Inside Dara
เฌอเบลล์ เจ็บมาเยอะ ไถฟีดดูคนอื่นชีวิตดี เล่นไอจีเยอะมีผลต่อซึมเศร้า

วงการบันเทิงฉายแต่ภาพของความสวยงาม เฉิดฉาย ใครๆ ก็อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่จะได้อยู่บนโลกของดารา แต่เบื้องหลังภาพแห่งความงดงามนั้นกลับแฝงไปด้วยความกดดันของใครหลายคน ที่เจ็บปวดจากการรับมือกับภาพชีวิตงดงาม ชีวิตที่อยู่กับความโด่งดังถูกจับจ้อง

โรคซึมเศร้าเป็นภาวะที่ดาราหลายคนต้องต่อสู้ หนึ่งในนั้นคือนางเอกสาว เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ ที่เธอต้องต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และซึมเศร้ากลับมาอีกครั้งในช่วงที่เธอออกมาเป็นนักแสดงอิสระในช่วงเวลาที่พอดีกับโควิด-19 บุกโลก

เฌอเบลล์ เล่าเรื่องราวในชีวิตกับเราไทยรัฐออนไลน์ ในวันที่เธอตกผลึกมุมองต่างๆ ในชีวิตได้ดีขึ้น แม้มันจะเป็นช่วงยากลำบากที่หลังจากเธอตัดสินใจไม่ต่อสัญญาต้นสังกัดเดิมออกมาเป็นนักอิสระ ก็ดันมีโควิดเข้ามาพอดี แต่อย่างน้อยเธอก็ยังเห็นข้อดีของมันที่ทำให้เธอเติบโต

ออกมาเป็นอิสระ แฮปปี้ ท้าทาย เหนื่อย เครียด

แม้จริงๆ การออกมาเป็นอิสระ คือความเสี่ยงกับการที่ชื่อจะเฟดหายไปจากหน้าจอ กระทบถึงชื่อเสียงที่จะเฟดหายลงตามไปด้วย เพราะงานไม่มีหมุนเวียนเยอะเท่ากับการมีสังกัด

“จริงๆ หนูเครียดจนหายเครียดละ เพราะหนูน่ะหมดสัญญาตอนโควิดพอดี และมันเป็นช่วงที่ระบาดหนักต้องหยุดกอง 6 เดือน หนูเจอจังหวะนั้นพอดีเลย หนูนอยด์เครียดจนหาย คือกลับมาเป็นซึมเศร้าอีกรอบเลย เพราะเรานอยด์มาก

แต่การที่ออกมาเป็นอิสระ เรารู้สึกว่าได้บทที่หลากหลายขึ้น พอเราอยู่ข้างนอกรู้สึกว่ามีบทและละครจากหลายๆ ที่ แต่ละที่ก็มีอะไรให้เลือกเยอะแยะไปหมด เราอยู่ช่องเราโตจนรู้สึกว่าตัวเองเก่งเจ๋งมากเลยนะ

แต่พอเราได้ออกมาโลกข้างนอกจริงๆ เจอนักแสดงที่เก่งจริงๆ ทำให้รู้เลยว่าเรายังไม่ได้เก่งขนาดนั้น ทำให้หนูรู้สึกว่าเราต้องพัฒนา มันทำให้เราได้เติบโต เพราะว่าเราโตในบ้านเราก็เหมือนโดนสปอยล์ คิดว่าเราโอเคแล้วในนั้น แต่พอมาเจอข้างนอกเราจะรู้เลยว่าโลกภายนอกเป็นยังไง

มีผู้ใหญ่หลายๆ ท่านเขาเคยดูละครหนู พอเขารู้ว่าเราหมดสัญญา เขาก็ติดต่อและเสนอบทมาก็ยังถือว่าเราโชคดีที่ไม่ต้องไปวิ่งขนาดนั้น ยังมีผู้ใหญ่ทาบทามมา

