Inside Dara
นุ่น รมิดา เปิดใจทั้งน้ำตา สูญเสียคุณพ่อกะทันหัน เผยคำสั่งเสีย กดดันมีลูกไม่ง่าย

นุ่น รมิดา เปิดใจทั้งน้ำตา สูญเสียคุณพ่อกะทันหัน เผยคำสั่งเสียสุดท้ายอยากให้มีน้อง รับกดดันมีลูกมันไม่ง่าย งดรับละคร เตรียมพร้อมปั๊ม กระตุ้นฮอร์โมน

นักแสดงสาว นุ่น รมิดา ประภาสโนบล เปิดใจทั้งน้ำตาเป็นครั้งแรก ผ่านรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One 31 หลังสูญเสียคุณพ่อไปอย่างกะทันหัน เมื่อช่วงกลางเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเผยสาเหตุที่คุณพ่อจากไปกะทันหัน หลังเข้ารับการผ่าตัด ความสูญเสียแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ตัวเองเสียศูนย์ไปมาก และยังเผยเรื่องไม่น่าเชื่อคุณพ่อมาหาหลังจากไปไม่นาน คำสั่งสุดท้ายที่อยากให้ลูกสาวคนนี้ท้องไวๆ

นุ่น รมิดา เปิดใจทั้งน้ำตา สูญเสียคุณพ่อกะทันหัน เผยคำสั่งเสียสุดท้ายอยากให้มีน้อง รับกดดันมีลูกมันไม่ง่าย งดรับละคร เตรียมพร้อมปั๊ม กระตุ้นฮอร์โมน

นักแสดงสาว นุ่น รมิดา ประภาสโนบล เปิดใจทั้งน้ำตาเป็นครั้งแรก ผ่านรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One 31 หลังสูญเสียคุณพ่อไปอย่างกะทันหัน เมื่อช่วงกลางเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเผยสาเหตุที่คุณพ่อจากไปกะทันหัน หลังเข้ารับการผ่าตัด ความสูญเสียแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ตัวเองเสียศูนย์ไปมาก และยังเผยเรื่องไม่น่าเชื่อคุณพ่อมาหาหลังจากไปไม่นาน คำสั่งสุดท้ายที่อยากให้ลูกสาวคนนี้ท้องไวๆ

ตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้างหลังสูญเสียคุณพ่อ? “สภาพจิตใจตอนนี้มันโอเคไหม มันก็โอเค แต่ตื่นนอนมาทุกเช้าเหมือนคนเสียศูนย์ เพราะปกติพ่อจะโทรมาหาทุกเช้า พอวันที่ไม่มีมันจะมีอารมณ์ที่แฝงไว้ว่าเราจะมีอะไรทำ หันไปมองโทรศัพท์ก็จะคิดถึง บางวันมันก็มีความสุข บางวันมันก็หวนกลับไปคิดถึงคุณพ่อ พ่อเสียไปเมื่อกลางเดือน ก.ค. เพราะจากไปแบบไม่ทันตั้งตัว และตัวคุณพ่อเองก็ไม่คิดว่าเขาจะไปเลยเหมือนกัน ย้อนกลับไปคุณพ่อเขามีอาการเหนื่อย เขาเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการเพลีย เขานึกว่าเขาเป็นกรดไหลย้อน คิดว่าปวดท้องเฉยๆ แต่ไม่บอกลูก เขาก็เคยโทรมาเล่าปกติว่าเมื่อคืนนอนเหงื่อแตกแต่ตอนนี้โอเคแล้ว ซึ่งเขาโทรมาจากชัยภูมิ เราอยู่กรุงเทพฯ พอวันที่เกิดเรื่อง เขาเข้าโรงพยาบาล หมอเฉพาะทางก็แจ้งเส้นเลือดใหญ่โป่งพองระดับท้องไปถึงหน้าอก ไม่ได้เป็นกระเพาะอาหารตามที่คุณพ่อคิด

แต่ด้วยความที่คุณพ่อไม่มีปัญหาเรื่องความดัน พอวินิจฉัยโรคนี้แล้วต้องผ่าตัดด้วยการใส่ขดลวดเข้าไป ซึ่งถ้าไม่ผ่าก็เหมือนระเบิดเวลา ถ้าความดันมันขึ้น มันก็อาจจะแตกได้ คล้ายๆ สโตรก ซึ่งเขาอยู่โรงพยาบาล 18 วัน ไม่มีอาการเลย และวันที่เขาผ่าตัด เขาก็ตื่นเต้น แต่คุณหมอก็คุยกับเราและคุณพ่อตลอด คุณพ่อก็บอกว่าทำยังไงก็ได้ให้ผมปลอดภัย เราก็ให้กำลังใจวางยาก็หายแล้ว วันนั้นผ่าตัดไป 8 ชม. พอผ่าตัดเสร็จเราก็เห็นเขาออกมาจากห้องผ่าตัด ผ่านไปด้วยดี 90% แต่อีก 10% อาจจะเกิดการเป็นอัมพาต เลือดอาจจะไม่ไปเลี้ยง แต่หมอคิดว่าน่าจะผ่านไปได้ และที่กล้ามเนื้อหัวใจเลือดอาจจะไม่ไปเลี้ยง แต่พอหมอเทียบขนาดนี้ เราก็ใจชื้นขึ้นมา

