Inside Dara
ณเดชน์-ชมพู่ คว้ารางวัลเมขลา

หนุ่มหล่อ "ณเดชน์" สาวสวย "ชมพู่"คว้ารางวัลเมลขลาดารานำชายหญิง จากเรื่องเกมร้ายเกมรักและดอกส้มสีทอง "เสี่ยตา"ได้ผู้ดำเนินรายการดีเด่น

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 10 มี.ค.ที่หอประชุมมงคลอาภากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมช่างภาพผู้สื่อข่าวโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, มูลนิธิศิลปะเพื่อมวลมนุษย์ อาร์ต ฟอร์ ออล, สมาคมส่งเสริมความจริงของพระพุทธศาสนา และองค์กรสื่อมวลชนหลายภาคส่วน รวมทั้งองค์กรศาสนาต่าง ๆ ได้จัดงานประกาศรางวัลผลงานดีเด่นทางโทรทัศน์ “รางวัลเมขลา, รางวัลมณีเมขลา และรางวัลดาวเมขลา” ภายใต้โครงการ “รวมใจภักดิ์ รักแผ่นดิน เทิดไท้องค์ราชัน” ครั้งที่ 24 ประจำปี 2554

สำหรับรางวัลเป็นประเภทต่าง ๆ ทั้งรางวัลประเภทละคร พิธีกร วาไรตี้ เกมส์โชว์ บันเทิง โดยรางวัลละครเมขลามหานิยมแห่งปีได้แก่ “รอยไหม” ทางช่อง 3 รางวัลดารานำชายเมขลามหานิยมแห่งปี ได้แก่ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” จากเรื่อง “เกมร้ายเกมรัก” ช่อง 3, รางวัลดารานำหญิงเมขลามหานิยมแห่งปีคือ “ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต” จากละครเรื่องดอกส้มสีทอง ช่อง 3 ,รางวัลผู้กำกับเมขลามหานิยมแห่งปีได้แก่ “พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” จากละคร “รอยไหม” ,รางวัลดาราสมทบชายเมขลามหานิยมแห่งปีได้แก่ “ชุมพร เทพพิทักษ์” จากเรื่อง “เงาพราย” รางวัลดาราสมทบหญิงเมขลามหานิยมแห่งปีได้แก่ “ศิริลักษณ์ ผ่องโชค” จากละครเรื่อง “ตลาดอารมณ์” ช่อง 5 , รางวัลบทโทรทัศน์เมขลามหานิยมแห่งปีได้แก่ศัลยาจาก “ดอกส้มสีทอง” รางวัลเพลงนำละครเมขลามหานิยมแห่งปีได้แก่เพลง “ไม่เหลืออะไรเลย” จากละคร “ตลาดอารมณ์”

ส่วนรางวัลผู้ดำเนินรายการชายดีเด่นเมขลามหานิยมได้แก่ “ปัญญา นิรันดร์กุล” จากรายการ “เอสเอ็มอี ดีแตก” ช่อง 5 ,รางวัลผู้ดำเนินรายการหญิงดีเด่นเมขลามหานิยมได้แก่ “วริศรา กำธรเจริญ” จาก “คลับมันตรา” ช่อง 5 ด้าน รางวัลพิธีกรข่าวชายดีเด่นมหานิยมแห่งปีได้แก่ “กิตติ สิงหาปัด” จากข่าว 3 มิติ รางวัลพิธีกรหญิงดีเด่นนมหานิยมแห่งปีได้แก่ “ณัฏฐา โกมลวาทิน” และรางวัลศิลปินต่อต้านยาเสพติด (ปปส.) คือ มาริโอ เมาเร่อ และ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์.

น้ำฝน รักไม่หวือหวาเน้นเข้าใจ

ว่าเป็นอีกหนึ่งสาวที่วางตัวดีและไม่มีข่าวฉาวเลย สำหรับ น้ำฝน-พัชรินทร์ จัดกระบวนพล ที่วันนี้เธอจะขอเปิดเผยเรื่องราวของเธอให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่หลายคนคิดว่าเธอมักได้เป็นแต่นางเอกละครตอนเย็น รวมทั้งความรัก ที่ตอนนี้ดูแฮปปี้สุด ๆ กับพระเอกหนุ่ม อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม ด้วย


ถามถึงฟีดแบ็ก “แม่แตงร่มใบ” หน่อย?