ช่วงแรกๆ ก็ยังกล้าๆ กลัว เพราะว่าบทเยอะมาก และเราก็ไม่รู้ว่าบทจะดีไม่ดี เราไม่รู้จะเลือกอันไหนดี ก็เลยเป็นเรื่องที่หนักใจ อย่างแต่ก่อนอยู่ช่องเขาจะยื่นมาให้เลยและเราก็ต้องเล่น

อันนี้เป็นครั้งแรกที่เรามีสิทธิ์ในการเลือก ตอนมีช่องเราจะปฏิเสธไม่ค่อยได้ เพราะถ้าให้มาแล้วเราปฏิเสธก็อาจจะโดนผู้ใหญ่งอนบ้างเล็กน้อย

แต่ว่าพออันนี้ผู้ใหญ่ก็จะเข้าใจว่าเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกบทที่เราอยากเล่น หรือจะมีบางทีที่เราไม่ได้เลือก เพราะเราไม่มั่นใจ ด้วยตัวเราเพิ่งออกมาครั้งแรกมันก็สับสนไปหมด

ตัวเราอยากเล่นบทที่มันท้าทาย เฌอเป็นคนชอบความท้าทายในการแสดง เพราะเฌอรู้สึกว่ามันมีอะไรที่ได้แสดงใหม่ขึ้นเรื่อยๆ และสมัยนี้มันมีละครที่หลากหลายแนว อยากเจออะไรที่มันใหม่ๆ แปลกๆ

เราไม่ได้ชอบร้ายสุดหรืออะไรสุด แต่เราชอบตัวละครที่ค่อนข้างมีความเป็นมนุษย์จริงๆ เราอยากถ่ายทอดตัวละครตัวนั้นออกมาให้คนดูอินเข้าไปในตัวละครเหมือนเราดูแนนโน๊ะ เรารู้สึกว่ามันเจ๋งเราอยากเล่นตัวละครที่ไม่มีอยู่จริง ทำให้คนรู้สึกจริงและสัมผัสได้ สนุกได้เหมือนกัน”

เฌอเบลล์ บอกว่าเธอแฮปปี้กับการออกมาเป็นอิสระ แม้จะเหนื่อยกับการทำงานการบ้านหนักว่าเดิมเยอะเหลือเกิน แต่ก็ได้ทำอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายแตกต่างจากเดิม แต่ในความแฮปปี้ก็มีความเครียดแฝงอยู่ เพราะ เฌอเบลล์ กลัวว่าถ้าแสดงไม่ดีจะไม่มีคนมาจ้างอีก ซึ่งความเครียดนี้ทำให้อาการซึมเศร้าที่อยู่กับเธอมานานกลับมาแสดงอาการอีกครั้ง

เป็นซึมเศร้ามาตั้งแต่ 5 ขวบ

เราคุยกัย เฌอเบลล์ ว่าในวงการบันเทิงดาราเป็นซึมเศร้ากันเยอะจัง เธอตอบเราว่า “ใช่” เมื่อถามว่ามันเกิดจากอะไร เฌอเบลล์ บอกว่าสำหรับคนอื่นก็คงมีที่มาต่างๆ กันไป แต่สำหรับเธอเองนั้นเป็นตั้งแต่เด็ก 5 ขวบ

“ด้วยภาวะหลายๆ อย่างบางทีการไม่เข้าใจกันในครอบครัว อาจจะเป็นไทม์ไลน์ที่ผู้ใหญ่เขารู้สึกแบบนี้ กดดันแบบนี้ในช่วงนั้นของเขา แต่ไทม์ไลน์ของเด็กเป็นแบบนี้ที่ผู้ใหญ่คิดว่าทำไปแล้วเด็กไม่รู้เรื่อง คือเด็กรู้เรื่องแล้ว และบางทีเราเป็นเด็กที่เก็บไว้ด้วย”

