Inside Dara
ผมแค่ขอทำวันนี้อย่างที่ต้องการสารจากใจ'เก้า-จิรายุ'

เห็นหน้าค่าตากันมานาน แถมล่าสุด กำลังจะมีผลงานภาพยนตร์ "ตุ๊กแกรักแป้งมาก" ประกบคู่นางเอกป้ายแดง "เพลง" ชนม์ทิดา อัศวเหม สัปดาห์นี้ คมชัดลึก เลยขอจับ "เก้า" จิรายุ ละอองมณี มาอัพเดทชีวิต และพาไปรู้จักหนุ่มคนนี้กันให้มากยิ่งขึ้น

เล่างานแสดง ในตอนนี้
ภาพยนตร์เรื่องล่าสุด "ตุ๊กแกรักแป้งมาก"

ผมไม่ได้รับงานแสดงภาพยนตร์มานาน ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในปีนี้ของผม เป็นหนังแนวโรแมนติก คอมเมดี้ ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ และมนต์ขลังของยุคเดอะพาเลซ ซึ่งยุคนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต เป็นยุคที่ความรักจับต้องได้มากกว่ายุคปัจจุบัน หลายคนจะงงกับชื่อเรื่อง แต่ถ้าใครได้ดู ก็จะทราบว่าทำไมตุ๊กแกถึงรักแป้งมาก

ได้แสดงร่วมกับ "เพลง" ชนม์ทิดา ซึ่งเป็นนักแสดงใหม่ รู้สึกอย่างไรบ้าง

ในเรื่องนี้ผมแสดงเป็นตุ๊กแกตอนโต ส่วนพาสเด็กจะเป็นน้องแม็ค (ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์) เป็นคนเล่น เรื่องนี้ได้แสดงร่วมกับเพลงเป็นครั้งแรก คือเพลงมารับบทเป็นแป้ง ในกองถ่ายก็สนุกสนาน เพลงเขาเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน และเป็นคนที่มีความสามารถ พอได้แสดงร่วมกับเขาหลายๆ ครั้งจะทราบว่าเขาพัฒนาการแสดงได้เร็วมาก เล่นกับเพลงไม่หนักใจเลย ส่วนผมก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ในกองผมไม่ได้แนะนำอะไรเขาเป็นพิเศษ เพราะเราก็ไม่ได้เก่งมากพอที่จะแนะนำอะไรเขาได้ โชคดีที่เขาเป็นคนที่มีความตั้งใจ และมีเซ้นส์ในการแสดงเหมือนกัน ทำให้เราสบายใจเวลาแสดงร่วมกับเขา

คิดนานไหมว่าจะรับแสดงเรื่องนี้

ไม่นานหรอก เพราะเราอ่านบท แล้วเราค่อนข้างชอบ ประจวบกับ เรามีคิวว่างพอดี ได้ไปคุยกับทีมงาน 2-3 ครั้ง ผมก็รับเล่นเลย เพราะเราก็รู้จักพี่ต้อม (ยุทธเลิศ สิบปาง) อยู่แล้ว เราเคยดูหนังของเขา เคยคุยและเคยเจอเขามาบ้าง หนังของเขาหลายเรื่อง เราก็ประทับใจ ทำให้ตัดสินใจไม่ยากที่จะรับงานนี้ ส่วนบรรยากาศในกองก็สนุกสนาน ผมค่อนข้างสนิทสนมกับทีมงาน ทุกคนน่ารักและเป็นกันเอง เลยทำให้บรรยากาศในกองถ่ายค่อนข้างดี อย่างที่ทราบกัน ว่าภาพยนตร์นั้นมีหลากอารมณ์ ต้องนำเสนอหลายๆ ด้านของชีวิต ในเรื่องนี้นอกจากสนุกสนานแล้ว ฉากดราม่าก็มีเหมือนกัน ซึ่งผมว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่ให้กำลังใจบางอย่างได้