“กระแสตอบรับดีตั้งแต่ก่อนละครออนแอร์แล้วค่ะ มีคนบอกว่าเห็นทีเซอร์แล้วน่าดู น่ารักดี คือละครมันออกแนวสนุกสนาน ไม่เครียด ซึ่งเรื่องนี้อย่าเรียกว่าฝนรับบทห้าว ๆ เลย ฝนว่ามันเป็นผู้หญิงที่กะล่อนมากกว่า แล้วก็ฉลาดแกมโกง เรื่องนี้ฝนจะเป็นผู้หญิงมาก แต่จะแสนซนค่ะ ซึ่งต่อจากเรื่องนี้ ฝนก็จะมีเรื่อง “สะใภ้ซ่า แม่ย่าเฮี้ยนค่ะ” ก็เป็นละครแบบคอมเมดี้มีผีด้วย เล่นกับพี่อั๋น-วิทยา เรื่องนี้ก็จะเป็นผู้หญิงแบบสู้ ๆ หน่อย ก็เปิดกล้องไปประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะ ส่วนคิวออนแอร์ยังไม่ทราบเลย”

หลายคนมองว่าเราเล่นแต่ละครตอนเย็นตลอดเลยนะ?

“จริง ๆ แล้ว ของฝนเล่นตอนไหนก็ได้ เพราะว่าเราเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะเป็นบทบาทอะไรก็ทำได้อยู่แล้ว ส่วนที่หลายคนมองว่าละครเย็นโปรดักชั่นอาจจะไม่ดีเท่าละครตอนกลางคืน สำหรับฝนคิดว่าการทำละครเรื่องนึงมันยากอยู่แล้ว ทางช่อง 3 พยายามทำให้ทุกเรื่องออกมามีคุณภาพดีที่สุด แต่ละครเย็นมันเป็นละครที่สามารถดูได้ทั้งครอบครัว เป็นละครเบาสมอง ไม่ใช่เนื้อหาแบบดราม่าจัด ที่คงไม่เหมาะสำหรับเด็ก ฉะนั้นถ้าจะแบ่งว่ามีคุณภาพหรือไม่มีคุณภาพฝนว่าไม่ใช่ น่าจะแบ่งกันที่เรื่องที่ตอนเย็นสามารถดูได้ทั้งครอบครัว แล้วก็มีข้อคิดดี ๆ สร้างสรรค์สังคมในส่วนนึง แต่กลางคืนเนื้อหาจะหนักหน่อยได้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่แล้วที่ดูค่ะ ถามว่าถ้าใครเรียกเราว่า “เจ้าแม่ละครเย็น” เรายินดีมั้ย ฝนยินดีอย่างยิ่งค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าจริง ๆ ยังไงก็ได้ที่เราทำงานเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะละครเรื่องอะไร บทอะไรก็แล้วแต่ เราทำได้ทั้งหมด ก็แฮปปี้ค่ะ”


ตัวจริงน้ำฝนเป็นคนยังไง?

“ก็จะมีทั้งห้าวแล้วหวานอย่างละครึ่งค่ะ อย่างเรื่องห้าว ๆ ที่ทำให้เราเจ็บตัว ก็จะเป็นเมื่อตอนเด็ก ๆ ฝนจะแสบมาก จะต่อยกับเพื่อนผู้ชายเลย เพราะเมื่อก่อนฝนจะฟันเหยินมาก แล้วเพื่อนก็ชอบแซว จนเราโกรธ ก็เลยต่อยกับเพื่อนผู้ชายเลย ซึ่งเราไม่ได้แผล แต่ผู้ชายก็โดนไปหลายหมัดเหมือนกัน เหมือนเขาไม่กล้าทำอะไรเรามาก แต่เราก็เต็มที่เพราะโมโห พอครูตัดสินเราก็ถูกอยู่แล้ว เพราะเราเป็นผู้หญิงค่ะ ส่วนมุมหวาน ๆ ก็อย่างเช่นอารมณ์เลี้ยงน้องหมา ก็จะเป็นอีกคนนะ เพราะฝนค่อนข้างรักหมามาก และก็จะตามใจ จะคุยเหมือนเป็นลูกเลย ใครเห็นก็จะบอกว่ารักหมาเกินไป ซึ่งที่บ้านก็เลี้ยงไว้ 3 ตัว ซึ่งก็มีตัวนึงที่พี่อาร์ตให้มาชื่อ “ถุงทอง” ตอนนี้ก็ 2 ขวบนิด ๆ แล้วค่ะ”