อยู่ในครอบครัวที่เข้มงวดเหรอคะ เราเอ่ยถามดาราสาวตรงหน้า “ด้วยค่ะ เวลาที่เราอยู่กับคุณแม่ที่เขายังไม่พร้อมที่จะมีลูกเขาก็จะกดดัน คือการเป็นคุณแม่ต้องพร้อมจริงๆ การเป็นภรรยาเป็นแม่คนมันมีความเครียดนะ มันคือวันๆ อยู่แต่กับลูกและอยู่แต่กับสิ่งนี้ มันไม่ได้ออกไปคลายเครียดเลย

ตอนนี้เราเข้าใจเขาแล้ว แต่ตอนเด็กๆ มุมมองของเด็กเราไม่เข้าใจ โตขึ้นมาเราถึงได้เข้าใจว่ามันไม่ได้ง่ายและเขาเองก็ไม่ได้พร้อม ยิ่งเขาไม่พร้อมเขาต้องมาเจอแบบนี้มันหนักสำหรับเขา

ขนาดคนที่เขามีลูก เขาพร้อมมีเขายังเป็นซึมเศร้าเลย เพราะว่ามันหนัก แล้วนี่คนไม่พร้อมเลยเราก็ต้องยิ่งเข้าใจเขาว่ามันหนักมาก

แต่ด้วยความเป็นเด็กเราไม่เข้าใจว่าการกระทำนั้นเขาเกิดจากอะไร จนเราโตเราเริ่มหันมาศึกษาจิตวิทยาต่างๆ เพื่อที่จะเข้าใจการแสดงออกในแต่ละรูปแบบของแต่ละคนเราก็เลยเข้าใจมากขึ้นว่า อ๋อ ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมันหมายถึงแบบนี้

โซเชียลทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ

ต้องรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง

คือ เฌอเบลล์ เป็น 5 ขวบแล้วก็เป็นมาเรื่อยๆ เลยอย่างนี้เลยเหรอคะ เมื่อเราถามประเด็นนี้ เฌอเบลล์ พยักหน้าช้าๆ “คือถ้าเกิดเราเพิ่งเป็นตอนนี้ เราก็แก้ไม่ได้ยาก แต่ของหนูเป็นตั้งแต่เด็กจนสารคัดหลั่งในสมองมันเป็นไปโดยธรรมชาติไปเรื่อยๆ

เราก็เลยต้องคอยมีสติ ระวัง และรู้ทันอารมณ์ตัวเองตลอดเวลา ว่าเราเริ่มมีอารมณ์นี้มาละนะ เราต้องเริ่มไปโฟกัสอย่างอื่น

อย่างของหนูถ้ามันมาก็ต้องโฟกัสงานไปเลย ถ้าไม่โฟกัสงานก็อยู่กับหมากับแมว หรือหากิจกรรมที่ทำ

จะสังเกตได้ว่าหนูจะไม่ลงเล่นไอจีหรือเฟซบุ๊กบ่อยเหมือนดาราคนอื่น เพราะว่าบางทีมันพารานอยด์เวลาเราเห็นชีวิตคนอื่นดี บางทีเราเป็น เราจึงจะพยายามไม่ดูอะไรมากให้เรารู้สึกกับตัวเอง

เพราะต้องยอมรับว่าโซเชียลมันก็มีผลในสมัยนี้ คนยุคนี้เป็นซึมเศร้าเยอะ หนูเองมองว่าก็เป็นเพราะโซเชียล บางคนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเวลาเห็นคนอื่นลงโซเชียลว่ามีชีวิตดีในไอจี แม้บางคนเขาก็ไม่ได้ชีวิตดีขนาดนั้นแต่ในโซเชียลทุกคนต้องพยายามมีชีวิตดี

คนเราบางทีเสพเข้าไปถ้าไม่รู้ทันอารมณ์ตัวเอง มันจะกลับมารู้สึกกับตัวเองน้อยเนื้อต่ำใจ เลยทำให้สาเหตุปัจจัยหลายๆ อย่างเกิดจากโซเชียล

และการที่เราเป็นดาราเราต้องอยู่กับส่ิงเหล่านี้ เพราะฉะนั้นเราต้องมีสติในการใช้ ถ้าเราดูแล้วเราต้องคิดบวกให้เป็น และมีความสุขกับสิ่งที่เราเห็น ยินดีกับทุกคน