เม้าท์เรื่องเพลง งานที่เพิ่งตั้งไข่
มีข่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เพลงที่เก้าแต่งเองเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์

ตอนนี้ผมเป็นนักแสดงอิสระ อย่างงานเพลงก็เป็นความโชคดีของผม ต้องขอบคุณผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่ให้โอกาส จริงๆ แล้วเพลง "รักเธอคนเดิม" ที่ผมแต่งมันอยู่ในโปรเจ็กต์ เลิฟพิว 2 บาย ฟองเบียร์ (ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม) ผมรู้สึกดีที่เขาเอาเพลงผมไปใช้ ถือเป็นความโชคดีที่เพลงนี้ มันมีเนื้อหาที่เข้ากับหนังพอดี และเพลงนี้เกิดขึ้นได้เพราะความใจดีของพี่ฟองเบียร์ ที่เราได้ร่วมงานกัน เขาเป็นคนสอนผมแต่งเพลงตั้งแต่เริ่มแรก จนเพลงนี้เราเริ่มที่จะตั้งตัวได้ ก็เลยเริ่มแต่งเพลงดู และลองเอาไปเสนอพี่ฟองเบียร์ดูซึ่งเขาก็ให้ผ่าน เวลานั้นผมดีใจมาก เพราะการแต่งเพลง มันเป็นความแปลกใหม่ในชีวิต ซึ่งมันแตกต่างกับงานแสดง ที่ผ่านมาเราอาจเคยร้องเพลของคนอื่น ซึ่งมันไม่เหมือนกับการได้ร้องเพลงของตัวเอง

แว่วว่าเพลงนี้มียอดวิวหลักแสนแล้ว

ดีใจมาก..ก เพราะเราปล่อยไปได้ไม่นาน ตอนนี้ยอดวิวเกือบ 4 แสนแล้ว ดีใจที่หลายๆ คนให้ความสนใจ จริงๆ แล้วเราไม่ได้คาดหวัง ว่ายอดวิวจะสูงขนาดนี้ เพราะมันเป็นเพลงแรกที่เราแต่งเอง ร้องเอง ผมพยายามทำเพลงที่ฟังง่ายๆ คนจะได้เข้าถึง ตอนแรกผมตั้งใจว่า แค่คนฟังเปิดใจรับฟังเพลงของผม อาจมีแสดงความคิดเห็นเพื่อที่ผมจะได้นำข้อความเหล่านั้นมาปรับปรุงผลงานก็โอเคแล้ว

ผ่านมาแล้วทั้งงานแสดงละคร-ภาพยนตร์ และล่าสุดกับงานเพลง โดยส่วนตัวชอบอะไรมากที่สุด

จริงๆ ที่ผ่านมา ผมก็ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ ไม่เคยมองว่าชอบอะไรมากกว่ากัน เราได้ทำงานเหล่านี้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ตอนนี้อยากทำทุกอย่าง หลายคนอาจดูว่าเราทำหลายอย่างแล้วจะดีหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันคล้ายกัน สิ่งเหล่านี้ มันเป็นงานศิลปะเหมือนกัน มันเติมเต็มกันได้

ผลงานหลังจากนี้มีผลงานอะไรบ้าง

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะมีผลงานภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งของ M39 คือ "โจหัวแตงโม" ไม่มั่นใจว่าจะได้ฉายปีนี้หรือเปล่า นอกจากนี้มีถ่ายซีรีส์ไว้เรื่องหนึ่ง และตอนนี้ผมก็เน้นเรื่องเรียน เพราะตั้งแต่ปิดเทอมมา ผมก็ทำงาน ตอนนี้ใกล้เปิดเทอมแล้ว ต้องเน้นเรื่องเรียนนิดหน่อย เพราะเทอมหน้าผมจะต้องเรียนหนักขึ้น เพราะเท่าที่ฟังรุ่นพี่บอกต่อๆ กันมา เรียนปี 2 จะหนักกว่าตอนที่เราเรียนปีหนึ่ง เรียนไปเท่าที่เราจะทำได้

