Inside Dara
“เจมส์ มาร์” ไม่มายด์เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ เชื่อช่อง 3 เลือกสิ่งที่ดีที่สุด งานน้อยแต่คุณภาพ

“เจมส์ มาร์” ฟุ้งหนัง Micro Love เพิ่งเวิร์กช็อปที่เกาหลี ปลื้มแฟนคลับจับจิ้น “ฮัมอึนจอง T-ara” ลุ้นฉายต่างประเทศ ย้ำยังไม่โกอินเตอร์ ไม่หวั่นช่อง 3 ป้อนละครน้อย บอกถึงจะน้อยแต่คุณภาพ มั่นใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ เผยเตรียมรับปริญญา 22 พ.ย. เกรดเฉลี่ย 2.95 ย้ำเรียนจบตามเกณฑ์ เล็งเรียนป.โทต่อทันที

ออกอาการตื่นเต้นสุด ๆ สำหรับพระเอกหน้าตี๋ “เจมส์ มาร์” ที่ได้มีโอกาสรับงานภาพยนตร์ครั้งแรกกับเรื่อง “Micro Love” แถมยังได้ประกบกับนักร้องสาวเกาหลี “ฮัมอึนจอง” แห่งวง T-ara อีกด้วย ล่าสุดเพิ่งบินไปเกาหลีเวิร์กช้อปเรียบร้อยแล้ว โดยในงานบวงสรวงภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว หนุ่มเจมส์เผยว่าตื่นเต้นที่ได้เล่นหนังเรื่องแรกประกบศิลปินเกาหลี

“ได้บินไปเวิร์กช็อปที่เกาหลีแล้วครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ได้บินไปเจอกับอึนจองที่เกาหลีพร้อมกับทีมงาน แล้วก็ไปเวิร์กช็อป ไปพูดคุยกันครั้งแรกครับ ไปอ่านบทกันเรียบร้อยแล้วครับ ก็ดีใจมากครับที่ได้เจอ เราก็ตื่นเต้นเพราะเป็นหนังเรื่องแรก แล้วก็ได้ร่วมงานกับศิลปินเกาหลีที่ดังมากท่านหนึ่ง ซึ่งผมว่าการทำงานแบบนี้มันใหม่สำหรับเรา เราก็จะได้เรารู้ว่าการทำงานของชาวต่างชาติเป็นยังไง แล้วก็อาจจะได้เก็บเกี่ยววิชาอะไรหลาย ๆ อย่างมาจากตัวเขาด้วย เพราะเท่าที่เจอกันเขาเก่งมาก ๆ ครับ เรื่องการสื่อสารไม่ค่อยมีปัญหา เราจะมีล่ามคอยแปล แต่นอกจากนั้นเราก็จะคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ”

ปลื้มแฟนคลับจับจิ้นทั้งที่ยังไม่ได้ถ่ายทำ ทุกผลงานผ่านความเห็นชอบผู้ใหญ่

“เรื่องคู่จิ้นก็ต้องขอขอบคุณแฟนคลับทุกคนมากครับ ที่มาจิ้นผมกับอึนจอง ทั้ง ๆ ที่หนังก็ยังไม่ออก ก็ขอบคุณมาก ๆ แล้วก็อยากจะให้เป็นกำลังใจให้พวกเราเรื่อย ๆ ครับผม ขอบคุณที่ให้การตอบรับที่ดีครับผม”

“มีโอกาสได้เล่นเพราะพอเขาติดต่อมาเราคิวได้พอดี แล้วก็อยากเล่นหนังด้วยครับ คืออยากเล่นหนังที่วัยใกล้กับเรา หรืออะไรที่มันดูเด็กลงมาหน่อย เราก็เลยรับครับ คิวก็ว่างด้วย เรื่องบททางพี่เอ(ศุภชัย ศรีวิจิตร) กับผู้ใหญ่เขาก็คุย ๆ กัน เขาก็บอกว่าบทประมาณนี้ คือไม่ว่างานอะไรที่เข้ามาต้องผ่านพี่เอ ผ่านผู้จัดการเราอยู่แล้วครับ ซึ่งพอผ่านแล้วเราก็คุยเรื่องบท พอช่วงนี้คิวว่างแล้วมีช่วงเวลาแค่นี้ก็ถ่ายเลยดีกว่า เพราะว่าเราก็อยากเล่นหนังมาก ๆ อยากลองดูว่าการถ่ายหนังจะเป็นยังไงครับ”

