางแผนชีวิตระยะสั้น คือการวางแผนแบบสั้น ๆ ยิปซีไม่ได้บอกนะคะว่ามันดีกว่าแบบระยะยาว แต่มันอาจจะเหมาะกับยิปซีมากกว่า บางคนชอบบอกว่าต้องวางแผนระยะยาวสิ จะได้มุ่งมั่นไปคว้ามันมา แต่ชีวิตมันมีความไม่แน่นอนสูงมาก ถ้าเราวางแผนสั้น ๆ แต่เป็นไปได้แล้วค่อยเขยิบเข้าไปหามัน ทีละสเต็ปมันน่าจะเวิร์กกว่าค่ะ”

อัพเดทเรื่องหัวใจหน่อย?

“ก็ดีค่ะ ตอนนี้ปล่อยให้เป็นกระบวนการธรรมชาติและเวลา โสดสนิท ยอมรับว่าเหงา เพราะยิปซีเป็นคนค่อนข้างผูกติดกับความรักมาตลอด ไม่ค่อยไม่มีแฟน ถามว่าเปิดใจมั้ย เราก็ปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า เพราะถ้าเราเปิด แต่ไม่ได้เจอคนที่ทำให้เรารู้สึกดี ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา จากรักครั้งที่แล้ว จริง ๆ สิ่งที่มันจบ จะมองเป็นความผิดพลาดก็ได้นะคะ มันคือการที่เราอาจจะด่วนตัดสินใจอะไรเร็วเกินไป แต่ด้วยพื้นฐานแล้วเราก็รักกันนะ แต่อาจจะไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกัน ซึ่งยิปซีไม่ได้มองว่ามันเป็นการที่จบไม่ดี แต่มันเป็นความโชคร้ายมากกว่า มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ยิปซีเสียดายและเสียใจกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพราะเขาเป็นคนรักที่ดี ส่วนโอกาสรีเทิร์นนี่ไม่ทราบเลย คือในใจเราก็มีช่วงหนึ่งที่คิดนะคะ แต่ช่วงนี้ก็ปลง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของโลกค่ะ โลกให้เรามาและเอากลับไป ถ้าหากโลกจะให้อีกก็ยินดี”

คนต่อไปมันต้องสกรีนเยอะขึ้น?

“จริง ๆ การสกรีนมันเป็นแค่ขั้นตอนเริ่มต้น เพราะว่าเวลาที่คนเราอยู่ไปเรื่อย ๆ มันก็ไม่ได้เป็นเหมือน ณ จุดแรกที่เราสกรีนเข้ามาหรอก ฉะนั้นมันต้องบวกโชคด้วยว่าแจ๊กพอตสุดท้ายคนนี้จะออกมาเป็นยังไง เราไม่สามารถที่จะทำความรู้จักใครได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์ในช่วงแรกอยู่แล้ว”

อะไรที่คิดว่าทำให้ความรักของคน 2 คนอยู่ยาวนานที่สุด?

“นอกจากความไว้ใจ ความเข้าใจอันสูงแล้ว มันต้องให้อภัยกันได้ค่ะ มันไม่ใช่แค่ความรักฉันหนุ่มสาวอย่างเดียวนะคะ ยิปซีเชื่อว่าถ้าเรารักใครสักคนมากพอจริง ๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรผิดเราต้องให้อภัยเขาได้ และยิปซีเรียนรู้ตรงนี้มาจากคุณพ่อคุณแม่ของยิปซีเอง คือยิปซีเคยทำผิดต่อเขามาก จนถึงขั้นเขาเกือบไม่ให้อภัยเราแล้ว ตอนเด็กอาจจะมีความคิดสวยหรูว่าพ่อแม่ยังไงก็ต้องรักลูก แต่สำหรับยิปซี พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงมาแบบนั้น เขาสามารถไม่รักลูกเขาได้จริง ๆ ถ้าลูกเขาไม่ดี แต่พอเรามาถึงจุดนั้นที่เราตระหนักได้ว่าคุณพ่อคุณแม่ให้อภัย ให้โอกาสเรา แม้เราจะทำร้ายจิตใจเขารุนแรง ก็เลยทำให้เราเห็นค่าของคำว่าอภัย แต่มันก็ประกอบ ๆ กันนะคะ จะให้อภัยได้ตลอด แต่ถ้าไม่ไว้ใจกัน ไม่เข้าใจกัน ก็อยู่ยาก”

ณ วันนี้มุมมองต่อเรื่องความรักเปลี่ยนไปเยอะมั้ย?

“ยิปซีว่าถ้าเราอยากมีความรัก ความสัมพันธ์มันก็คือความเสี่ยง ทุกความรักมันจะมาพร้อมกับความเจ็บปวดเสมอ อันนี้คืออะไรที่เป็นเรื่องจริง มันคือการได้รับและเสียไปค่ะ เราได้รับความสุขมหาศาลมาแล้ว มันก็ต้องมีช่วงเวลาที่ไม่ดีบ้าง เหมือนของทุกอย่างที่มีทั้งด้านที่ดีและไม่ดี แต่ถึงทุกวันนี้เราจะเฮิร์ต อกหัก เลิกมากี่ครั้งแล้ว เราก็ยังมองว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและยังอยากมีความรักอยู่ดี แม่ก็ถามว่ายังไม่เข็ดอีกเหรอ เราก็บอกว่ายังเลย คือยิปซีชอบค่ะ ความรักมันทำให้โลกน่ารักขึ้น ถ้าไม่มีก็อยู่ได้นะ แต่จะอยู่แบบสีเทา ๆ หน่อย”

วางสเปกผู้ชายคนต่อไปยังไงบ้าง?

“เป็นอะไรที่เข้ากับเราได้ รักครอบครัว ไม่ดูถูกคน เป็นคนมีความเข้าใจอะไรได้ง่าย ๆ อย่างสูง ถ้าเราทำงานตรงนี้ เป็นคนข้างนอกวงการ เขาไม่เข้าใจเราก็น่าจะอยู่ด้วยกันยากนะ ซึ่งสำหรับการถูกจับตามองเรื่องความรักยิปซีไม่อึดอัดเลย เป็นธรรมชาติของอาชีพค่ะ รักครั้งใหม่ไม่ได้หวังว่าจะเป็นความรักที่ดีกว่าเดิมไปเรื่อย ๆ นะคะ แค่เป็นความรักที่ดีที่เหมาะกับเราก็โอเคแล้ว ไม่จำเป็นต้องคนเก่า ฉันเคยคบแล้วเป็นแบบนี้ คนหน้าฉันต้องหาให้ดีกว่า คือยิปซีว่ามันไม่มีทางที่จะมีใครดีกว่าใครในทุก ๆ ด้านอยู่แล้ว ถ้าจะหาอย่างนั้นอาจจะหาไม่เจอ หรือถ้าหาเจอคนรักที่ดีกว่า ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้ความรักของเราดีกว่า ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขกว่าก็ได้นะ ก็แค่ได้มีความรักที่ดีอีกครั้งนึงก็โอเคแล้วค่ะ”.