อยู่วงการมาจะ 7 ปีแล้ว วงการบันเทิงให้อะไรกับน้ำฝนบ้าง?

“ให้ความเป็นผู้ใหญ่ค่ะ เพราะตอนที่เพิ่งมาทำงานแรก ๆ ฝนยังเป็นเด็กอยู่ คือฝนเป็นลูกคนเดียว ไม่เคยโดนใครว่า ทำอะไรก็ได้ ขอแค่ถูกต้อง แต่พอเรามาทำงานบางครั้งก็ต้องมีทั้งคำติ คำชม เลยทำให้เราสามารถเรียนรู้ได้ว่าโลกนี้กว้างมาก และมีคนอีกเยอะเลยที่เรายังไม่เคยเจอ ถามว่าคำติไหนที่ทำให้ฝนรู้สึกแย่ที่สุด ก็คงเรื่องการแสดง ซึ่งตอนแรกที่ฝนเล่นก็แย่มาก เรื่องแรกคือเรื่อง “นางฟ้าไซเบอร์” ต้องเล่นเป็นหุ่นยนต์ ซึ่งยากมาก พอเรื่องนั้นจบไป กว่าจะสลัดลุคหุ่นยนต์ออกก็ยากเหมือนกัน เหมือนเราประสบการณ์น้อย ก็ติดมาเรื่องที่ 2 เรื่องที่ 3 คนก็จะว่าว่าเล่นแข็ง อันนี้เป็นสิ่งที่เครียดมาก รู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต ไม่อยากเป็นดาราแล้ว ทำไมเราต้องมาโดนคนว่า จนเวลาและคนที่รักเราจริง ๆ ก็สอนให้เราโตขึ้น เพราะจริง ๆ แล้ว เราต้องมอง 2 มุมค่ะ มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นธรรมดา แล้วคุณแม่ก็สอนว่าเราไม่สามารถบังคับให้ใครมารักเราได้ มุมคนที่รักเราก็มีเยอะแยะ ทำไมเราไม่มอง ไปมองแต่คนที่ไม่รักเรา เราก็เลยเลือกมองคนที่รักเราและหวังดีกับเราจริง ๆ มาเป็นกำลังใจให้เราสู้ ใครที่ติให้เราดีขึ้น เราก็จะฟัง แต่ถ้าใครติด้วยอคติเราก็ไม่ฟังดีกว่าค่ะ”


เราเองก็เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยมีข่าวฉาว เรามีวิธีวางตัวยังไง?

“จริง ๆ ฝนเป็นตัวเองให้มากที่สุดค่ะ ไม่อยากให้คนรู้จักในแบบที่ไม่ใช่ฝนเอง เราเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ฝนไม่ใช่คนชอบเที่ยว ไม่ใช่คนเปรี้ยวขนาดนั้น ฝนคิดเสมอว่า ฝนเกรงใจคนไทย เกรงใจครอบครัว ฉะนั้นทุกอย่างที่ฝนทำ มันต้องกลั่นกรองออกมาจากสมอง จากความคิดทุกอย่างแล้วว่าทำไปแล้วมันดีหรือไม่ดี ถามว่าเป็นดาราแล้วรู้สึกอึดอัดใจมั้ยที่บางทีก็ทำบางอย่างไม่ได้ มันก็มีนะคะ ตอนแรก ๆ ที่เข้ามามันยังไม่รู้สึกว่าต้องเป็นคนของสังคม บางครั้งออกไปข้างนอกแต่งตัวไม่สวย คืออยากแต่งสบาย ๆ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ เพราะคนที่เห็นเราในละครเขาชื่นชมว่าเราสวย แต่พอมาเจอเราจริง ๆ โทรมมาก หน้าตาแย่มาก ชีวิตนึงเราอาจจะเจอเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขาจะจำภาพนั้นไปตลอด ดังนั้นเราก็ต้องปรับปรุงเรื่องความคิดที่ไปไหนเราก็ต้องดูดีนิดนึงค่ะ”


ตอนนี้ช่อง 3 ผลิตเด็กใหม่มาเยอะเลยเรารู้สึกยังไงบ้าง?