“ผมว่าก็เข้ากันได้โอเค ด้วยความที่ว่าเขาก็ตั้งใจทำงานมาก ๆ เราก็เป็นตั้งใจทำงาน แล้วมันก็ต้องมีภาวะตื่นเต้นอยู่แล้วแหละครับ ความที่หนังเป็นหนังระหว่างคน 2 ประเทศ อย่างสมมติผมพยายามพูดภาษาเกาหลีเพื่อที่จะบอกรักเขา เขาก็พยายามพูดภาษาไทยเพื่อที่จะบอกรักเรา ซึ่งผมว่าความตรงนี้แหละมันจะมีฟิลลิ่งที่มีความเป็นจริง เขิน ๆ กันนิดหนึ่งครับ ก็ดีครับ”

ไม่ถือเป็นก้าวแรกโกอินเตอร์เพราะเป็นหนังของไทย แต่ดีใจที่หนังจะได้ฉายต่างประเทศ

“โกอินเตอร์ไหมหรอครับ ไม่หรอกครับ คือจริง ๆ ภาพภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังไทยใช่ไหมครับ เราก็เหมือนเดิมครับก็ยังอยู่ทำงานที่เมืองไทย แต่เห็นเขาบอกว่าจะได้มีโอกาสไปฉายที่ต่างประเทศด้วย ซึ่งเราก็ดีใจที่เราจะได้นำหนังไทยไปฉายที่ต่างประเทศด้วยครับ”

“ในเรื่องนี้ใช้ภาษาเกาหลีไม่เยอะหรอกครับ เพราะว่าในเรื่องเราก็เล่นเป็นคนไทย หลัก ๆ ก็พูดภาษาไทย ภาษาอังกฤษกันซะมากกว่า ภาษาเกาหลีอาจจะมีบ้าง เป็นบางช่วงของเรื่องเท่านั้นเอง ก็ต้องไปติดตามดูครับว่าจะมากน้อยแค่ไหนครับผม”

“อยากฝึกเกาหลีเพิ่มไหม(หัวเราะ) ตอนนี้ก็ยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นครับ เราก็ยังไม่ได้เห็นบทที่เสร็จแล้ว เดี๋ยวลองดูบทจริง ๆ แล้วค่อยว่ากันอีกทีว่ามันต้องมากน้อยแค่ไหน เพราะสุดท้ายมันก็เป็นหนังไทย เราก็เป็นคนไทยเราก็ต้องคุยกับเพื่อน ๆ เป็นภาษาไทยอยู่แล้วครับ ตอนนี้ยังไม่เริ่มถ่ายครับ จะได้ฤกษ์ถ่ายเดือนหน้าครับ”

“ยากเกินตัวไหมอันนี้ผมก็ยังไม่รู้ครับ เพราะเป็นหนังเรื่องแรกครับ(หัวเราะ) แต่ว่าเราก็อยากทำเพราะว่ามันเป็นโปรเจ็กต์ใหม่ เป็นหนังเป็นงานใหม่ครับ เราก็เลยพร้อมจะทำให้เต็มที่ครับ งานอะไรก็ตามอยากทำให้คนดูมีความสุขเหมือนเดิมครับ”

เผยละคร “เพียงชายคนนี้ฯ” ใกล้ปิดกล้อง โดดรับเล่น “อาคม” ของทีวีซีนต่อ เชื่องานน้อยแต่คุณภาพ

“เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษใกล้จะปิดกล้องแล้วครับ เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของละครแล้ว เท่าที่ถ่ายมาก็สนุกสนานกันมาก แล้วก็เป็นละครปัจจุบันเรื่องแรกของผมครับ เราก็ตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก ๆ ช่องวางละครเรื่องใหม่ให้ปีหน้าเรื่องอาคม เป็นของอาปิ่น(ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์) การรับละครเท่าที่ผ่านมารับได้แค่ปีละเรื่อง แต่ปีหน้าจะมากกว่าหนึ่งเรื่องหรือเปล่าก็ต้องดูทางผู้ใหญ่คุยกันอีกทีครับ แต่ตอนนี้ต้นปีก็มีแล้วครับผม”

“ที่บอกว่าช่องป้อนงานให้ผมน้อย โอ้ย (หัวเราะ) ผมก็ไม่ได้ซีเรียสหรอกครับ ว่าช่องจะป้อนมากป้อนน้อย เพราะสุดท้ายเขามีงานที่สนุก ๆ มีงานดี ๆ ให้เราทำ เราก็ขอบคุณผู้ใหญ่มาก ๆ แล้วครับ เราก็มีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด”

“ไม่เคยคุยกับพี่เอเรื่องนี้ครับ เพราะเรารู้ว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ที่ผู้ใหญ่ต้องคุยกันครับ อย่างเมื่อก่อนบางทีก็ติดเรื่องเรียนด้วย เราก็เลยต้องแบ่งเวลาของเรา ซึ่งอนาคตก็ต้องดูต่อไปครับว่าจะแบ่งเวลาได้มากน้อยแค่ไหน แต่เราก็พร้อมที่จะทำงานเต็มที่ครับผม”