วันแรกของการฟื้นของคุณพ่อ เราไปเยี่ยม เขาสื่อสารด้วยมือ แต่ด้วยความอายุ 70 กับการผ่าตัดที่ยาวนาน แต่วันที่สองคุณหมออยากจะฟอกไตให้พ่อ เพราะเหมือนร่างกายมันหายไปนาน ไตทำงานได้ช้า พ่อไม่ยอมฉี่ พ่อก็ตัดสินใจเอง ฟอกไตครั้งแรกก็ปกติ แต่เช้าวันที่ 3 คุณหมอก็ขอฟอกอีกรอบ แต่ตอน 10 โมง พี่สาวโทรมาบอกว่าพ่อไม่หายใจ เราคิดอะไรไม่ออกเลย จับมือหลุยส์รีบขึ้นไปหาพ่อเลย อยู่หน้าห้องไอซียู คุณหมอปั๊มหัวใจ ก็บอกคุณหมอว่าทำให้เต็มที่ คุณหมอเดินมาบอกว่าไม่น่าจะไหว เขาให้เราเข้าไปคุยกับพ่อ ตอนนั้นพ่อหลับตาแล้วแต่ชีพจรยังอยู่ ด้วยความที่เราเป็นลูกสาว 2 คน เราไม่เคยทำงานศพ เพราะตอนแม่เสีย พ่อก็ดำเนินการทุกอย่าง เราก็ขอฝากพ่อไว้ก่อน ขอกลับไปทำใจและตั้งสติก่อน แต่โชคดีได้ญาติฝั่งพ่อฝั่งแม่เป็นคนช่วยเคลียร์”

กำลังใจที่ดีคือสามีอยู่ข้างๆ ตลอด? “นุ่นว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เป็นใคร ใครก็ช็อกไม่ว่าจะเกิดกับใครในวันที่พ่อจากไป เราทำอะไรไม่ถูก ซึ่งมันต่างจากวันที่แม่จากไป เพราะแม่จากไปโดยไม่ต้องทรมาน แต่พอพ่อจากไป เราไม่รู้จะทำไงต่อ เพราะแค่ปวดท้องไม่มีใครคิดว่าจะผ่าตัดแล้วไป และหลังจากเผาคุณพ่อเสร็จ เราก็กลับมาคอนเสิร์ตแกรมมี่อาร์เอส แต่พอคอนเสิร์ตจบก็จะเศร้าๆ และหลุยส์เขาก็รู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน จะไม่ได้พูดว่าสู้ๆ นะ เขารู้ว่านุ่นแข็ง อยู่ได้ เขารู้ว่าเราค่อนข้างหนักในการเจอสถานการณ์แบบนี้”

ในวันที่เราเป็นลูก และไม่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว? “กลัวการสูญเสีย กลัวว่าที่ต้องเหลือเราอยู่คนเดียว แล้วใครจะอยู่กับฉัน เพราะในวันที่อยู่ เราก็ดูแลเขา มันเหนื่อยกับการที่สูญเสีย ทุกการสูญเสียมันเป็นแผลหมด ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าจะสื่อสารความรู้สึกนี้ออกมายังไง มันมีความรู้สึกหลายสิ่งในหัว มันกลั่นกรองไม่ได้ เพราะย้อนกลับไปตอนสูญเสียคุณแม่ ทุกคนมีแผลหมดเลย เราแค่เลือกที่จะอยู่กับมันยังไงคนที่หนักสุดคือคุณพ่อเพราะเขาคือคู่ชีวิต เขาอยู่อย่างทรมานในเรื่องของจิตใจ กลัวเขาเป็นซึมเศร้า แต่เขาก็พยายามอยู่เพื่อเรา เขารู้สึกทรมาน เขารู้สึกว่าเขาตัวคนเดียว”