“ฝนว่ามันเป็นเรื่องปกติ ที่ต้องมีรุ่นใหม่ ๆ เกิดมาตลอด ตอนนั้นฝนเองก็เป็นรุ่นใหม่เหมือนกัน ตรงนี้ฝนมองว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ช่องจะได้พัฒนาบุคลากร เพื่อคนดูจะได้มีอะไรดูมากขึ้น ถามว่ากลัวมั้ยว่าเด็กใหม่จะมาเบียดเรา ก็ไม่นะคะ เพราะแต่ละคนก็จะชัดเจน และช่วงวัยก็จะมีความแตกต่างกัน ฝนก็คงอยู่ในช่วงสำหรับฝน ไม่มีใครแย่งงานกันอยู่แล้วค่ะ”

ถามถึงเรื่องความรักบ้างคบกับอาร์ตมา 4 ปีแล้ว มีวี่แววแต่งงานกับเขาหรือยัง?

“ยังแน่นอนค่ะ เพราะฝนรู้สึกว่ายังมีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบนี้ การเป็นแฟนกัน ยังมีความสุขที่เรายังไม่ได้อยู่ในฐานะภรรยาหรือฐานะแม่ มันก็เลยไม่รู้ว่าจะรีบแต่งไปทำไม เราเคยคุยเรื่องนี้กันบ้างมั้ย ก็คงเป็นการที่คุยกันแบบสนุกสนานมากกว่า ไม่ได้คุยจริงจังค่ะ ถามว่าเคยมองชีวิตตัวเองหลังแต่งงานบ้างหรือเปล่า ในความคิดของฝนเมื่อสัก 5 ปีที่แล้วก็คิดว่าไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก พอตอนนี้เราโตขึ้น ก็รู้สึกว่าชีวิตสักวันนึงมันคงต้องมีแหละ แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้แน่ ๆ ซึ่งฝนคิดว่าถ้าฝนแต่งงานไปแล้วจริง ๆ ก็คงต้องดูแลครอบครัวเป็นเรื่องหลัก แต่ตอนนี้เรายังมีความสุขกับการเป็นเวิร์กกิ้ง วูแมน เลยยังไม่ได้คิดอะไรมากถึงตรงนั้นค่ะ”


ยังมีเรื่องไหนที่ต้องปรับเข้าหากันอีกมั้ย?

“ยังมีอยู่เรื่อย ๆ ตอนนี้ก็เป็นเรื่องโทรศัพท์ค่ะ เพราะฝนจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบโทรฯ บอกว่าถึงไหน เพราะเป็นคนขี้ลืม แต่เขาจะโทรฯบอกฝนตลอดว่าพี่ถึงนี่แล้วนะ พี่จะกลับแล้วนะ แต่คือเราแค่บอกเขาจะได้ไม่ต้องห่วงว่าขับรถเป็นยังไง แต่ฝนลืมเรื่องนี้ประจำ ถามว่าการที่เขาบอกให้เราโทรฯ มันทำให้เรารำคาญมั้ย ก็ไม่เลยค่ะ เพราะเราไม่ใช่คนที่คุยโทรศัพท์นานทั้งคู่ แบบอย่าเพิ่งวางนะ คือเราแค่คุยกันรู้เรื่องก็วาง นอกจากมีเวลาก่อนนอนก็คุยกันค่ะ”


อะไรในตัวอาร์ตที่ทำให้น้ำฝนประทับใจที่สุด?