“คนไม่ลืมหน้าหรอกครับ แต่เราก็อยากจะให้คนได้เห็นเราเรื่อย ๆ แหละ เอาจริง ๆ แต่ที่ผ่านมาก็ละคร 2 เรื่องโอเคครับ ฟีดแบ็กก็ดี คนจำเราได้มากขึ้น ทั้งบทคุณชายรณพีร์ ทั้งพ่อเหม ก็ดีใจครับ”

ไม่เสียดายอีเวนต์หด บอกแฮปปี้ได้เจอแฟนคลับเรื่อย ๆ

“ช่วงนี้เรียนจบแล้วก็มีคิวถ่ายหนังพอดี ส่วนปีหน้าเราก็ต้องดูอีกทีหนึ่งครับว่ามีละคร มีจังหวะที่โอเคหรือเปล่า งานอีเวนต์ก็เรื่อย ๆ ครับผม เพราะส่วนใหญ่เราก็ต้องถ่ายละครเป็นหลัก เรื่องพรีเซ็นเตอร์อันนี้ก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เช่นกันครับ เราเป็นนักแสดงเราก็ต้องถ่ายละครให้ดีที่สุดครับ ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องภายนอกที่ผู้ใหญ่จะจัดให้เราครับ”

“ไม่เสียดายครับ เพราะว่าไม่ถี่แต่ผมก็เรื่อย ๆ นะครับ ผมก็ได้เจอแฟนคลับอยู่เรื่อย ๆ เดือนหนึ่งก็มี 2 - 3 ครั้ง แค่นี้ก็แฮปปี้มาก ๆ แล้วที่เราได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับหลากหลายคน แล้วก็ได้เจอแฟนคลับ”

ฟุ้งรับปริญญา 22 พ.ย. เกรดเฉลี่ย 2.95 และกำลังจะต่อปริญญาโทด้านการท่องเที่ยวต่อ

“รับปริญญาเดือนหน้าครับ 22 พ.ย. ครับผม เชิญพี่ ๆ นักข่าวด้วยได้ไหมครับ(หัวเราะ) ผมจบ 4 ปีครึ่งครับ จริง ๆ จบตามเกณฑ์แต่มีเทอมหนึ่งที่ย้ายคณะเท่านั้นเองครับ ก็เลย 4 ปีครึ่ง แต่โดยรวมผมก็โอเค เพราะผมทำดีที่สุดแล้ว เรียนให้ได้มากที่สุดมาตลอดไม่เคยดรอปครับผม เกรดเฉลี่ยได้ 2.95 ครับ ก็พอใจมาก ๆ ครับ คณะศิลปศาสตร์ Business English บริหารอังกฤษธุรกิจครับ ก็พอใจมาก ๆ ครับกับคิวงานและการเรียนของเรา ซึ่งผมก็เป็นคนเรียนไม่เก่งมากมาย แต่เราก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ครับ”

“ลองชุดครุยแล้วก็ร้อนดีครับ(หัวเราะ) ตื่นเต้นมากครับ คือวันนั้นถ่ายรูปเก็บไว้แล้วก็รู้สึกว่ามันมีหลายสเต็ปมาก ต้องติดหลายอย่างมาก ก็จำไว้ครับ จำให้ดี ๆ ว่าต้องติดอะไร วันจริงจะได้ไม่ติดผิดเนอะ เดี๋ยวเขาจะว่าเราเอาครับ”

“เรื่องต่อปริญญาโทก็เป็นเรื่องที่เราวางแพลนไว้ เราก็รู้สึกว่าเราเรียนไหวเรียนได้อยู่ ทำงานไปเรียนไปได้ ก็เลยต่อซะเลยครับ สาขา MBA ครับ แล้วก็ทัวริสซึ่ม เมเนจเมนต์เรื่องการท่องเที่ยวครับ ที่เลือกเรียนทัวร์เพราะรู้สึกว่าอย่างประเทศเราเนี่ยเรื่องการท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเกิดเราเรียนตรงนี้เอาไว้เพราะการท่องเที่ยวมันคุมทุกอย่างเลยไงครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกิน การอยู่ ถ้าเราเรียนตรงนี้เอาไว้อาจจะมีวิชามีความรู้มากขึ้นที่จะไปทำอะไรในอนาคตก็ได้ หรืออย่างน้อยก็มีความรู้เก็บไว้กับตัว วันหนึ่งอาจจะเปิดบริษัททัวร์ก็ได้(หัวเราะ) ก็ต่อที่เดิมครับ ที่เอแบค สมัครเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ก็รอเปิดเทอมครับ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากแล้วครับ ก็ฝากภาพยนตร์เรื่องไมโครเลิฟด้วยนะครับ”