แล้วคุณพ่อมาหาบ้างไหม? “ไม่มีเลย แต่นุ่นเชื่อเรื่องหนึ่งว่า เมื่อก่อนไม่เชื่อว่าเวลามีคนเสียแล้วคนคนนั้นจะมาหา แต่รู้สึกว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า เพราะแม่ก็ไม่เคยมี เราไม่เคยสัมผัสได้เลยกับเรื่องพวกนี้ แต่วันที่จัดการงานคุณพ่อเสร็จ และเรากำลังจะกลับกรุงเทพฯ ห้องนอนของคุณพ่ออยู่หน้าบ้าน วันนั้นไม่มีใครเปิดทีวีในห้องคุณพ่อเลย แต่อยู่เฉยๆ เราก็เช็กของว่าเราลืมอะไรไหม แต่กำลังหันหลังกลับ ได้ยินเสียงโทรทัศน์เปิด ตอนแรกคิดว่าหลานเปิด พี่สาวก็ถามน้องนัทว่าเปิดทีวีเหรอ น้องนัทก็บอกว่าไม่ได้เปิดทีวีเลยสักเครื่อง ขนาดแม่บ้านอยู่หลังบ้านวิ่งหน้าตื่นมาถามว่าใครเรียกหนูเหรอ เราก็ถามว่าเสียงที่เรียก เรียกยังไง เรียกว่า อีนาง ซึ่งมีพ่อคนเดียวที่เรียก เป็นเรื่องเดียวที่รู้สึกว่าจริง และกล้องวงจรปิดที่บ้าน เราก็พยายามกดมันลงไม่ให้แมลงมาบินบัง แต่กล้องมันก็จะตื่นตอนตี 1 เหมือนว่ามีอะไรเคลื่อนไหว แต่พอไปดูมันก็ไม่เห็นอะไร ที่เราอยากดูเพราะความคิด มันก็กลัวนะ เราเลยอยากผ่านความกลัว รู้ว่ามีอยู่จริง แต่ก็ไม่เคยเห็น”

เวลาคิดถึงเราแพ้อะไรที่ทำให้คิดถึงคุณพ่อ? “พ่อเขาได้ไปอยู่กับแม่แล้ว อย่างของนุ่นคือสิ่งที่หายไปคือการพูดคุยกับเขาทุกวัน เขาเป็นคนคุยสนุก เรื่องที่เขาอยากให้เราทำคือการมีน้อง แต่เรื่องท้องมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ แต่เราก็ส่งเขาไปดีที่สุดเท่าที่ลูกคนนึงจะทำได้แม้ในหลายๆ เรื่อง ที่พ่อแม่หวัง เราอาจจะทำให้ไม่ได้ แต่เอาเรื่องอื่นมาทดแทนในสิ่งที่เราทำได้ เราก็เต็มที่ไปแล้วเราไม่รู้ว่าเราจะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้แล้ว แต่มันความเป็นลูกคนเล็กที่ได้รับแต่ความรัก แต่พอวันนึงไม่เหลือ เราไม่รู้จะอยู่ยังไงต่อ นุ่นไม่ได้กลัวความตาย แต่แค่รู้สึกว่าเราเหนื่อยกับการที่ต้องอยู่ ต้องคาดเดาความเจ็บป่วยของคนอื่นมากกว่าตัวเราป่วย และวันที่พ่อแม่เสีย เราอยากตัดวงจรความเจ็บปวด ไม่อยากมีลูก ไม่อยากให้ลูกต้องมาเจ็บปวดเหมือนเรา แต่อีกมุมนึงถ้าพ่อไม่มีเรา ไม่มีพี่สาวใครจะมาดูแล หันมาจะบอกใครได้ ซึ่งมันก็ต้องมีใช่ไหม”

ตอนนี้ตั้งใจมีลูกไปถึงไหนแล้ว? “คือทุกคนลุ้นเราเยอะนะ เราแต่งงานช้า กว่าจะวางแผนอีก มันเป็นเรื่องปกติที่เราอยากมีลูกในภาวะเรื่องนี้ แต่นุ่นไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร ถ้าจะต้องมานั่งจิ้มพุงเพื่อกระตุ้นฮอร์โมน มันทนได้ ที่ผ่านมามีคนถามเยอะ แต่พอผ่านเรื่องคุณพ่อมา พอมีคนมาถาม มันยิ่งกดดัน เราจะหลุดง่ายมาก เพราะคิดว่ามันง่ายมากเลยเหรอกับการมีลูก ตอนนี้เราไม่รับละครแล้ว เรามากินอาหารคลีน ไปเรียนกับนักโภชนาการ อยากกระตุ้นฮอร์โมน สิ่งที่ได้จากกินคลีน รูปร่างมันเปลี่ยน แต่เราก็ทำการบ้านตลอด ทำตั้งแต่ยังไม่แต่งเลย”

ทำไมไม่จดทะเบียน? “เราค่อนข้างฟรีสไตล์ แต่พอผ่านเรื่องคุณพ่อมาแล้ว มันคือเรื่องละเอียด มันไม่ใช่แค่เธอรักฉัน ฉันรักเธอ แต่เรามั่นใจในตัวหลุยส์ เรายังใช้นามสกุลเดิม และวันไหนอยากใช้นามสกุลอะไรก็ได้เวลาที่ขึ้นเครดิตในละคร ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเรา หลายคนที่ถามว่าทำไม แต่มันเป็นสิ่งนี้ที่ทำให้เรากับหลุยส์อยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้ แต่ถ้ามีลูกก็คงให้เขาใช้นามสกุลพ่อ”

คลิปสัมภาษณ์ นุ่น รมิดา