พอเราคิดแบบนั้นเราจะไม่รู้สึกอะไรมาก แล้วเราก็จะไม่มานั่งคิดน้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง แต่ว่าจริงๆ มันก็เป็นเรื่องแย่สำหรับคนเป็นโรคซึมเศร้า

บางคนเขาไม่รู้แต่อยากจะช่วยแต่มันผิดวิธี อย่างเช่น บอกว่าเธอดูชีวิตคนอื่นที่เขาแย่กว่าเธอดิ ไปดูคนชีวิตดีทำไม ซึ่งมันไม่ได้เลยนะ สำหรับคนเป็นซึมเศร้ามันยิ่งแย่นะ ยิ่งรู้สึกกับตัวเองว่าตัวเองมีปัญหากับตัวเอง”

สัญญาณการมาของซึมเศร้าและคอมเมนต์แย่ๆ

เมื่อเราถาม เฌอเบลล์ ว่าคอมเมนต์ของคนล่ะ ตอนนี้ทุกคนมองว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ได้ Freedom Of Speech ดาราต้องเผชิญเรื่องพวกนี้เยอะนะ

“ตอนเด็กหนูเป็นเด็กที่ aggressive (ก้าวร้าว) หน่อยๆ เมื่อก่อนเวลามีคนพิมพ์มาว่าปากหนาเราก็จะตอบเขาแรง ตอนนั้นเราเซ็ง นอยด์ หลายอย่างพอโดนว่า

ตอนนั้นเราก็ไม่ได้เข้าใจตัวเองมาก แต่พอเรามาศึกษาว่า อ๋อ พอเรารู้อารมณ์ตัวเอง และพอจับอารมณ์ตัวเองได้ว่าเรารู้สึกแบบนี้เราไม่ชอบเลย พอเราเข้าใจตัวเองละเราก็เลยนิ่งขึ้น ไม่หือไม่อือกับคนที่มาวิจารณ์

จะเห็นว่าหลังๆ พัฒนาการเฌอหลังๆ จะไม่โต้ตอบคอมเมนต์อะไรทั้งสิ้น เหมือนตอนเด็กคนมองเราแรงๆ ทั้งที่จริงๆ คนใกล้ตัวที่รู้จักจริงๆ จะรู้ว่าเราไม่ได้แรง แต่เราแค่บางทีที่เราเป็นเด็กเก็บกด เวลามีอะไรมันก็จะปะทุไปทีนึงแรงๆ

สัญญาณอะไรที่บอก เฌอเบลล์ ว่าซึมเศร้าจะมาอีกแล้ว “แต่ละคนเป็นไม่เหมือนกันนะ อย่างเฌอถ้าไม่หนักมากก็จะเครียดงาน อาการที่มาจากทางใจเราละ คือเฌอจะเครียดลงกระเพาะ กินข้าวไม่ได้ นอนไม่ได้ และจะเริ่มรู้ตัวเฌอละว่าเฌอจะคิดวนเรื่องเดิมๆ นั่นคือสัญญาณที่เฌอรู้ตัวละว่าอาการเริ่มมา เฌอจะเริ่มคิดวนแต่เรื่องนี้ที่เราไม่ชอบๆๆ

พอเรารู้ตัวว่าเราเริ่มคิดแบบนี้เราจะพยายามเบนไปทางอื่น หันไปอ่านหนังสือ ไปเล่มเกมก็ได้ พอเราเริ่มหันมานั่งสมาธิเราพยายามจดจ่อตัวเราว่าเรารู้สึกยังไงเป็นยังไง เราจะรู้ตัวละว่าตัวเองเริ่มคิดวน เราต้องออกไปทำอย่างอื่นละ”