ตัวตนของ เก้า ในวันนี้
เก้าคิดว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร

ผมไม่ได้เป็นคนที่ทะเยอทะยานมาก เป็นคนสบายๆ ไม่ได้มองตัวเองไปไกล ผมแค่ขอทำวันนี้อย่างที่ต้องการ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในวันหลัง ผมก็ต้องทำให้ตัวเองไม่ต้องมองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกเสียดาย

ค้นพบตัวเองหรือยัง

ผมคิดว่าคงไม่ไปไหน เพราะวงการนี้ก็ให้ประสบการณ์ผมหลายอย่าง ผมอาจจะไม่ยึดว่าต้องเป็นอาชีพถาวร แต่ตอนนี้ผมก็ยังอยากเรียนรู้มันต่อไป เราอาจไม่ชอบทุกสิ่ง แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดี และมีหลายๆ อย่างที่เราประทับใจ มีคนดีๆ อยู่เยอะ ถ้าเรามองดีๆ มีหลายคนที่ผลักดันเรา ดีใจที่เขายังอยู่ และผมก็มีความสุขมาก

อยู่วงการมานานรู้สึกชีวิตวัยรุ่นขาดหายไปไหม

ผมรู้สึกว่าได้อย่างก็ต้องเสียอย่างอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าเราขาดบางสิ่งไปก็จะถูกแทนด้วยบางสิ่งเสมอ ผมอาจจะน้อยใจนิดหน่อยตอนเด็กๆ แต่พอคิดถึงตอนนี้ก็จะเห็นว่ามีหลายคนที่อยากเป็นแบบเรา แต่เขาไม่ได้มีโอกาส และมันก็เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่สิ่งที่แย่ มันให้อะไรหลายอย่าง ถือว่าแลกละกัน ส่วนอารมณ์หลงระเรงก็ต้องมีบ้าง แต่อาจจะจำไม่ได้ว่าช่วงไหน มันก็มีข่วงเวลาที่เราพลาด ที่เราคิดผิดไป อะไรที่พลาดก็ถือว่าเป็นบทเรียน แต่อย่างน้อยก็เป็นเรื่องดีที่ผมเคยพลาดแล้วหลายๆ คนยังให้โอกาสเรา

ทำอย่างไรกับมรสุมข่าวต่างๆ ที่ผ่านมา

ทำใจ (ยิ้ม) ผมอยู่วงการมานาน เราก้าวข้ามผ่านอะไรมาตั้งเยอะแยะ เข้าใจเรื่องข่าวนะแม้จะแอบเซ็งนิดๆ ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าผมจะลาวงการ ผมอยากบอกว่าไม่เคยมีความรู้สึกว่าจะเลิกทำงานจริงๆ ข่าวก็คือข่าว ถ้าอ่านเนื้อข่าวก็จะรู้ว่าไม่มีอะไร หรือแม้แต่เรื่องข่าวที่โดนหลอกไปพม่า บางทีก็ว่าเราสร้างกระแส จริงๆ ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร เพียงแต่บางครั้ง เราก็อยากให้มันเป็นข่าวที่เป็นความจริง อะไรที่ไม่จริงก็ขออนุญาตให้ผมได้พูด ต้องขอบคุณพี่ๆ นักข่าวที่ให้ผมได้ชี้แจง เวลามีข่าวต่างๆ ออกมา

สุขแบบเก้า คิดแบบเก้า
ดูตอนนี้แฮปปี้กับงาน

แฮปปี้มากเพราะช่วงนี้เราเริ่มโตขึ้น ก่อนหน้านี้เราเคยรั้นเคยไม่ค่อยเชื่อฟังใคร ถึงตอนนี้ผมก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองหัวอ่อนนะ แต่เราก็รับฟังความคิดเห็นคนอื่นมากขึ้น ผู้ใหญ่หลายคนก็มีประสบการในการทำงานเชื่อฟังไว้ก็ไม่เสียหาย ถ้ามันถูกต้องแล้วเรานำมาใช้ มันก็เป็นผลดีกับตัวเรา เมื่อเรามองย้อนกลับไปว่า เราผ่านอะไรมาบ้าง เราผ่านเรื่องราวเหล่านั้นได้อย่างไร มันเป็นช่วงที่ผมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นเล็กน้อย