“ก็คงจะเป็นการดูแลเอาใจใส่ ความอบอุ่นของเขา ซึ่งสำหรับฝนเขาเป็นได้หลายอย่าง ทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งแฟน คนขับรถ คนทำอาหาร (ยิ้ม) ถามว่ามีเหตุการณ์ไหนที่พี่อาร์ตทำให้ประทับใจที่สุดมั้ย จริง ๆ ก็ประทับใจหลายอย่างนะคะ ถึงก่อเกิดมาเป็นการที่เราคบกันได้ แต่ที่ประทับใจ ก็เอาเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ดีสำหรับเรา ที่ต้องการคนที่ดูแล ห่วงใยกัน เช่น โทรฯ มาถามว่าเป็นยังไง หรือเวลาขับรถไปเที่ยวด้วยกันแล้วเราง่วงหลับ เขาก็มาห่มผ้าให้ อะไรแบบนี้ค่ะ”


การคบกันสำหรับน้ำฝนแล้วอะไรสำคัญที่สุด?

“ความเชื่อใจและความเข้าใจค่ะ เพราะบางครั้งการที่เราคบกันนาน ๆ จะมีหลายอย่างที่ทำให้มันมากระทบเราทั้งสองคน เราก็ต้องดูว่าเราเชื่อใจเขามั้ย พร้อมจะรับฟังเขาหรือเปล่า เรื่องต่าง ๆ ก็จะเป็นข้อพิสูจน์เรา ซึ่งที่ผ่านมาพี่อาร์ตก็สอบผ่านนะคะ (ยิ้ม) ตอนนี้ก็เชื่อใจเขา เพราะคนที่รักกันก็ต้องเชื่อใจกัน”


เห็นเราเคยให้สัมภาษณ์ว่าทั้งคู่มีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน มันเป็นปัญหามั้ย?

“ไม่เป็นปัญหาเลย เพราะสำหรับฝนเอง คนในครอบครัวก็ยังมีความคิดเห็นในเรื่องนี้ไม่ตรงกันเลย เพียงแค่เราคิดจะรักกัน ไม่ว่าคนในครอบครัวหรือแฟน เราก็ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน เขาชอบก็ส่วนเขา เราชอบก็ส่วนเราชอบ ไม่จำเป็นต้องบังคับให้ชอบเหมือนเราแค่นั้นเอง”


เห็นเป็นคู่ที่ไม่ค่อยหวือหวา แบบนี้มีอารมณ์หวาน ๆ บ้างหรือเปล่า?

“ก็มีเป็นปกติของทุกคู่นะคะ แต่ฝนคิดว่าเราไม่ควรมาแสดงออกในที่สาธารณะมาก เพราะยังไงเราก็เป็นคนของประชาชน และรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นต้องหวานมาก แต่ขอให้รักกันนาน ๆ ก็โอเคแล้ว ซึ่งฝนว่าพี่อาร์ตโรแมนติกกว่าฝนนะ เขาทำเซอร์ไพร้ส์เก่ง แต่ฝนทำไม่เก่ง เพราะฝนเป็นคนตรง ๆ และโกหกไม่เป็น ก็หลอกเขาไม่ได้ ส่วนเรื่องขี้หึงพี่อาร์ตก็เป็นมากกว่าฝนค่ะ (หัวเราะ) เขาจะหึงประจำอยู่เรื่อย ๆ คือเขาจะนิสัยเหมือนผู้หญิง ส่วนเราจะนิสัยเหมือนผู้ชายค่ะ”


จากนี้เราวางอนาคตตัวเองยังไง?

“ตอนนี้ก็คงทำงานในวงการบันเทิงให้เต็มที่ที่สุด เพราะเหมือนเราได้รับโอกาสที่ดี ก็มีจะเปิดร้านกาแฟสาขาที่ 2 ค่ะ เพราะสาขาแรกเปิดไปแล้วเป็นสาขาเล็ก ๆ สาขานี้ก็จะขยายขึ้นมาหน่อย ถามว่าร้านนี้จะชวนพี่อาร์ตมาร่วมมั้ย คือฝนจะเปิดคนเดียวค่ะ เพราะบางครั้งเรามีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ฉะนั้นขอความคิดเห็นในบางส่วน หรือขอคำแนะนำในสิ่งที่เราไม่รู้ดีกว่าค่ะ ส่วนเรื่องที่ว่าทำธุรกิจกับคนรู้จักกลัวการขัดแย้งมั้ย คือเรื่องขัดแย้งกับพี่อาร์ตฝนว่ามันไม่มีอยู่แล้ว แต่กับเพื่อนมันเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากในการทำธุรกิจ ฝนเห็นมาหลายทีแล้วนะที่บางครั้งมันไปด้วยกันไม่ได้ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ทำคนเดียวดีกว่าหรือถ้าเป็นของเพื่อนเราอาจจะไปช่วยแจมแต่คงไม่หุ้น ฝนว่าแบบนี้มันชัดเจนกว่าค่ะ” เรียกว่าเป็นสาวสวยที่นอกจากวางตัวดีแล้ว ยังมีแง่คิดดี ๆ ในการใช้ชีวิตในวงการอีกด้วย.

"อั้ม"เผยเบื้องหลังวาบหวิวกลางหิมะ หนาวทรมาน

สาวเซ็กซี่ตัวแม่ ′อั้ม′พัชราภา ไชยเชื้อ ให้สัมภาษณ์ถึงงานถ่ายแบบแฟชั่นรับลมร้อนให้กับนิตยสาร FAST ENTERTAINMENT MAGAZINE ที่เจ้าตัวประเดิมขึ้นปกเป็นครั้งแรก ว่า "เป็นแฟชั่นรับลมหนาวของอั้มนะคะ (หัวเราะ) แต่รับลมร้อนของทุกคนแล้วกันค่ะ วาบหวิวแหละค่ะ แต่ก็ชอบ"


ถามว่าบรรยากาศการถ่ายเป็นอย่างไรบ้าง อั้มกล่าวว่า "หนาวมาก หนาวจนไม่ไหว 4 ชุดแรกสบายๆ แต่ 2 ชุดสุดท้ายจะตาย แต่พี่จ๊อดช่างภาพถ่ายเร็วรูปนึง 4-5 แชะเอง ทำลายสถิติมากเพราะเขารู้เราหนาว"

ตอนถ่ายสั่นมากหรือเปล่า "4 ชุดแรกไม่เท่าไหร่ เพราะเพื่อนๆ ไปเยอะ ไปเอาผ้าห่มโรงแรมมาห่มกัน เอาถุงน้ำร้อนมาแปะๆ ทั้งตัว แล้วนั่งรถไปถ่ายต่อเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ ลงไปก็ถ่ายต่อทำแบบนี้จนกว่าจะถ่ายเสร็จ ทรมาน แต่ชอบค่ะถือว่าไปได้ใจจริงๆ เพราะเราใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นมาก แต่เราสู้พยายามทำหน้าให้เหมือนเดิมไม่ให้หน้าเบี้ยว (หัวเราะ)"


ต่อข้อถามว่า ที่บ้านว่าอย่างไรบ้างกับแฟชั่นเซ็กซี่ชุดนี้ "ที่บ้านเห็นแล้วค่ะ แต่หนังสือยังไม่ถึงที่บ้าน แต่เขาพอรู้ข่าวแล้ว เขาก็บ่นปกติ ทุกเซ็ตก็บ่นแต่เข้าใจว่านี่คืองานของเรา ที่บ้านก็ไม่ถามอะไรมากแต่ก็บ่นปกติตามที่พ่อแม่เขาเป็นห่วงลูกแค่นั้นเอง ก็มีบอกว่าโอ้ยอีกแล้วเหรอ (หัวเราะ)"

เมื่อถามว่า หนุ่มที่ใกล้ชิดกันอยู่ตอนนี้ ว่าอย่างไรบ้าง อั้มกล่าวว่า "เขายังไม่เห็นเลยค่ะ (หัวเราะ) และก็ไม่อยากคิดไปก่อน"

นักข่าวซักต่อว่า เขาเป็นคนขี้หวงหรือเปล่า นางเอกสาวกล่าวว่า "ส่วนตัวเขาเป็นคนเรียบร้อยค่ะ เขาไม่ก้าวก่ายงานของเรานะ ให้เราทำเต็มที่ เรามีทุกวันนี้ได้เพราะเราทำงานแบบนี้ก็ต้องให้เกียรติอาชีพเราด้วย ซึ่งเขาก็ทราบว่าเราถ่ายค่ะ แต่เขายังไม่เห็นภาพ