โควิดพาซึมเศร้ากลับมา

เคยนอนไม่ได้มา 7 ปี

แต่เพราะโควิดก็เลยทำให้ เฌอเบลล์ กลับมาเป็นซึมเศร้าอีก “เราเครียดเพราะเราเพิ่งออกจากสังกัด เราก็เลยคาดหวัง การคาดหวังเป็นภัยอันตรายอย่างนึงของซึมเศร้า พอเราคาดหวังไว้หลายอย่าง และพอมันไม่เป็นไปตามที่เราคาดคิด จากคำพูดของคน บางทีเราก็เอามากดดันตัวเองมากไป”

"ตอนนี้ก็ยังอยู่กับมัน ของเฌอไม่รู้มันจะหายหรือเปล่า มันคือสิ่งที่อยู่กับเฌอมาตั้งแต่ 5 ขวบ ตอนนี้ 30 แล้ว มันอยู่กับเฌอมาแทบจะทั้งชีวิตแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาอยู่ไม่กี่เดือน ซึ่งเฌออยู่กับมันได้เพียงแต่เฌอต้องคอยมีสติและรู้ทันตัวเองตลอด

จริงๆ ซึมเศร้าต้องหาหมอด้วย? "เฌอเคยไปหาหมอและเฌอเคยกินยาอยู่ 3 วัน และเฌอรู้สึกว่ายามันไม่เวิร์กสำหรับเราเพราะต้องทำงาน เฌอต้องจำบทและยามันทำให้เบลอ เพราะมันกดทับประสาท

แต่คือแต่ละคนก็จะมีเอฟเฟกค์ไม่เหมือนกันเพราะแต่ละตัวยา หรือระดับยาแต่ละคนที่ได้มันก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งของเฌอก็จะโดนยาแรง เพราะเฌอมีปัญหาเยอะนอนไม่ได้เลย บางทีนอนวันละ 1 ชั่วโมง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ทำงานมา 7 ปี โดยที่เป็นโรคซึมเศร้าและก็นอนไม่ได้มาเยอะเลย แต่เราก็ใช้ชีวิตของเรามาและสู้มาตลอด"

เรื่องความรักขอตอบแบบดาราบ้าง

เรื่องความรัก เฌอเบลล์ เจอหนักมาตลอด ตอนนี้เป็นยังไง "ดีค่ะ ก็เรียกว่าศึกษาดูใจ (หัวเราะ) ภาษาดาราเนอะ ปกติไม่เคยตอบ เพราะจะตอบตรงดีครั้งนี้ขอเป็นดาราดูบ้าง ตอบดีๆ เหมือนเขาบ้าง"

กลัวการแต่งงานมีลูกมั้ยจากส่ิงที่เราเจอมาเด็กๆ "กลัวค่ะ มันมีผลสำคัญเพราะเราเห็นครอบครัวเรา เราเห็นคนรอบตัวเรา มีปัญหาเรื่องความรักการหย่าร้างเยอะ เรากลายเป็นว่าเรากลัวเรื่องการแต่งงาน ยิ่งเป็นคนที่ไม่ดีจริงๆ เขาไม่เข้าใจเราหลายๆ อย่าง หรือมันไม่โอเคจริงๆ เราจะไม่ฝืน

อย่างที่เห็นก่อนหน้านี้คือไม่เอาเลย คือถ้าเรารู้สึกว่าเราต้องผูกติดกับใครขนาดนั้นมันต้องดีจริงๆ จนเรายอม เราต้องรู้สึกว่าคนนี้ละยอมแล้ว แต่ถ้ารู้สึกว่ายังมีนิดๆ หน่อยๆ จะมารวบลัดขั้นตอนหนูก็เทเลย พอ

หนูไม่ซีเรียสว่าคนจะมามองว่าอายุ 30 แล้วยังไม่มีวี่แววได้แต่งงาน คนในวงการมักจะโดนมองแบบนี้ ความพร้อมแต่ละคนช่วงอายุที่พร้อมจะแต่งงานไม่เท่ากัน บางคนเขาพร้อมแล้วตั้งแต่อายุ 20 แต่หนู 30 แล้วก็ยังไม่พร้อมมีลูก