ทำงานในวงการหลายปีคิดว่าตัวเองดังขึ้นหรือเปล่า

ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองดังขึ้น ผมทำงานไม่เคยคาดหวังเรื่องชื่อเสียง เรารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ มันอยู่ที่ว่าเราเรียนรู้จากมันได้มากแค่ไหน เราจะสามารถช่วยเหลือครอบครัว เท่าที่เราจะทำได้ในฐานะเด็กคนหนึ่ง พอโตขึ้น อาจจะดูเป็นอาชีพที่เรายึดมันมากขึ้นเท่านั้น แต่เราก็ไม่ได้ยึดติด แค่รู้สึกว่า ถ้ามีคนชอบผลงานของเรา ถือว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว

วงการบันเทิงยุคปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิมมากไหม

จริงๆ แล้ววงการบันเทิง ก็เหมือนวงการอื่นๆ ถามว่าเปลี่ยนไปไหมก็เปลี่ยนไปนะ จะเห็นได้ว่าดาราเป็นได้ง่ายขึ้น ใครก็เป็นดาราได้ ส่วนเรื่องความตั้งใจก็สูงขึ้น การแข่งขันก็สูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะมันทำให้เราพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้น หลายคนยังเข้าใจผิดว่าดาราและนักแสดงนั้นเหมือนกัน ผมอยากบอกว่ามันไม่เหมือนกันนะ ดาราบางคนดังมากแต่กลับไม่มีผลงานอะไรเลย หลายคนจะโปรโมทเรื่องข่าวของตนเองมากกว่าผลงาน ผมคิดว่าถ้าเราใส่ใจเรื่องงานมากกว่าข่าว มันจะทำให้วงการเราพัฒนาเร็วกว่านี้ เดี๋ยวนี้เด็กรุ่นใหม่เก่งๆ เยอะมาก หลายคนพยายามพัฒนาตัวเองก็ขอชื่นชม ยินดีที่มีคนใหม่ๆ เข้ามา มันทำให้เรารู้สึกว่าต้องผลักดันตัวเองให้พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ

ความสัมพันธ์กับ "มายด์" วิรพร จิรเวชสุนทรกุล ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่บวกไม่ลบ เป็นเพื่อนกันปกติ ยังไม่มีแนวโน้มที่จะพัฒนาเป็นแฟน ที่ไม่พัฒนาไม่ใช่เพราะผู้ใหญ่หรือคุณแม่ห้ามนะ ผมว่ามันเกี่ยวกับเรื่องเวลามากกว่า ผมมองว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาในการดูแลเทกแคร์ ทุกวันนี้ผมมีเรื่องเรียน เรื่องงาน ก็กินเวลาในชีวิตประจำวันไปเกือบหมดแล้ว เรากลัวว่าถ้าเรามีความรักตอนนี้เราจะไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เต็มที่ ถ้าเรามีความรักแล้วเราจัดสรรเวลาไม่ได้ก็พักไว้ก่อนดีกว่า จริงๆ แล้วผมก็พักเรื่องนี้นานแล้วนะ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีตอนนี้


เขาคนนี้ชื่อ "เก้า" จิรายุ ละอองมณี
เกิดวันที่ 29 ตุลาคม 2538
การศึกษา กำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิชาเอกการแสดงและกำกับการแสดงภาพยนตร์
ผลงาน "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" "ห้าแพร่ง" "เลิฟจุลินทรีย์ รักมันใหญ่มาก" "รัก 7 ปี ดี 7 หน" "last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย" ฯลฯ
ผลงานปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่อง "ตุ๊กแกรักแป้งมาก " ฯลฯ