หนูค่อนข้างซีเรียสเรื่องคู่ที่จะอยู่ด้วยจริงๆ ว่าเขาจะต้องดี แล้วเรารู้สึกว่าเราเวลาอยู่ด้วยตัวเองเราไม่ค่อยเป็นอะไรมากเท่าไหร่ สภาพจิตใจเราดี แต่พอมีคู่แล้วเรามองว่ามันคือปัจจัยหลักเลยแหละในการทำให้ซึมเศร้ากลับมา เราเลยรู้สึกว่าถ้าจะมีคู่มันต้องดีกว่าการอยู่คนเดียว"

ผวา! เจ็บมาเยอะมองผู้ชายให้ออก

เวลามีแฟนเอาใจไปฝากกับเขามั้ย? "ตอนเด็กๆ เป็นด้วยความที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ รักแล้วก็รักเอย ตอนนี้โตขึ้น คนเขาเข้ามาดีแหละ แต่ด้วยความที่เราระแวง เราผวาไปแล้ว ก็มองแง่ลบไปหมดเลย ก็คือผู้ชายตอนนี้เขาต้องพิสูจน์ตัวเยอะ

หนูไม่ถึงกับปิดตัวเองนะ แต่เราจะมองและอ่านคนทะลุมากยิ่งขึ้น ดูนานมากขึ้น แต่ก่อนตอนเด็กๆ คุยๆ คบๆ ไม่ถึงเดือน ยังไม่ทันศึกษาหรือรู้จักเขาจริงๆ เราก็เปิดตัวละ แต่ว่าอย่างล่าสุดก็คือนานนะ กว่าที่จะโอเค"

"อนาคตก็ยังไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น แต่ก็ศึกษาดูใจมากขึ้น แต่เอาทุกวันนี้ให้ดีก่อน ถ้ามันดีจริงๆ อนาคตค่อยคิดอีกทีหนึ่งเพราะว่าอนาคตอีกไกล ไม่อยากไปคิดก่อน เพราะถ้าไปคิดก่อนเราก็จะไปล็อกว่ามันต้องเป็นแบบนี้ๆ พอมันเกิดอะไรขึ้น มันเหมือนเราคาดหวังไว้แล้ว แล้วมันผิดตรงไหนนิดเดียว เรานี่แหละจะแย่ มันทำให้จิตใจเราเแย่ เฌอได้เรียนรู้มาจากอดีตก็เลยไม่อยากไปโฟกัสอะไร เอาวันนี้ ตอนนี้ให้ดี ประสบการณ์มันสอนเรา"

แปลว่าเจ็บมาเยอะ? "เยอะๆ โดนมาหนัก เราแค่ไม่ได้ออกมาพูดหรือฟูมฟายอะไรผ่านกล้อง เราเลือกที่จะเงียบ ซึ่งเราก็เห็นได้ว่าฝั่งผู้ชายจะชอบออกมาฟูมฟายทั้งพูดทั้งเขียน ซึ่งบางทีเราก็รู้สึกว่าแปลกเนอะ ว่าคนที่ออกมาเขียนเนี่ยคือคนที่กระทำเขาด้วยซ้ำ แต่เขียนเหมือนตัวเองโดนกระทำ

หนูก็เลยแบบอือ คนที่โดนนี่เงียบกริบ แต่ก็ผิดที่เราแหละที่ไปเลือกคบคนที่เขาอยากมีจุดยืน อยากมีพื้นที่ อยากมีแสงสว่าง มันผิดที่เราตรงนั้น เราก็ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ตัวเองว่าเราต้องดูผู้ชายดีๆ ไม่ใช่ไปที่อย่างอื่น จนไม่รู้ว่าเขาเข้ามาเพราะเขาต้องการผลประโยชน์อะไร ซึ่งเมื่อก่อนเราไม่ได้ดู แต่ก่อนเราใจๆ จนเราลืมดูว่าเขาจริงใจกับเราขนาดนั้นหรือเปล่า"

ถามตรง ตอบจริง เจ็บจริง สู้จริง เธอคนนี้นี่แหละ เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน.